บทที่ 238 ธุระรัดตัว
“ข้าล่ะประหลาดใจจริง ๆ เหมยเชาฟง เพื่อที่จะใส่ร้ายข้า เจ้าถึงขั้นลงมือฆ่าดอกบ๊วยสิบสาม คนสนิทของเจ้าซะเอง เจ้าไม่กลัวว่าการกระทำที่ไม่เห็นค่าความภักดีของเจ้าจะทำให้พวกลูกน้องของเจ้าเสียกำลังใจงั้นเหรอ?” ซูอันถามกลับ
“กล้าดียังไงมาใส่ร้ายข้า เจ้านั่นแแหละที่ฆ่าดอกบ๊วยสิบสาม!” เหมยเชาฟงโกรธจัด “ทุกคนในเมืองจันทร์กระจ่างต่างก็รู้กันดีว่าเจ้าถึงกับหักแขนขาของดอกบ๊วยสิบสามแค่เพียงเขาทำให้เจ้าขุ่นเคือง!”
อันที่จริงอาจารย์ลู่เต๋อและฉู่ชูเหยียนต่างหากที่เป็นคนทำให้แขนขาของดอกบ๊วยสิบสามหัก แต่สองคนนี้ต่างมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นเหมยเชาฟงจึงไม่กล้าที่จะลากพวกเขามาเกี่ยวข้องให้ตัวเองเดือดร้อน ดังนั้นเขาจึงพยายามอธิบายไปว่าเหตุการณ์ที่ ดอกบ๊วยสิบสามแขนขาหัก นั้นเกิดขึ้นภายใต้คำสั่งของซูอัน
ซูอันเข้าใจเจตนาของเหมยเชาฟง แต่เขาเองก็ไม่ต้องการลากภรรยาของเขาเข้ามาในคดีด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เปิดโปงเหมยเชาฟง “อย่างที่เจ้าพูดดอกบ๊วยสิบสามต้องเป็นง่อยเพราะข้า ดังนั้นมันก็เห็นได้ชัดว่าข้าได้แก้แค้นเขาไปแล้ว แล้วทำไมข้าต้องไปฆ่าเขาอีกด้วยล่ะ?”
“นั่นเป็นเพราะดอกบ๊วยสิบสามเป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักดอกบ๊วยรองจากข้า เจ้ากลัวว่าถ้าเขาฟื้นตัวได้เจ้าจะต้องถูกเขาเอาคืนแน่นอน ดังนั้นเจ้าจึงคิดกำจัดเขาทั้งที่เขายังบาดเจ็บอยู่!” เหมยเชาฟงตะโกนขึ้นเสียงดัง
จากนั้นเพื่อนและครอบครัวของดอกบ๊วยสิบสามก็คร่ำครวญอย่างโกรธแค้น พวกเขาพุ่งเข้าหาซูอัน แต่ทหารที่ยืนอยู่ข้างศาลได้รีบเข้ามาหยุดพวกเขาเอาไว้
“เงียบ!” เซี่ยอี้ทุบโต๊ะอีกครั้งเพื่อให้การพิจารณาคดีดำเนินต่อไป
“ข้าสามารถเอาชนะผู้บ่มเพาะระดับห้าได้ ทำไมข้าถึงจะต้องกลัวกับแค่ผู้บ่มเพาะระดับสามอย่างดอกบ๊วยสิบสามนั่น?” ซูอันถามกลับให้คนอื่นคิดตาม
“เจ้าแค่โชคดีเท่านั้นแหละที่ชนะหยวนเหวินตงได้ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเจ้าคือคนที่ฆ่าดอกบ๊วยสิบสาม ดังนั้นอย่าพยายามดิ้นรนเลย เจ้าไม่รอดแน่คราวนี้!” เหมยเชาฟงคำราม
“โอ้ หลักฐาน? เจ้ามีหลักฐานอะไร?” ซูอันถามด้วยความสงสัย
เหมยเชาฟงโค้งคำนับเซี่ยอี้และคนอื่น ๆ จากนั้นพูดต่อไปว่า “จากการชันสูตรพลิกศพแล้ว ดอกบ๊วยสิบสามเสียชีวิตจากวิชา 13ท่วงท่ากระบี่พื้นฐาน ข้าเชื่อว่าท่านเจ้าเมืองเซี่ยได้ตรวจสอบเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวแล้ว”
“นักศึกษาทุกคนในสถาบันจันทร์กระจ่างย่อมรู้จัก 13 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐาน เหตุใดเจ้าจึงมั่นใจว่าอาซูเป็นคนฆ่าดอกบ๊วยสิบสามล่ะ?” ฉู่จงเทียนถาม
เหมยเชาฟงโบกมือ ลูกน้องคนหนึ่งของเขาก็หยิบดาบขึ้นมาทันที “สมาชิกสำนักดอกบ๊วยที่กำลังลาดตระเวนของเราเป็นผู้พบในขณะที่ ซูอันกำลังลอบสังหารดอกบ๊วยสิบสาม เราเกือบจะล้อมจับเขาได้แล้ว แต่เขาหนีไปได้โดยทิ้งกระบี่นี่เอาไว้”
ดวงตาของ ฉู่จงเทียนหรี่ลงเมื่อได้ตรวจสอบกระบี่อย่างใกล้ชิด ไม่มีทางที่เขาจะจำไม่ได้ว่ามันเป็นอาวุธที่ซูอันใช้ในการประลองเมื่อวานนี้
ซูอันยักไหล่ “หลังจากการแข่งขันเมื่อวานนี้ ข้าโยนกระบี่ทิ้งส่ง ๆ ให้คนรับใช้ในตระกูล โดยไม่ได้คิดอะไร ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้มันมาจากการติดสินบนคนรับใช้สินะ?”
ใบหน้าของฉู่จงเทียนมืดมนลง นี่เป็นอีกครั้งที่ยืนยันความจริงที่ว่ามีสายลับในตระกูลฉู่ เมื่อวานนี้เขาและภรรยาไม่มีเวลาเพียงพอที่จะถอนรากถอนโคนสายลับ จึงเป็นการเปิดช่องทางให้ศัตรูของพวกเขาได้ใช้ประโยชน์ในตอนนี้
เหมยเชาฟงไม่สนใจซูอันและพูดต่อ “มีคนสิบกว่าคนที่เห็นการฆาตกรรมของเจ้าเมื่อคืนนี้ ไม่ว่าเจ้าจะเล่นลิ้นแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่เจ้าจะปัดความผิดให้พ้นตัวได้!”
จากนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาและเล่าถึงสิ่งที่พวกเขาเห็นเมื่อคืนนี้ทันที
ฉู่จงเทียนทนไม่ไหว กระแทกโต๊ะและพูดว่า “ไร้สาระ! เมื่อกี้ พวกท่านเพิ่งบอกไม่ใช่เหรอว่าคำให้การของพวกพ้องไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้ แล้วตอนนี้เราจะถือเอาคำให้การของพวกเขาตอนนี้มาตัดสินความผิดของซูอันงั้นเหรอ? พวกเขาทั้งหมดมาจากสำนักดอกบ๊วย! ไม่มีทางที่พวกเขาจะกล้าขัดคำสั่งของเหมยเชาฟงหรอก!”
เหมยเชาฟงยิ้มอย่างสงบและตอบว่า “แต่เรามีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมนอกเหนือจากผู้เห็นเหตุการณ์ และซูอันก็มีแรงจูงใจเบื้องหลังการฆาตกรรมเช่นกัน ท่านจะอ้างว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องบังเอิญงั้นเหรอ? ท่านอ๋องฉู่ ท่านคงไม่คิดที่จะปกปิดความผิดให้ฆาตกรเพียงเพราะเขาเป็นลูกเขยของท่านใช่ไหม?”
ฉู่จงเทียนโกรธจนเลือดขึ้นหน้าและคำรามใส่เหมยเชาฟง “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? กล้าดียังไงมาพูดกับข้าแบบนี้!”
ปกติเขาเป็นคนอารมณ์อ่อนโยน แต่เหตุการณ์ในช่วงสองวันที่ผ่านมามีแต่เรื่องที่ทำให้ขีดจำกัดความอดทนของเขาหมดลง ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ชอบสำนักดอกบ๊วยที่คอยสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายในเมืองอยู่แล้ว เขาจึงระเบิดอารมณ์ใส่เหมยเชาฟงทันที เหมยเชาฟงรู้สึกได้ถึงพลังกดดันมหาศาลที่พุ่งเข้ามาหาเขา จากนั้นเขาก็สะอื้นไห้อย่างน่ากลัว เกือบจะทรุดตัวลงกับพื้นแม้ว่าเขาจะเป็นผู้บ่มเพาะระดับห้าก็ตาม
ในขณะนี้เอง ซ่างหงได้ลุกขึ้นและพูดกับฉู่จงเทียนด้วยน้ำเสียงใจเย็น “อ๋องฉู่ ใจเย็น ๆ!! ท่านไม่ควรปฏิบัติกับประชาชนแบบนี้ คนอื่น ๆ จะมองท่านไม่ดีเอาได้”
แม้ว่าดูเหมือนซ่างหงกำลังแนะนำฉู่จงเทียนด้วยความปรารถนาดี แต่จริง ๆ แล้ว เขากำลังเตือนคนอื่น ๆ ว่าอย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ และเบี่ยงเบนพลังกดดันของฉู่จงเทียนที่พุ่งตรงไปยังเหมยเชาฟงไปยังทิศทางอื่น
เซี่ยอี้เองก็ยืนขึ้นเพื่อไกล่เกลี่ยสถานการณ์ ทำให้ฉู่จงเทียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมถอยให้ก้าวหนึ่ง
ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม ใบหน้าของเหมยเชาฟงยังคงซีดเผียด มันไม่ง่ายเลยที่จะรับพลังกดดันอันมหาศาลจากผู้บ่มเพาะระดับแปด เหมยเชาฟงตัวสั่นไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ในชั่วขณะหนึ่ง…
ซูอันใช้เวลานี้คิดทบทวนเรื่องราวก่อนจะกล่าวว่า “ช่างน่าสนใจจริง ๆ กับคำกล่าวหาต่อข้าที่เจ้าเอ่ยออกมา อันดับแรกข้าไปบ้านของหยางเว่ย ก่อนเพื่อลอบสังหารเขาและจากนั้นข้าก็แอบเข้าไปในสำนักดอกบ๊วยเพื่อฆ่าดอกบ๊วยสิบสาม โอ้…! ภารกิจของข้าช่างรัดตัวดีจริง ๆ เชียว!”
“ไม่มีอะไรที่คนชั่วอย่างเจ้าทำไม่ได้หรอก!” ในที่สุดเหมยเชาฟงก็สงบสติอารมณ์และกล่าวปฏิเสธซูอัน “ส่วนเรื่องการสังหาร ใต้เท้าหยางนั้น เจ้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนฆ่าเขา คราวนี้เจ้าก็มีเวลามากเกินพอแล้วที่จะสังหารดอกบ๊วยสิบสาม!”
“ข้าเข้าใจแล้ว ตอนนี้เจ้ายอมรับได้แล้วสินะว่าข้าไม่ใช่คนสังหารใต้เท้าหยาง ส่วนเรื่องที่เจ้าบอกว่าข้ามีเวลามากเกินพอที่จะสังหารดอกบ๊วยสิบสาม ข้าเกรงว่าเจ้าจะเข้าใจผิดไปอย่างมหันต์” ซูอันหัวเราะคิกคักเมื่อพูดถึงประโยคท้าย
“เพราะว่าเมื่อคืนนี้…ข้ากับภรรยาแสนสวยกำลังลงแรงในกิจของสามีภรรยาอย่างหนักเพื่อให้กำเนิดลูกหลานของตระกูลฉู่ แล้วข้าจะไปมีเวลาฆ่าดอกบ๊วยสิบสามได้อย่างไร?
“เจ้าไม่รู้หรือว่าการแต่งงานกับภรรยาที่งดงามเช่นนี้มันยากแค่ไหนสำหรับข้า? ทุกวันที่ข้าตื่นนอน ข้าได้แต่อธิษฐานให้ดวงอาทิตย์ตกเร็วขึ้นเพื่อที่ข้ากับภรรยาจะได้มีเวลาทำกิจของสามีภรรยาโดยเร็ว เจ้าเห็นว่าข้าเป็นคนแบบไหนถึงจะทิ้งภรรยาที่รักไปเพื่อจัดการเรื่องอื่น?”
“???!!!”
ฉู่จงเทียนตกตะลึงอย่างยิ่ง เขารู้ว่าซูอันกำลังพูดจาไร้สาระเพราะเขารู้ว่าตั้งแต่แต่งงานกันไปลูกสาวและลูกเขยของเขายังคงนอนแยกห้องกันอยู่เลย อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าคำพูดพวกนี้จะทำให้ชื่อเสียงของลูกสาวของตัวเองเสื่อมเสีย แต่เขาจะบอกเรื่องอย่างนี้กับคนอื่นได้ยังไง? เอาน่า…พวกเขาเป็นคู่สามีภรรยากัน มันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่สักหน่อยที่จะนอนด้วยกันจริงไหม?
ถึงอย่างนั้น ฉู่จงเทียนก็ยังรู้สึกแปลก ๆ ที่ได้ฟัง ซูอัน พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของเขากับลูกสาวของตัวเองในที่สาธารณะเช่นนี้…
เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในหมู่ฝูงชนทันที ซูอันอาจไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดของ ‘กิจระหว่างสามีภรรยา’ แต่จินตนาการอันบรรเจิดของมนุษย์เป็นอาวุธอันทรงพลังที่สามารถเติมเต็มช่องว่างของข้อมูลได้อย่างง่ายดาย ความคิดที่ว่าฉู่ชูเหยียนผู้งดงามสูงส่งถูกทำลายในมือของสุกรโสโครกชื่อซูอัน ทำให้พวกเขาอิจฉาจนหน้าเขียว…
ท่านยั่วยุหยางฉานเว่ยสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +233!
ท่านยั่วยุเสี่ยวคุนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +233!
…
“ไอ้ขยะ!” เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังขึ้นจากฝูงชน
ทุกคนหันไปมองต้นเสียงและได้เห็นซือคุนจ้องไปที่ซูอันด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
ท่านยั่วยุซือคุนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999!
แม้ว่าซือคุนจะรู้ว่าซูอันกำลังโกหก แต่เขาก็ยังไม่สามารถระงับความโกรธที่เดือดพล่านได้ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าเขารู้ว่าซูอันกำลังโกหกหรือไม่ เพราะถ้าซูอันพูดออกมาแบบนี้เมื่อถึงเวลาที่เขาแต่งงานกับฉู่ชูเหยียน ในอนาคต ทุกคนคงคิดว่าเขาแค่กินของเหลือเดนจากซูอัน!
ไม่มีทางที่เขาจะยอมรับเรื่องแบบนั้นได้!
“เจ้ามาคุยโม้อะไร ในเมื่อเจ้าไม่เคยร่วมหอกับคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ ด้วยซ้ำ!” ซือคุนคำราม
ซูอันเหลือบมองซือคุนก่อนพูดอย่างรื่นเริง “เจ้ามาเต้นแร้งเต้นกาอะไรที่นี่? นี่เจ้าอยากได้ภรรยาของผู้อื่นจนถึงขั้นต้องใส่อารมณ์ในที่สาธารณะแบบนี้เลยเหรอ? จิ๊! จิ๊! ตระกูลซือสั่งสอนลูกหลานยังไงกันแน่เนี่ย? ฮ่าฮ่า…!!!”
ความอดทนของซือคุนถึงขีดจำกัดทันที เขาอยากจะคว้ากระบี่แล้วพุ่งไปบั่นคอซูอันให้ตาย ๆ ไปซะวันนี้!
ท่านยั่วยุซือคุนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +468!
ในขณะเดียวกันเสวี่ยเอ๋อร์ได้ดึงแขนเสื้อของซือคุนอย่างเงียบ ๆ และเตือนเบา ๆ ว่า “นายน้อย…อดทนไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นแผนการณ์ของเราจะเสียหายทั้งหมด!”
ซือคุนสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะสงบสติอารมณ์ลงได้อย่างช้า ๆ ใช่แล้ว เขาควรรอให้คำตัดสินออกมาก่อนแล้วค่อยคิดบัญชีแค้นกับมันทีหลัง!