ตอนที่ 271 การเดินทางที่แสนทรมาน
ตอนที่ 271 การเดินทางที่แสนทรมาน
เมื่อได้ยินเสียงของซูเถา เฉียนหลินและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าเสียงของเธอไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่รู้สึกเหมือนเป็นเสียงของธรรมชาติ ใครฟังก็ต้องหลงใหล
เฉินเทียนเจียวและคนอื่น ๆ ก็ยังหลงอยู่ดี
แต่เมื่อสือจื่อจิ้นขว้างมีดที่คมกริบไปที่เขา เขาก็สร่างจากอาการเมาทันที โดยแสร้งทำเป็นมีจิตใจบริสุทธิ์และไม่ได้คิดอะไรไม่ดี
มู่อั้นอั้นรู้สึกตื่นเต้นมากที่สุด เธอมองไปที่ซูเถาด้วยความคาดหวังอย่างมาก
“คุณยังทนไหวไหม” ซูเถาถามเธอ
“ฉันสามารถข่มเธอได้สักพัก แต่อาจนานแค่สองชั่วโมง เพราะฉันไม่ได้นอนมาหลายวันแล้ว ฉันรู้สึกจิตใจอ่อนล้ามาก และเมื่อฉันหลับ เธอจะออกมา” มู่อั้นอั้นพยักหน้า
ซูเถาขอให้เจียงอวี่ปล่อยเธอไปชั่วคราวแล้วเชิญทุกคนมาพักกินข้าวด้วยกัน
หลินฟางจือหยิบโต๊ะสีขาวขนาดใหญ่ออกมาจากพื้นที่ของเขาทันที พร้อมกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาติต่าง ๆ ข้าวกล่อง เครื่องดื่มเย็น ๆ และอาหารแช่แข็งสองสามอย่างที่เตรียมโดยพ่อครัวฉิน เพียงแค่นำไปอุ่นร้อนในไมโครเวฟที่อยู่บนรถบ้านของซูเถา
สำหรับของหวานก็มีสตรอว์เบอร์รีสีขาวสามตะกร้า
หลินฟางจือพูดออกมาเสียงดังชัดเจนว่า
“เลือกสิ่งที่แต่ละคนต้องการได้เลย ขอแค่ไม่กินทิ้งขว้าง”
เฉียนหลินและคนอื่น ๆ รู้ในความสามารถการจัดเก็บของเขา จึงไม่ได้มีท่าทีแปลกใจอะไร
เฉินเทียนเจียวและคนอื่น ๆ ที่มาพร้อมกับสือจื่อจิ้นถอนหายใจอีกครั้ง เป็นไปตามที่คาดไว้ ตราบใดที่พวกเขาออกไปกับเถ้าแก่ซู ก็จะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความทุกข์ทรมาน
มู่อั้นอั้นเป็นคนที่เตรียมตัวมาน้อยที่สุด แวบแรกที่เห็นอาหารและเครื่องดื่มมากมาย ดวงตาของเธอก็แทบจะถลนออกมา
สวีฉีและเนี่ยซือป๋อก็ตกใจเล็กน้อยเช่นกัน
สิ่งที่เขาเอาออกมา กินได้ทั้งหมดเลยเหรอ?
เมื่อก่อนตอนที่พวกเขาออกไปกับถานหย่ง อาหารและน้ำมีไม่มาก ไม่สามารถเลือกกินได้อย่างตามใจ และมีให้กินอย่างจำกัด
เท่านั้นยังไม่พอ ซูเถาทนอากาศข้างนอกไม่ไหว เธอจึงย้ายเครื่องปรับอากาศแนวตั้งที่ต่อเข้ากับรถบ้านเพื่อเป่าลมเย็นให้ทุกคนและกางร่มขนาดใหญ่เพื่อบดบังแสงแดด
อย่างนี้แดดจะแรงแค่ไหนก็เอาอยู่
ลมเย็นพัดพามู่อั้นอั้นย้อนกลับไปสมัยที่เธอยังเด็ก ราวกับความฝันอันแสนหวาน
ซูเถาสะกิดเธอ “เลิกเหม่อได้แล้วค่ะ รีบไปหยิบเถอะ จะได้มีแรงจัดการกับเธอหลังกินข้าวเสร็จ”
มู่อั้นอั้นหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกระซิบว่า “ขอบคุณนะเถ้าแก่ซู”
ซูเถายิ้มและพยักหน้า “ไปเถอะค่ะ”
คนสิบแปดคนหยิบสิ่งที่พวกเขาต้องการทีละคนราวกับว่าพวกเขาอยู่ในบุฟเฟ่ต์และนั่งบนเก้าอี้พับที่หลินฟางจือนำออกมาจากห้วงมิติ ทุกคนนั่งรับประทานอาหารร้อนและดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ พร้อมกับลมเย็น ๆ เป่า ไม่ต้องพูดถึงว่ามันสะดวกสบายแค่ไหน
เฮยจือหม่าทำหน้าที่เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัย มันออกไปลาดตระเวนในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร ด้วยวิธีนี้ ทุกคนจึงไม่กลัวที่จะมีคนมาแย่งอาหาร และพวกเขาก็รู้สึกปลอดภัยเต็มเปี่ยม
เมื่อทุกคนกินและดื่มอย่างเพียงพอแล้ว ก็ช่วยกันเก็บขยะตามโต๊ะและเก้าอี้
สิ่งที่ไม่มีใครรู้ก็คือบนถนนอีกสายหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ถึงห้ากิโลเมตร เว่ยเสียงและพวกกำลังมุ่งหน้าไปยังซินตูก็กำลังรับประทานขนมปังแห้งในมือภายใต้แสงแดดที่แผดเผาและอุณหภูมิสูง
เจ้านายสามคนจากฐานลั่วหนาน นั่งกินเนื้อแดดเดียวอยู่ในรถที่เปิดเครื่องปรับอากาศ
เว่ยเสียงกลืนอย่างลำบาก และสำลักเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบน้ำในกระเป๋าออกมาแล้วดื่มทีละน้อย
เขาไม่กล้าดื่มมากเกินไป และบังคับตัวเองให้หยุดหลังจากจิบไปสามครั้ง
เจ้านายให้น้ำแค่ขวดเดียวสำหรับสามวัน ซึ่งมันน้อยมาก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่รอดในวันที่อากาศร้อนจัด
แต่ถึงอย่างนั้นเว่ยเสียงก็ไม่ได้บ่นอะไรมากมายนัก
ตอนนี้น้ำและอาหารขาดแคลนเพียงใด การให้น้ำคนละขวดเป็นเวลาสามวันถือเป็นเจ้านายที่มีมโนธรรมแล้ว
พวกเขาเคยเดินทางไกลกับถานหย่งมาก่อน พวกเขาจะต้องหาทางนำน้ำและอาหารไปเอง
ถังเล่อซึ่งออกมาจากสถานีเก่าพร้อมกับเขาก็เช็ดเหงื่อจากคิ้วของเขา
“นี่มันก็สิ้นเดือนกันยาแล้ว เดินทางไปในสภาพอากาศแบบนี้มันทุกข์ทรมานจริง ๆ”
เว่ยเสียงชำเลืองมองเขา “ทำไม นึกเสียดายขึ้นมาเหรอ”
ถังเล่อไม่กล้าพูดว่าเขารู้สึกเสียดายเล็กน้อย
วันแรกที่ออกเดินทางมาก็ไม่เท่าไหร่ แต่พอผ่านไปสามวันเขาก็แทบจะทนไม่ได้อีกต่อไป
ทุกหนทุกแห่งล้วนแห้งแล้งและไม่มีร่มเงาเลย ต้องเดินทางอีกหลายวันกว่าเขาจะหลุดพ้นจากความร้อนระอุนี้
ต้องใช้เวลาอีกสามหรือสี่วันในการเดินทางไปยังซินตู แค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังจะแห้งตายและผิวหนังของเขาก็เริ่มแสบ
“อย่าบอกนะว่านายยังอยากอยู่ที่สถานีเก่าแล้วตามสาวน้อยแซ่ซูนั่นไป? ถ้าเป็นอย่างนั้น นายอาจจะเสียใจยิ่งกว่าตอนนี้ ครั้งล่าสุดที่ฉันโทรหาคนขี้ขลาดอย่างเนี่ยซือป๋อนั่น เขาสนับสนุนฉัน เขาดูอึกอักไม่กล้าพูดอะไรมาก เขาอยู่ภายใต้การดูแลของซูเถาคงตกระกำลำบาก” เว่ยเสียงตะคอก
ถังเล่อก็คิดแบบนั้นเช่นกัน มันอาจจะไม่ดีถ้ายังอยู่ที่สถานีเก่า
อย่างน้อยเขามาติดตามเจ้านายจากลั่วหนานก็มีเงินติดตัว เช่นเดียวกับน้ำและอาหาร แม้จะไม่มาก แต่ก็ถือว่าได้รับ หลังจากการเดินทางครั้งนี้ พวกเขาสามารถได้รับเงินตอบแทนจำนวนมาก และการทำงานหนักของพวกเขาจะได้รับผลตอบแทนที่ดี
ซึ่งในตอนนี้เนี่ยซือป๋อคงไม่แม้แต่จะมีอาหารกิน
ส่วนสวีฉีนั้น ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเสียใจไหมที่ไม่ได้ติดตามพี่เว่ยมาในตอนนั้น
พวกเขาคงทนความโหดร้ายของซูเถาไม่ได้อย่างแน่นอน เขาเดาว่าฝ่ายนั้นจะต้องติดต่อพี่เว่ยมาในเร็ววันนี้และขอความช่วยเหลือจากเขา
พี่น้องคนอื่น ๆ ก็เห็นด้วยกับพวกเขา และพวกเขาก็ให้กำลังใจกันและกันเพื่อพาเจ้านายออกเดินทางต่อไป
ทางด้านของซูเถา ทุกคนช่วยกันเก็บข้าวของ และแต่ละคนก็ได้รับน้ำและอาหารหนึ่งชุดจากหลินฟางจือ เพื่อให้พวกเขากินและดื่มในรถได้ง่ายขึ้น
มันทำให้ทุกคนรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย
ซูเถานำเสบียงมาเพียงพอ และยังมีอาหารเหลือให้กินซ้ำสองอีก ซูเถาไม่ตระหนี่ และหวังว่าทุกคนจะกินดื่มได้เยอะ ๆ
ก่อนออกเดินทาง ซูเถาพามู่อั้นอั้นไปที่รถบ้านของเธอและพูดว่า
“คุณง่วงนอนไหม ไปนอนเถอะ ที่เหลือเป็นหน้าที่ของฉันเอง”
หลังจากรับประทานอาหาร มู่อั้นอั้นก็รู้สึกว่าเปลือกตาของเธอหนักขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงยิ้มอย่างขอบคุณซูเถาก่อนที่จะเริ่มมัดมือด้วยตัวเอง
เจียงอวี่ช่วยเธอมัดเท้า เพื่อไม่ให้ใครได้รับบาดเจ็บจากฟันและเล็บของเธอหลังจากที่หญิงบ้าตื่นขึ้น
สือจื่อจิ้นเรียกหาเฉินเทียนเจียว เพื่อทำหน้าที่เป็นคนขับชั่วคราวในขณะที่เขายืนอยู่ข้างซูเถาพร้อมที่จะฆ่าภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
เสวี่ยเตาดูเหมือนจะรู้เช่นกัน ดังนั้นมันจึงไม่สามารถนอนหลับได้อีกต่อไป มันลุกขึ้นเฝ้าระวังและใบหูของมันก็ตั้งขึ้น
มู่อั้นอั้นง่วงนอนมาก ในขณะเดียวกันสายตาหลายคู่จ้องมองมาที่เธอ เธอหลับไปบนโซฟาในเวลาไม่ถึงสองนาที
ขณะที่หลับไปเธอก็ลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง
เมื่อเห็นซูเถา ชวีจิ้งอวิ๋นก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย
“จะทำอะไรน่ะ! ร่างกายนี้เป็นของฉัน เธอเป็นแค่ปรสิต!”
เธอรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างมู่อั้นอั้นและซูเถา!
แต่ในเวลานั้นเธอถูกมู่อั้นอั้นกดไว้ และเธอไม่สามารถควบคุมร่างกายของเธอได้เลย เธอได้แต่เฝ้าดูมู่อั้นอั้นหลงระเริง!
ซูเถามองเธออย่างใจเย็น
“ชีวิตหนึ่งก็มีค่าหนึ่งชีวิต คุณเป็นคนฆ่าเธอในตอนนั้น ดังนั้นคุณควรคืนร่างให้เธอ”
ชวีจิ้งอวิ๋นเบิกตากว้าง
“ฉันแค่อยากจะสอนบทเรียนให้เธอ เธอเลือกเอง เธอยืนกรานที่จะหนี…”
ซูเถาไม่สนใจเธอ และเปิดริมฝีปากของตัวเองเพื่อร้องเพลงที่ไพเราะและมีแต่ชวีจิ้งอวิ๋นเท่านั้นที่ได้ยิน