บทที่ 237 มือถนัด

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 237 มือถนัด

ซูอันหันไปมองซือคุนและกล่าวว่า “นายน้อยซือ เจ้าช่างตั้งข้อสังเกตได้ยอดเยี่ยมเหลือเกินราวกับว่าเจ้าเป็นคนเตรียมแผนการนี้ขึ้นมาด้วยตัวเองยังไงยังงั้น”

“ข้าแค่เป็นกังวลตามประสาประชาชนคนหนึ่ง คงไม่ผิดใช่ไหมถ้าข้าจะแสดงความคิดเห็นเหมือนคนอื่น ๆ ในที่นี้?” ซือคุนตอบยิ้มๆ

ในที่สุดรองผู้พิพากษาผางชุนก็พูดขึ้น “ซูอัน…เจ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม?”

ซูอันไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะร้องขอ “ข้าอยากไปดูที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง!”

โอมมม….ขอให้จิตวิญญาณของนักสืบผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนในจักรวาลประทานพรแก่ข้าในช่วงเวลาที่กำลังจะถึงนี้ได้เท๊อดดดด…ได้โปรดอย่าปล่อยให้ประสบการณ์ที่ข้าเคยดูหนังหรือการ์ตูนแนวสืบสวนสอบสวนที่ข้าเคยดูในชีวิตก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น เปาบุ้นจิ้น ตี๋เหรินเจี๋ย เชอร์ลอคโฮม หรือยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ต้องไร้ประโยชน์ ไม่อย่างนั้นคราวนี้ข้าอาจจะเสร็จคนพวกนี้แน่ๆ

“เจ้าไม่จำเป็นต้องไปที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง” เซี่ยอี้เอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งสัญญาณให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงมีคนนำสิ่งประดิษฐ์ที่มีลักษณะคล้ายกระจกเข้ามา เซี่ยอี้โคจรพลังของเขาเข้าไป จากนั้นภาพก็ปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของกระจก

มันเป็นภาพศพของ หยางเว่ย!

ซูอันรู้สึกทึ่งกับเทคโนโลยีในโลกนี้จริง ๆ พวกเขาสามารถสร้างสิ่งที่จัดเก็บและแสดงภาพเหมือนกล้องถ่ายรูปได้ ดูเหมือนว่าปรมาจารย์อักขระในโลกนี้จะแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก!

ซูอันตรวจสอบที่เกิดเหตุจากกระจกอย่างรอบคอบ จากนั้นรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนริมฝีปากของเขา “ดี! ดี! ดูเหมือนว่าความยุติธรรมจะมีอยู่ในโลกนี้บ้างจริงๆ!”

“เจ้าหมายความว่ายังไง?” เซี่ยอี้ถามด้วยความสับสน

คนอื่น ๆ ในศาลต่างตกตะลึงพอ ๆ กัน แม้แต่ซือคุนก็ขมวดคิ้ว สงสัยว่าพวกเขาทำอะไรพลาดไปหรือไม่?

ซูอันชี้ไปที่คำว่า ‘ซู’ ที่เขียนด้วยสิ่งที่ดูเหมือนเลือดในภาพและอธิบายว่า “ข้อความก่อนตายที่ใต้เท้าหยางทิ้งไว้นั้นเขียนด้วยมือขวา แต่อันที่จริงแล้ว…ใต้เท้าหยางเป็นคนถนัดซ้าย และฆาตกรตัวจริงคงจะไม่รู้เรื่องนี้”

“ถนัดซ้ายงั้นเหรอ?” ผางชุนตกตะลึง “ข้ารู้จักใต้เท้าหยางมาหลายปีแล้ว แต่ข้าไม่เคยรู้ว่าเขาถนัดซ้ายมาก่อนเลย”

“ตอนที่ข้าเข้าเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของใต้เท้าหยาง เขาเขียนกระดานด้วยมือขวา แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเราสองคนเริ่มแข่งกันทำโจทย์คณิตศาสตร์ เขาได้สลับไปใช้มือซ้ายโดยไม่รู้ตัวในตอนที่รู้สึกประหม่ามากขึ้น ดังนั้นมือที่ถนัดของเขาควรจะเป็นมือซ้าย ข้าคิดว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมฆาตกรตัวจริงจึงทำพลาดให้เราจับได้…

ในเวลาที่เหยื่อพยายามจะเขียนชื่อของฆาตกรด้วยแรงกายอันน้อยนิดที่เหลือ ไม่มีทางที่เขาจะใช้มือที่ไม่ถนัดเขียนแน่ ๆ ดังนั้นหยางเว่ยที่กำลังจะตายต้องเขียนข้อความด้วยมือซ้าย ส่วนข้อความที่เราเห็นอยู่ซึ่งเขียนด้วยมือขวาย่อมต้องเป็นข้อความก่อนตายที่ถูกสร้างขึ้นโดยฆาตกรตัวจริง”

เซี่ยอี้ขมวดคิ้วและหันไปหาภรรยาของหยางเว่ย ถามว่า “ใต้เท้าหยางเป็นคนถนัดซ้ายงั้นเหรอ?”

หญิงวัยกลางคนสับสนกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน แต่นางก็ยังพยักหน้าอยู่ดี “สามีของข้าเป็นคนถนัดซ้ายจริง ๆ แต่เขากลัวว่าจะถูกล้อเลียนจึงพยายามใช้แต่มือขวาในที่สาธารณะ แต่ในบางครั้ง เขายังคงใช้มือซ้ายโดยไม่รู้ตัว”

เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นทันทีที่นางตอบ แม้แต่ซือคุนก็ยังรู้สึกตื่นตระหนก ทำไมพวกเขาถึงทำผิดพลาดแบบนี้ เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่า หยางเว่ยถนัดซ้าย?

เมื่อเห็นว่าเรื่องกำลังดำเนินไปในแนวทางที่ไม่คาดคิด ใบหน้าของ เหมยเชาฟงบิดเบี้ยวด้วยความตกใจ และเขาก็รีบพูดขึ้นว่า “ซูอันกำลังใช้เรื่องใต้เท้าหยางถนัดซ้ายมาปั่นหัวพวกเรา! เขานั่นแหละที่เป็นคนเขียนข้อความก่อนตายเอาไว้เอง เพื่อให้มีข้อสงสัยว่าตัวเองถูกใส่ร้าย!”

ซูอันส่ายหัวและเหลือบมองเหมยเชาฟงด้วยท่าทางเย้ยหยัน “วันนี้เจ้าคงลืมเอาสมองฝ่อ ๆ ของเจ้ามาด้วย ข้าจะโง่พอที่จะทิ้งชื่อตัวเองไว้ที่เกิดเหตุและทำให้ตัวเองกลายเป็นผู้ต้องสงสัยงั้นเหรอ?”

เซี่ยอี้พยักหน้าเห็นด้วย “ซูอันพูดก็มีเหตุผล ด้วยข้อสงสัยเรื่องการถนัดซ้ายของใต้เท้าหยาง ทำให้ข้อความก่อนตายนั้นถูกลดทอนความน่าเชื่อถือและถูกปัดตกไป จึงไม่มีหลักฐานอื่นที่จะแสดงว่าเขาคือฆาตกรอีกต่อไป ท่านผาง…ข้าหวังให้ท่านสอบสวนเรื่องนี้อีกครั้งและจับฆาตกรตัวจริงของคดีนี้ให้ได้!”

ผางชุนโค้งคำนับเล็กน้อยและพูดว่า “ข้าจะปิดคดีนี้ให้ได้ ขอให้ท่านวางใจ”

เมื่อการเสียชีวิตของหยางเว่ยยังไม่สามารถสรุปได้ ผู้คุมจึงพาสมาชิกในครอบครัวของหยางเว่ยออกจากห้องโถงพิจารณาคดี จากนั้นซูอันได้กล่าวกับซือคุนว่า “แน่นอนว่ามีหลายคนในสถาบันจันทร์กระจ่างที่เห็นการแข่งขันของข้ากับ ใต้เท้าหยาง ดังนั้นพวกเขาย่อมรู้เรื่องที่ใต้เท้าหยางถนัดซ้าย และถ้าข้าจำไม่ผิดนายน้อยซือำก็มาที่สถาบันจันทร์กระจ่างหลังจากการแข่งขันครั้งนั้นหนึ่งวันใช่ไหม? อืม…ไม่สงสัยเลยว่าทำไมฆาตกรตัวจริงถึงไม่รู้ว่าใต้เท้าหยางเป็นคนถนัดซ้าย หึหึ!”

ซือคุนรีบปฏิเสธทันที “ซูอัน เจ้าอย่าได้ใส่ร้ายข้า! ข้าจะเป็นฆาตกรได้ยังไง!”

ซือคุนตะโกนแก้ตัวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

ซูอันระเบิดเสียงหัวเราะ “โอ้? ข้าไม่ได้บอกเลยนะว่าเจ้าเป็นฆาตกร ทำไมเจ้าถึงร้อนตัวแบบนี้กันล่ะ?”

ซือคุนกัดฟันและห้ามตัวเองไม่ให้ตอบโต้

ท่านยั่วยุซือคุนสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +523!

ไอ้เวรซูอัน! ข้าเกือบตกหลุมพรางของมันอีกแล้ว บัดซบเอ๊ยข้าประมาทมันไม่ได้เลยจริงๆ!

ฟังดูแล้วคำพูดของซูอันอาจไม่มีมูล แต่มันสมเหตุสมผลมาก ฝูงชนเริ่มชี้นิ้วไปที่ซือคุนและแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับคดีกันด้วยจินตนาการที่เริ่มล่องลอยไปไกล

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เหมยเชาฟงก็พูดขึ้นอีกครั้งอย่างกล้าหาญเพื่อให้เจ้านายของตัวเองได้ตั้งสติและได้พักหยุดหายใจบ้าง “แม้ว่าจะพิสูจน์ได้ว่าเจ้าไม่ได้เป็นฆาตกรฆ่าใต้เท้าหยาง แต่เจ้าไม่อาจปฏิเสธได้ว่าตัวเจ้าเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของดอกบ๊วยสิบสองและดอกบ๊วยสิบสาม!”

ซูอันยักไหล่ “ทำไมเจ้าไม่นำหลักฐานที่เป็นรูปธรรมออกมาแทนที่จะพูดออกมาลอย ๆ แบบนี้ล่ะ?”

เหมยเชาฟงโค้งคำนับ เซี่ยอี้และผางชุนก่อนกล่าวคำให้การ

“เมื่อเดือนที่แล้วมีคนเห็นเจ้าออกจากเมืองพร้อมกับดอกบ๊วยสิบสอง แต่เจ้าเป็นคนเดียวที่กลับมาที่เมืองจันทร์กระจ่าง ในวันนั้นจากผลการตรวจสอบของเรานั้นพบว่า ดอกบ๊วยสิบสองเสียชีวิตในหุบเขาหมาป่า นอกจากนี้ยังมีพยานที่เห็นเจ้ามอบโกวเป่าสิบชิ้นให้กับหมอเทวะจี้ในวันเดียวกัน จากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เราสามารถสรุปได้ว่าดอกบ๊วยสิบสองได้ต่อสู้อย่างดุเดือดกับหมาป่ากระซวกทวารเพื่อหาโกวเป่า ส่วนเจ้านั่นแหละที่ฆ่าเขาและปล้น โกวเป่ามา!”

ซูอันกลอกตาด้วยความรังเกียจ “เจ้าก็ดีแต่พูด ไหนล่ะ? หลักฐานอยู่ที่ไหน!”

“โกวเป่า ย่อมเป็นหลักฐาน! นอกจากนี้ยังมีคำให้การจากผู้เห็นเหตุการณ์ด้วย!” เหมยเชาฟงโต้เถียงอย่างฉุนเฉียว

“ด้วยความแข็งแกร่งที่ข้าได้แสดงให้เห็นในการประลองเมื่อวานนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าข้าสามารถล่าหมาป่ากระซวกทวารและหาโกวเป่า ด้วยตัวเองได้ ทำไมข้าจะต้องฆ่าดอกบ๊วยสิบสองเพื่อแย่งมันมา มันไม่สมเหตุสมผลเลยจริงไหม? นอกจากนี้ ข้ายังมีผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่จะสามารถเป็นพยานให้ข้าได้ นั่นคือลูกสาวของหมอเทวะจี้…จี้เสี่ยวซี นางสามารถยืนยันได้ว่าข้าเก็บโกวเป่าทั้งหมดด้วยตัวเอง”

“แล้วจะอธิบายได้อย่างไรว่าเจ้ากับดอกบ๊วยสิบสองออกจากเมืองไปด้วยกัน แต่เจ้ากลับเป็นคนเดียวที่กลับมา”

เหมยเชาฟงโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด หลักฐานเท็จในคดีของหยางเว่ย นั้นเป็นพวกเขาเองที่ทำมันขึ้นมาเพื่อกล่าวหาซูอัน แต่เรื่องของดอกบ๊วยสิบสองนี้เป็นกรณีเดียวที่พวกเขามั่นใจว่าฆาตกรคือซูอัน เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าไม่มีใครเชื่อเขาทั้ง ๆ ที่เขาพูดความจริง?

ความยุติธรรมในโลกนี้อยู่ที่ไหน!

ท่านยั่วยุเหมยเชาฟงสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +497!

“ระหว่างทางดอกบ๊วยสิบสองได้พบกับคนที่ชื่อถานเว่ย และจากนั้นเขาก็ได้รีบวิ่งไล่ชายคนนั้นไป ซึ่งนั่นเป็นจุดที่ข้ากับเขาแยกทางกัน มันมีอะไรผิดปกติด้วยเหรอ?” ซูอันตอบพร้อมทำหน้าไร้เดียงสา

“จากสิ่งที่ข้ารู้ถานเว่ยเป็นคนทรยศต่อสำนักดอกบ๊วย ก็มีเหตุผลเพียงพอแล้วนี่ ที่ดอกบ๊วยทั้งสิบสองจะแยกทางกับอาซูเพื่อไล่ตามถานเว่ยไป” คำพูดของฉู่จงเทียน ทำให้คำพูดของซูอันมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

ผางชุนเองก็พยักหน้าไปทางเซี่ยอี้เป็นการแสดงออกว่าเขาทราบเรื่องนี้มาก่อนแล้ว จากนั้นเซี่ยอี้ก็ตบโต๊ะและประกาศว่า “เอาล่ะ! มีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าซูอันเป็นฆาตกรฆ่าดอกบ๊วยสิบสอง ไปคดีถัดไป!”

เหมยเชาฟงกัดฟันกรอด ในขณะที่จ้องมองซูอัน “เจ้าอาจจะพลิกลิ้นกลับดำเป็นขาวได้จนถึงตอนนี้ แต่ไม่มีทางที่เจ้าจะปฏิเสธได้ว่าเจ้าไม่ได้เป็นฆาตกรฆ่าดอกบ๊วยสิบสาม!”