ตอนที่ 103: ฉันมั่นใจ 2

ผู้บัญชาการสูงสุดพลันกระแอม ถึงแม้ว่าผู้บัญชาการสูงสุดอยากจะสบถออกมาว่าแผนการของเสี่ยวเฉิงนั้น โง่เง่าเกินกว่าจะเชื่อถือได้…แต่ผู้บัญชาการสูงสุดก็เป็นคนเลือกให้เสี่ยวเฉิงเข้ามารับตําแหน่งเอง ด้วยเหตุนั้น ผู้บัญชาการสูงสุดเองก็ต้องพูดอะไรบางอย่างออกไป เพราะเสี่ยวเฉิงเองก็กลายเป็นเหมือนเด็กในสังกัดของเขาไปแล้ว

“สืบเนื่องจากคดีของแก๊งเต่าดํา ฉันก็ดูออกแล้วว่าเสี่ยวเฉิงเป็นชายคนหนึ่งที่ฉลาดและมีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย ไหนจะวิธีการที่เสี่ยวเฉิงสามารถจับพวกลูกเศรษฐีโยนเข้าคุก หรือแม้แต่การโค่นล้มแก๊งเต่าดําและต่อกรกับแก๊งพยัคฆ์ขาวอย่างไร้ความปรานี แค่นี้ก็เพียงพอแล้วแหละที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าเสี่ยวเฉิงเป็นคนที่ฉลาด และมีไหวพริบดีขนาดไหน อีกอย่างฉันว่าแผนการนี้คงไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเราคิดหรอก”

แน่นอน ผู้บัญชาการสูงสุดไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยายามพูดเข้าข้างเสี่ยวเฉิง ตั้งแต่ผู้บัญชาการสูงสุด ได้รับคําชมมากมายจากเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานเรื่องการถอนรากถอนโคนแก๊งเต่าดําได้สําเร็จเขาก็พลันพูด

ในสังกัดของตัวเอง อีกทั้ง เขายังเล่าให้ทุกคนฟังอีกด้วยว่าเสียวเฉิงมีความสา มารถมากขนาดไหน เพราะเหตุนั้น ไม่ว่าแผนการตรงหน้าจะดูโง่เขลาขนาดไหน ผู้บัญชาการสูงสุดก็ทําได้เพียง แค่พูดจาเข้าข้างเสี่ยวเฉิงเท่านั้น

โอ้อวดไปทั่วว่าเสียาเจิงคือเด็กใบส

ระหว่างที่นั่งเงียบอยู่สักพัก รองผู้บัญชาการก็พลันหรี่ตาและกล่าวคําพูดออกมา “ยังไงเสีย นายลงนามแล้ว ก็ประทับตาก่อนเถอะ ฉันว่าเสียวเฉิงเองก็น่าจะมีไม้เด็ดอะไรอยู่แหละ รอดูกันต่อไปก็แล้วกัน”

ผู้บัญชาการสูงสุดพลันพยักหน้า หลังจากนั้น เขาก็ลงนามในเอกสารพร้อมกับประทับตรา

หลังจากแผนการของหน่วยสองถูกอนุมัติให้ผ่านแล้ว ทั้งผู้บัญชาการสูงสุดและรองผู้บัญชาการก็พลันถูกหรานจึงบ่นจนหูชาหลังจากนั้น

ย้อนกลับไปที่ห้องทํางานของทีมสอง เสี่ยวเฉิงเริ่มพูดถึงแผนการของตัวเอง “ตั้งแต่พรุ่งนี้ เราจะเริ่มทําคดีนี้ อย่างเป็นทางการ พวกนายทุกคนต้องทุ่มเทกับภารกิจอย่างเต็มที่อีกทั้ง ในการทํางาน ฉันไม่ต้องการให้ใคร มาตั้งคําถามกับแผนการนี้ โดยเฉพาะหวั่กัง… ทีมของนาย ฉันอยากให้พวกนายรายงานสถานะเป้าหมายให้ฉัน ทราบตลอดเวลา…ในระหว่างการสืบสวนคดี ฉันจะคอยใช้อุปกรณ์สื่อสารบลูทูธเพื่อออกคําสั่ง แล้วก็หลี่เชาว์… ภายในสองวัน ฉันต้องการให้ทีมของนายจัดการเรื่องรายการเดินบัญชีของคาสิโนทั้งห้าแห่งให้เสร็จ นายสามารถไปขอข้อมูลที่สํานักภาษีได้เลย ทั้งรายงานสินทรัพย์และรายการกระแสเงินสด ฉันต้องการทุกอย่าง แล้วก็อย่าประเมินอีกฝ่ายต่ําไปด้วยล่ะ”

หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็มองไปยังหวั่กังและหลี่เชาว์ “มีคําถามอะไรอีกไหม? ถ้ามี ก็พูดออกมาตอนนี้เลย”

หรูทั้งพลันยกมือขึ้น “หัวหน้าครับ คือผมสงสัยว่า…”

ทว่า ก่อนที่หวู่กังจะพูดจบ เสี่ยวเฉิงก็พลันขัดจังหวะขึ้นมา “ไม่ได้ยินที่ฉันพูดในตอนแรกหรือยังไงกัน? ฉันไม่ต้องการให้ใครตั้งคําถามกับแผนของฉันทั้งนั้น ไปวิดพื้นห้าสิบครั้ง! ปฏิบัติ! ทําเสร็จแล้วค่อยกลับมา”

หวู่กังพลันหายใจเข้า เขาพยักหน้าแล้วออกไป

หลี่เชาว์กล่าวต่อ “ผมไม่มีคําถามอะไรครับ ผมจะส่งข้อมูลทุกอย่างให้หัวหน้าภายในสองวัน”

“ดีมาก ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้เราจะเริ่มทําคดีกันอย่างเป็นทางการ!” เสี่ยวเฉิงตอบกลับ

หลี่เชาว์พยักหน้า “งั้นผมจะไปแจ้งทางสํานักภาษีก่อนถ้าไม่ทําตอนนี้ พรุ่งนี้คงวุ่นวายแน่”

เสี่ยวเฉิงพยักหน้า

หลี่เชาว์นําสมาชิกในทีมทั้งห้าคนออกไปจากห้อง ส่วนหวู่กังที่วิดพื้นครบห้าสิบรอบแล้วก็พลันเดินเข้ามาในห้องทํางาน เสี่ยวเฉิงพลันส่งสายตาและกล่าวคําพูด “ระหว่างคอยติดตามอีกฝ่าย จําไว้ว่าอย่าประมาท ถ้านายได้รับคําเตือนจากพวกมันเมื่อไหร่ ให้หยุดภารกิจและเปลี่ยนเป้าหมายกับคนอื่นทันที”

หวู่กังพยักหน้า

เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้มและถามขึ้น “อันที่จริง นายรู้ไหมว่าทําไมฉันถึงเลือกให้นายคอยติดตามพวกแก๊ง พยัคฆ์ขาวแทนที่จะเป็นหลี่เชาว์?”

หวู่กังพลันสงสัย “ทําไมล่ะครับ?”

เสี่ยวเฉิงพลันเผยเสียงหัวเราะและตอบกลับ “เพราะนายมักจะสงสัยในทุกเรื่องอยู่ตลอดเวลายังไงล่ะ! นายมักจะตั้งคําถามทุกครั้งหลังจากฉันออกคําสั่ง คนอย่างนายนี่แหละเหมาะที่สุดแล้วในการเฝ้าระวังและติดตามพวกแก๊งพยัคฆ์ขาว นิสัยช่างสงสัยช่างสังเกตของนายจะผลักดันให้ทําภารกิจสําเร็จเอง”

หวู่กังพลันหรี่ตาลงอย่างกะทันหัน หลังจากมองไปยังเสี่ยวเฉิงสักพัก ท้ายที่สุด เขาก็พูดขึ้น “หัวหน้าครับ ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว!”

แต่ในไม่ช้า หวู่กังก็พลันหัวเราะออกมาและถามขึ้น “งั้นถ้าหัวหน้ารู้แล้วว่าความอยากรู้อยากเห็นของผมสุดโต่งขนาดไหน ช่วยบอกผมที่ได้ไหมล่ะครับว่ากําลังวางแผนอะไรอยู่? ผมอยากรู้แทบแย่แล้ว”

เสี่ยวเฉิงพลันเผยเสียงหัวเราะและมองไปยังคนอื่นที่อยู่ในห้อง “พวกนายอยากรู้งั้นเหรอ?”

อีกห้าคนพลันพยักหน้าทันที

เสี่ยวเฉิงเผยยิ้ม “ฉันบอกหลี่เชาว์กับคนอื่นที่กําลังแอบฟังอยู่ข้างนอกไปแล้ว พวกนายไปถามพวกนั้นก็ได้”

ด้านนอกประตู หลี่เชาว์และสมาชิกคนอื่นพลันเบิกตากว้าง หัวหน้ารู้ได้ยังไงกันว่าพวกเรากําลังดักฟังอยู่?

ทันทีที่เสี่ยวเฉิงพูดจบหวู่กังก็เดินไปผลักประตูออก ทันใดนั้น เขาพลันเห็นหลี่เชาว์และเพื่อนร่วมทีมคนอื่น กําลังยืนเอาหูแนบกระจกอยู่นอกห้อง สรุปก็คือ… หลี่เชาว์และสมาชิกในทีมอีกสี่คนกําลังแอบฟังเสี่ยวเฉิงอยู่จริง ๆ !