บทที่ 220 ร้านใหญ่จิ่นฝู

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 220 ร้านใหญ่จิ่นฝู

บทที่ 220 ร้านใหญ่จิ่นฝู

กู้เสี่ยวหวานเองก็ยิ้มตามอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของเสี่ยวเซิ่งจื่อ

“แม่นางกู้ ในเมื่อเจ้ามาแล้ว เช่นนั้นข้าขอถามหน่อยว่า เหตุใดเมื่อปีก่อนตอนที่ข้าให้พวกเจ้าส่งหน่อไม้มาให้ที่ร้าน เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่มาหรือ” เสี่ยวเซิ่งจื่อพูดอย่างสงสัย “พวกเราตกลงกันดีแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมพวกเจ้าถึงไม่มาล่ะ ข้ารอตั้งหลายวัน ทั้งยังไม่รู้ว่าพวกเจ้าอาศัยอยู่ที่ใดด้วย ต่อมาที่นี่มีธุระให้จัดการ ทำให้ข้าต้องวิ่งมาที่นี่แล้ว”

กู้เสี่ยวหวานยิ้มแล้วพูดสั้น ๆ ว่า “เพราะว่าเกิดเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ไปน่ะ”

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้พูดเรื่องที่ตัวเองถูกเหมียวเอ้อร์หาเรื่องให้เสี่ยวเซิ่งจื่อฟัง เรื่องนี้ไม่อาจพูดออกไปส่ง ๆ ได้ จึงบอกเพียงว่าตัวเองไปไม่ได้ก็เท่านั้น

เสี่ยวเซิ่งจื่อรู้สึกเสียดายนิด ๆ “หน่อไม้นั่นทำกำไรได้เยอะมากเชียวนะ ทั้งยังทำให้ร้านจิ่นฝูขายดีขึ้นเป็นเทน้ำเทท่า เดิมทียังสามารถกอบโกยได้อีกไม่น้อย สุดท้ายพวกเจ้าไม่ยอมกอบโกยก็ถูกคนอื่นแย่งไปแล้ว” การที่กู้เสี่ยวหวานไม่ได้มาส่งหน่อไม้ ทำให้เขาต้องรับของจากคนอื่น เสียดายโอกาสหาเงินที่ดีมากขนาดนั้นไปครั้งหนึ่ง

กู้เสี่ยวหวานเองก็รู้ว่าเสี่ยวเซิ่งจื่อรู้สึกดายแทนตัวเอง ทว่าเรื่องนี้อย่างไรก็ผ่านไปแล้วไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ และนางไม่อยากทำให้เขายุ่งยากใจเพราะตัวเองด้วยเช่นกัน

“หืม ตะกร้านี้ของเจ้ามีของดีอะไรหรือ” เสี่ยวเซิ่งจื่อเห็นข้างหลังของกู้เสี่ยวหวานแบกตะกร้าอยู่ ดวงตาก็พลันเปล่งประกาย และถามอย่างตื่นเต้น

“ที่ข้ามาครั้งนี้ เพราะมีของดี ๆ จะมอบให้พวกท่านด้วย” กู้เสี่ยวหวานหย่อนเหยื่อใส่ปากของเสี่ยวเซิ่งจื่อก่อน พอได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานพูดว่าดีขนาดนี้ เสี่ยวเชิ่งจือก็รีบดึงกู้เสี่ยวหวานแล้วพูดว่า “ไป ๆๆ ขึ้นไปหาเถ้าแก่กันเถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าไปเจอเขา”

กู้เสี่ยวหวานเดินตามเสี่ยวเซิ่งจื่อขึ้นมาด้านบน แล้วกำชับกับกู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ว่าอย่าวิ่งซุกซน ให้ดูแลน้องสาวให้ดี

“แม่นางน้อย เถ้าแก่ของพวกข้าถามหาเจ้าอยู่ตลอด ๆ อาหารสองอย่างที่เจ้าทำในวันนั้น ตอนนี้มันคล้ายเป็นอาหารแนะนำร้านจิ่นฝูของพวกเราไปแล้ว เถ้าแก่หลี่เอาแต่ถามข้าว่าเมื่อไรที่เจ้าจะมา จะต้องพาเจ้าไปพบเขาให้ได้เพื่อขอบใจ”

ระหว่างที่พูด กู้เสี่ยวหวานกับเสี่ยวเซิ่งจื่อก็เดินเข้ามาในห้องหนึ่ง

เมื่อผลักประตูเข้ามาก็มองเห็นหลี่ฝานกำลังอ่านอะไรบางอย่างอยู่ ครั้นได้ยินเสียงคนเข้ามาก็ถามโดยที่ยังไม่เงยหน้า “มีเรื่องอะไร”

เสียงที่ได้ยินดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย ดูเหมือนช่วงนี้เปิดกิจการใหม่จะทำให้เขาเหนื่อยไม่น้อยเช่นกัน

เสี่ยวเซิ่งจื่อเอ่ยปาก “เถ้าแก่หลี่ ท่านดูสิว่าข้าพาใครมา”

หลี่ฝานจึงอ้าปากมองที่ประตูและเห็นเด็กสาวนางหนึ่งยืนอยู่

“สาวน้อย!” พอหลี่ฝานเห็นว่าเป็นใครก็ดวงตาเป็นประกาย เอ่ยทักนางอย่างตื่นเต้น

“เถ้าแก่หลี่ ไม่ได้เจอกันนานเลยเจ้าค่ะ!” กู้เสี่ยวหวานยิ้มบาง และทักทายกลับอย่างไม่เย่อหยิ่งหรือไม่ต่ำต้อยจนเกินไป

หลี่ฝานที่นั่งอยู่หลังโต๊ะก็เดินออกมายืนด้านหน้าของทั้งสอง มองกู้เสี่ยวหวานขึ้น ๆ ลง ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “อืม ไม่เลว ๆ สูงขึ้นกว่าครั้งก่อนแล้ว อวบแล้วยิ่งดูดีนะ”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้ายิ้ม ๆ นั่นต้องดูดีกว่าครั้งก่อนอยู่แล้ว ครั้งแรกที่มาร้านจิ่นฝูแล้วเจอกับเถ้าแก่หลี่ ตัวของกู้เสี่ยวหวานคล้ายกับขอทานคนหนึ่ง ตอนนี้กลับมาเจอเถ้าแก่หลี่อีกครั้ง ร่างกายก็สวมเสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน แต่งเนื้อแต่งตัวจัดเต็ม แน่นอนว่าย่อมเปลี่ยนไปมาก

“รีบนั่งลงเถอะ เสี่ยวเซิ่งจื่อให้คนเอาชามา แล้วก็เอาขนมมาด้วยนะ” หลี่ฝานรีบเรียกให้กู้เสี่ยวหวานนั่งลง ท่าทางกระตือรือร้นทำให้กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย

“เถ้าแก่ ท่านทำธุระของท่านเถอะเจ้าค่ะ ข้าพูดไม่กี่ประโยคก็จะไปแล้ว” กู้เสี่ยวหวานคิดไม่ถึงว่าการมาในครั้งนี้จะได้เห็นท่าทางต้อนรับอย่างกระตือรือร้นจากเขาเช่นนี้ เถ้าแก่ที่เปิดร้านภัตตาคารคนหนึ่ง ปฏิบัติต่อเด็กสาวชนบทคนหนึ่งอย่างใส่ใจเช่นนี้ อย่างไรก็ดูไม่เข้ากัน

“รีบร้อนอันใด นั่งลงก่อนเถอะ พักกินอะไรก่อนสักครู่แล้วค่อยไปเถอะ” หลี่ฝานพูดด้วยใบหน้าอิ่มเอิบไปด้วยความสุข

กู้เสี่ยวหวานไม่รู้จะเอามือเอาไม้ไปไว้ตรงไหน นางไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมหลี่ฝานถึงกระตือรือร้นขนาดนี้

เสี่ยวเซิ่งจื่อยิ้มและเรียกให้คนไปเอาน้ำชากับขนมมา แล้วพากู้หนิงผิงกับกู้เสี่ยวอี้ที่ยืนอยู่ด้านนอกให้เข้ามาข้างในด้วยกัน พอเห็นเด็กสองคนหลี่ฝานก็เข้าใจในทันที “นี่คือน้องชายและน้องสาวของเจ้าสินะ”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้านิด ๆ พูดตอบรับหนึ่งคำ “มีอีกคนหนึ่งไปร้านหนังสือแล้วเจ้าค่ะ”

หลี่ฝานลูบหนวด พลางมองเด็กเหล่านี้ด้วยสายตาเอ็นดู พอขนมมาถึง หลี่ฝานก็หยิบให้กู้หนิงผิงกับกู้เสี่ยวอี้ด้วยมือตัวเอง เด็กสองคนรีบปฏิเสธ ครั้นหันไปเห็นกู้เสี่ยวหวานพยักหน้าเป็นอันว่าสามารถรับได้ จึงค่อยรับมาแล้วนั่งกินอย่างเรียบร้อยอยู่ข้าง ๆ

“แม่นางกู้ พวกเจ้ามาทำอะไรที่เมืองรุ่ยเสียนหรือ” หลังจากจัดเก็บสิ่งของเสร็จแล้ว หลี่ฝานก็นั่งลงแล้วถาม

กู้เสี่ยวหวานเปิดตะกร้าที่วางอยู่ตรงเท้าและพูดว่า “เถ้าแก่หลี่ ข้ามาในครั้งนี้เพื่อที่จะให้ท่านดูพืชผักชนิดใหม่เจ้าค่ะ”

พอหลี่ฝานได้ฟังว่าเป็นพืชผักชนิดใหม่ ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นมาทันทีด้วยความปีติยินดี “พืชผักชนิดใหม่ ผักอันใดหรือ”

กู้เสี่ยวหวานยิ้มแล้วเปิดห่อที่อยู่ในตะกร้าออกมา แล้วเห็ดตี้มู่ก็ปรากฏ นางพูดว่า “ก็คือสิ่งนี้… เห็ดตี้มู่เจ้าค่ะ!”

หลี่ฝานมองมองอย่างประหลาดใจ “เห็ดตี้มู่ มันคือสิ่งใดกัน”

กู้เสี่ยวหวานเองก็รู้ว่าพูดแค่ประโยคสองประโยคเช่นนี้คงไม่มีทางเข้าใจ จึงยืดตัวตรงแล้วพูดต่อว่า “ท่านเถ้าแก่ ข้าขอยืมห้องครัวของท่านหน่อยเถิด”

หลี่ฝานกำลังมีความคิดนี้เช่นนี้ โบกมือสั่งให้เสี่ยวเซิ่งจื่อไปจัดเตรียมห้องครัว เสี่ยวเซิ่งจื่อกระตือรือร้น เขาตอบกลับคำสั่งของหลี่ฝานแล้วลงไปจัดการ หลี่ฝานคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดว่า “เดี๋ยวก่อน ให้คนอื่น ๆ ที่อยู่ในครัวออกไปให้หมด”

หลี่ฝานพากู้เสี่ยวหวานไปที่ครัว กู้เสี่ยวหวานพากู้หนิงผิงกับกู้เสี่ยวอี้ไปด้วย จนกระทั่งพวกเขาถึงห้องครัว คนในนั้นก็ออกมากันหมดแล้ว

ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานไม่ได้บอกให้หลี่ฝานถอยออกไป ไหน ๆ ก็ทำธุระกิจด้วยกันแล้ว ตัวเองก็เชื่อใจคนอย่างหลี่ฝานเช่นกัน อีกทั้งในฤดูกาลนี้ เกรงว่าเห็ดตี้มู่จะหาไม่ได้แล้ว หากจะหาอีกจะต้องรอไปถึงปีหน้า

กู้เสี่ยวหวานผูกผ้ากันเปื้อนที่กระโปรง หยิบเห็ดตี้มู่มาหนึ่งกำมือเล็ก ๆ ลงไปแช่ในน้ำ ไม่นานเห็ดตี้มู่ก็พองขึ้นมา และสิ่งสกปรกหล่นลงไปข้างใต้ของถ้วย

ในตอนที่แช่น้ำกู้เสี่ยวหวานก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ

หยิบพริกมาหันและไปตอกไข่สองฟองแล้วก็ตีให้เข้ากัน

หลังจากล้างเห็ดตี้มู่จนสะอาด ก็ตั้งกระทะใส่น้ำมันแล้วใส่ไข่ลงไปผัด สักพักก็ใส่เห็ดตี้มู่ตามลงไป จากนั้นตามด้วยพริก ผัดให้เข้ากัน และใส่เกลือก่อนจะนำออกมาจากกระทะ

กลิ่นหอมของผัดไข่เห็ดตี้มู่โชยเข้าจมูกเป็นอันบอกว่าเสร็จสิ้นแล้ว!