ตอนที่ 199 อวี้ชิงลั่วมาแล้ว

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 199 อวี้ชิงลั่วมาแล้ว

เย่ฮ่าวหรานยังไม่ทันได้กลืนน้ำลาย ก็เห็นหนานหนานพุ่งตัวออกไปด้านนอกด้วยความรีบร้อน จึงรีบดึงอีกฝ่ายกลับเข้ามา

“เดี๋ยวก่อน ๆ ยังเร็วเกินไป พวกเรารอให้ทุกคนมากันพร้อมหน้าก่อนค่อยว่ากัน”

หนานหนานออกแรงขัดขืน ทว่ากลับมิอาจสลัดมือให้หลุดได้ จึงยิ่งเกิดความฉุนเฉียว “ยังจะรอใครอีก? ตอนนี้มีคนเยอะมาก หากข้าลงไปเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา ทุกคนย่อมเปลี่ยมมุมมองและยกนิ้วโป้งให้ข้าเป็นแน่”

เย่ฮ่าวหรานมุมปากกระตุกอย่างรุนแรง เจ้าเด็กนี่หิวโหยชื่อเสียงขนาดไหนกันนะ

“ตอนนี้ยังไม่ได้ หากเจ้าลงไปเปิดโปงสถานะของเขาตอนนี้ หากอีกฝ่ายหัวเด็ดตีนขาดไม่ยอมรับจะทำอย่างไร? พวกเรารอดูไปก่อนเถอะ รอให้การประลองสิ้นสุดลง ถึงจะเป็นเวลาที่เจ้าจะได้แสดงฝีมือ”

หนานหนานขมวดคิ้ว “รอให้การประลองสิ้นสุดลง แล้วจะแสดงฝีมือได้อย่างไร?”

“นี่ หากหมอปีศาจคนนั้นชนะการประลอง ย่อมต้องดีใจอย่างมากถูกต้องหรือไม่ และคงคิดว่าตนเองอยู่ยงคงกระพันใต้หล้านี้จริงหรือไม่ ในเวลานี้หากเจ้าปรากฏตัวออกไปและราดน้ำเย็นใส่เขาให้หนัก ตอนที่ทุกคนกำลังปรบมือให้เขา หากเจ้าเปิดเผยความลับครั้งใหญ่อีกครั้ง มิเท่ากับทำให้ทุกคนในที่นี้รู้สึกประทับใจเจ้ามากยิ่งขึ้นหรอกหรือ?” เย่ฮ่าวหรานดึงเขากลับมา วางลงบนโต๊ะพร้อมกับจ้องตาอีกฝ่ายอย่างมั่นคง สีหน้าดูจริงจังขณะโน้มน้าวใจ

แม้จะรู้จักกับสหายตัวน้อยคนนี้ไม่นาน แต่เย่ฮ่าวหรานก็พอจะจับจุดได้บ้างแล้ว จึงทราบได้ว่าหากโจมตีไปที่จุดอ่อนของหนานหนาน ย่อมต้องได้ผลลัพธ์ที่ดีเป็นแน่

หนานหนานสงบลงอย่างที่คิดไว้จริง ๆ เขาเอียงศีรษะครุ่นคิด “ที่ท่านพูดดูเหมือนว่าจะมีเหตุผลอยู่เหมือนกัน แต่…ถ้าหมอปีศาจที่สวมรอยคนนั้นแพ้ขึ้นมาล่ะ?”

เย่ฮ่าวหรานเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “หากเขาแพ้ พวกเราก็จัดการกับเขาให้กลายเป็นลูกหมาตกน้ำไปเลยสิ ทำให้เขาถูกทุกคนทอดทิ้ง ไม่ต้องผุดต้องเกิดกันเลย ทำให้เขารู้ถึงจุดจบของหมอปีศาจตัวปลอม และเป็นการเตือนทุกคนว่าการปลอมตัวเป็นหมอปีศาจถือเป็นความผิดมหันต์ แบบนี้ยิ่งสะใจกว่ามิใช่หรือ?”

หนานหนานเอียงศีรษะ นั่งอยู่บนโต๊ะขณะครุ่นคิดอย่างละเอียด ขาทั้งสองข้างที่ห้อยอยู่ยังคงแกว่งไปมา

เขารู้สึกว่า…ดูเหมือนสิ่งที่เย่ฮ่าวหรานพูดจะมีเหตุผล

ลูกหมาตกน้ำอะไรนั่น เขาก็รู้สึกสนใจอย่างมากด้วย

“อืม ก็ดีเหมือนกัน งั้นพวกเรารอดูการประลองนี้ให้จบก่อนก็แล้วกัน”

เย่ฮ่าวหรานแอบถอนหายใจ ยังดีที่เจ้าเด็กคนนี้ยังไม่พุ่งตัวออกไปตอนนี้ หากเขาปรากฏตัวในตอนนี้ เรื่องที่เสด็จพ่อสั่งไว้ก็คงไม่สำเร็จมิใช่หรือ?

เย่ฮ่าวหรานเหลือบมองหนานหนานปราดหนึ่ง เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเกิดอาการเลือดร้อนอยากลงไปสร้างปัญหาให้หมอเสิ่นอีก จึงสั่งให้เสี่ยวเอ้อของร้านนำขนมและน้ำชาเข้ามา เพื่อให้เด็กคนนี้กินอาหารรอเวลา

ทว่าหนานหนานเพิ่งกินไปได้ไม่กี่คำ เขาก็เริ่มหมดความอดทนอีกครั้ง ทำท่าทางราวกับมีเข็มทิ่มก้น ขยับยุกยิกไปมา เดี๋ยวก็กระโดดดึ๋ง ๆ อยู่บนพื้นสองรอบ เดี๋ยวก็ปีนขึ้นโต๊ะมากินของสามสี่คำ เดี๋ยวก็วิ่งไปที่ข้างหน้าต่างเพื่อดูคนที่เข้ามาชมการประลองที่ชั้นล่าง

“โถ่เอ๊ย ทำไมยังมากันไม่ครบอีกเนี่ย? ข้ารอจนผมขาวแล้ว ก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา ประลองกันทั้งทีก็ต้องเคารพกฎเกณฑ์ในการประลองสิ ต้องมีความกระตือรือร้นในการประลอง มีใครบ้างไม่มาเตรียมตัวเนิ่น ๆ แต่ยังยื้อเวลามาจนถึงตอนนี้?” หนานหนานหงุดหงิดเป็นพิเศษ ขาสั้น ๆ ทั้งสองข้างเดินไปรอบ ๆ เย่ฮ่าวหรานไม่หยุด “จริง ๆ เล้ย แม้แต่เวลาในการประลองก็ยังไม่เคารพ ข้าว่าทักษะทางการแพทย์ของคนคนนั้นคงงั้น ๆ แหละ บางทีอาจแพ้ให้หมอปีศาจตัวปลอมคนนี้ด้วย เฮ้อ รู้แบบนี้ข้าให้ท่านแม่มาประลองก็สิ้นเรื่องแล้ว ข้าเองก็ไม่ต้องมานั่งรอนานขนาดนี้ด้วย แม้ว่าท่านแม่ของข้าจะเชื่อถือไม่ได้ แต่ก็ยังตรงต่อเวลา”

เย่ฮ่าวหรานจิบน้ำชาไปพลาง เฝ้าระวังหนานหนานที่อาจกระโดดลงไปพลาง ส่วนคำพูดพึมพำที่ออกมาจากปากของหนานหนาน เขากลับเพิกเฉย

ทว่าตอนนี้ก็รอนานจริง ๆ แม้จะยังเหลือเวลาก่อนการประลองอีกครึ่งเค่อ แต่คนคนนั้นก็ควรมาได้แล้ว หรือว่าจะกลัวชื่อเสียงหมอปีศาจขึ้นมาจริง ๆ จึงหนีไปแล้ว?

เรื่องนี้คาดว่ามีความเป็นไปได้ เพราะแม้แต่อวี๋จั้วหลินก็ไม่ปรากฏตัวออกมา

เย่ฮ่าวหรานขมวดคิ้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งเกิดความหงุดหงิด โดยเฉพาะหนานหนานที่ยังคงเดินไปเดินมาอยู่ข้าง ๆ ยิ่งทำให้เขานั่งไม่ติดเข้าไปใหญ่

เพียงแต่ภายในโรงเตี๊ยมแห่งนี้นอกจากพวกเขาที่ชะโงกหน้าออกไปดูเป็นครั้งคราว ผู้ชมที่ห้อมล้อมอยู่เหล่านั้นก็ยังคงรออย่างใจจดใจจ่อ

เสียงพูดคุยภายในห้องโถงดังขึ้นเรื่อย ๆ มีคนจำนวนมากก้มหน้าพูดคุยกัน ส่วนใหญ่กำลังพูดว่าสตรีผู้นั้นคงกลัวหมอปีศาจ จึงไม่ปรากฏตัวออกมาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนแอบสร้างเรื่องบอกว่าท่านอ๋องซิวกลัวขายหน้า จึงไม่กล้ามาที่นี่แล้ว

ครั้นได้ยินคำพูดเช่นนี้ สีหน้าของหมอเสิ่นก็ยิ่งภาคภูมิใจและหยิ่งผยอง เหลือบมองไปยังเสนาบดีฝั่งขวาที่ยังคงนั่งจิบน้ำชาด้วยท่าทางนิ่งสงบอยู่ข้าง ๆ พูดราวกับมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น “เสนาบดีฝั่งขวาจะเตรียมตัวสักหน่อยหรือไม่? ถึงอย่างไรผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ก็ถึงเวลาต้องมาขอโทษข้าแล้ว”

“ขอโทษ? ท่านหมอเสิ่นชอบพูดเรื่องขบขันเสียจริง ใครต้องขอโทษใครก็ยังไม่แน่เสมอไปหรอก เราคิดว่า วันนี้ท่านหมอเสิ่นคงโชคร้ายนัก ดูเหมือนจะเกิดลางร้ายเสียแล้วสิ” หลีจื่อฟานไม่สนใจ เขาเชื่อมั่นใจตัวอวี้ชิงลั่วอย่างมาก ในเมื่อรู้ว่าวันนี้นางจะมาประลองกับหมอเสิ่น เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรให้เขาต้องเป็นกังวลแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องซิวก็เคยพูดกับเขาว่าจะคุ้มกันชิงลั่วมาที่โรงเตี๊ยมเยว่หมิงแห่งนี้ด้วยตนเอง พูดตามตรงคือแม้ว่าเขาและท่านอ๋องซิวจะไม่ได้คุ้นเคยกันและไม่ค่อยเต็มใจที่จะฝากเรื่องคุ้มกันนี้ให้อีกฝ่ายดูแล แต่น่าเสียดายที่เขาเป็นฝ่ายบุ๋น เรื่องคุ้มกันอะไรเหล่านี้ ท่านอ๋องซิวคงเหมาะสมยิ่งกว่า

หมอเสิ่นได้ยินเช่นนี้ ถึงกับถลึงตาในทันที ออกแรงสะบัดแขนเสื้อ แค่นเสียงเย็นกล่าวว่า “ข้าว่าเสนาบดีฝั่งขวาอย่าได้พูดจามั่นใจให้มากนักเลย”

เขาเชื่อว่าแม่นางชิงอะไรนั่นที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ปรากฏตัว ย่อมเป็นเพราะนักฆ่าของจวนเว่ยหยวนโหวลงมือแล้วเป็นแน่ มีความเป็นไปได้มากกว่าครึ่งที่แม่นางคนนั้นจะมาไม่ถึงที่นี่

หมอเสิ่นไม่สนใจหลีจื่อฟานอีก เพียงแต่หันไปส่งสายตาให้ผู้อารักขาที่อยู่ข้าง ๆ

ผู้อารักขาคนนั้นพยักหน้า เดินไปยังพื้นที่ว่างที่อยู่ตรงกลางด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง พูดเสียงดังว่า “ถึงเวลาในการประลองแล้ว อ้างจากที่เคยตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ หากถึงเวลาประลองฝ่ายใดยังมาไม่ถึง ถือเป็นอันยอมรับความพ่ายแพ้ ตอนนี้หมอเสิ่นมาถึงโรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วยามแล้ว ทว่าแม่นางชิงผู้นั้นรวมถึงท่านอ๋องซิวและใต้เท้าอวี๋ที่ต้องขอโทษกลับยังมาไม่ถึง คาดว่า คงกลัวชื่อเสียงของหมอเสิ่น ตอนนี้ข้าจึงขอประกาศว่า…”

หนานหนานที่อยู่ชั้นบนได้ยินเช่นนี้ก็กังวลจนทนไม่ไหวแล้ว เขารีบปีนขึ้นไปบนขอบหน้าต่าง ทำท่าจะกระโดดลงไป เย่ฮ่าวหรานถึงกับตกใจจนต้องรีบดึงกลับมา

ดวงตาของหลีจื่อฟานหรี่ลงเล็กน้อย กระแทกแก้วน้ำชาในมือลงบนโต๊ะจนเกิดเสียง ‘ปึง’ พูดเย้ยหยันด้วยเสียงสูงว่า “ประกาศอะไรหรือ? ยังไม่ถึงเวลาสักหน่อย”

“เสนาบดีฝั่งขวาเองก็ไม่ต่างกันเท่าไรหรอก” หมอเสิ่นแค่นเสียงเย็น เชิดหน้าขึ้นทำท่าจะเดินขึ้นบนแท่นตรงกลางที่ยกสูงขึ้นเป็นพิเศษ

ใครจะไปคิด ตอนที่ขาทั้งคู่เพิ่งจะเดินขึ้นบันได กลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าก็ส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง ตามมาติด ๆ ด้วยเงาสองเงาที่สวมใส่ด้วยชุดดำและขาวที่ลอยข้ามศีรษะของเขาไป ก่อนจะยืนลงบนแท่นนั้นอย่างมั่นคง ทั้งยังใช้สายตาเย็นชามองมาที่เขา

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

นอกจากท่านแม่กับท่านอ๋องซิวที่พอจะเป็นคู่มือหนานหนานได้ก็เห็นจะมีท่านอ๋องแปดนี่แหละค่ะ

มาช้าแต่มานะ ประลองกันเลยไหมล่ะ

ไหหม่า(海馬)