ตอนที่ 198 โลกที่มองคนจากหน้าตา

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 198 โลกที่มองคนจากหน้าตา

ยังไม่มา?

เท้าของเย่ฮ่าวหรานที่กำลังก้าวไปด้านหน้าถึงกับหยุดชะงัก หูผึ่งอย่างกระตือรือร้น จึงได้ยินเสียงพูดคุยของกลุ่มคนที่อยู่ด้านนอกประตูโรงเตี๊ยม

“นั่นสิ นี่ก็ใกล้จะถึงเวลานัดในการประลองแล้ว นางยังไม่ปรากฏตัวออกมา หมอปีศาจมานั่งรออยู่ในห้องพิเศษตั้งนานแล้ว หากแม่นางคนนั้นยังไม่มา ข้าว่าคงแห้วแล้วล่ะ”

“ก็นั่นน่ะสิ ไม่เพียงแต่แม่นางคนนั้นไม่มา แม้แต่ท่านอ๋องซิวและใต้เท้าอวี๋ก็ยังไม่มาเลย พวกเจ้าว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าแม่นางคนนั้นไม่เต็มใจมาที่นี่ ไม่ก็อาจจะไม่กล้ามา ท่านอ๋องซิวและใต้เท้าอวี๋จึงทนไม่ได้ที่จะเสียหน้า จึงเลือกที่จะไม่ปรากฎตัว?”

“เหลวไหล” มีคนกล่าวตำหนิ “ทั้งคู่เป็นถึงท่านอ๋องและรองเจ้ากรมฝ่ายกลาโหมเชียวนะ หากกลัวจริง ๆ คงไม่ทิ้งเงื่อนไขแบบนั้นไว้ตั้งแต่แรกหรอก พวกเจ้าดูสิ เสนาบดีฝั่งขวาก็เพิ่งมาถึง เขายังอยู่ในท่าทางอกผายไหล่ผึ่ง ดูสงบเสงี่ยมขนาดนั้น คงไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ข้าค่อนข้างเชื่อว่าในสายตาของเสนาบดีฝั่งขวา บางทีแม่นางคนนั้นอาจชนะก็เป็นได้”

เมื่อเทียบกับหมอปีศาจแล้ว ภายในเมืองหลวงแห่งนี้ อำนาจของเสนาบดีฝั่งขวาสูงกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด มีคนจำนวนไม่น้อยที่สนับสนุนว่าเสนาบดีฝั่งขวาจะชนะ

เย่ฮ่าวหรานเลิกคิ้ว พี่ห้าก็ยังไม่มางั้นหรือ?

เขาไม่เชื่อว่าพี่ห้าจะหวาดกลัวสิ่งใด นิสัยของพี่ห้าเป็นพวกบ้าระห่ำมาแต่ไหนแต่ไร แม้แต่เสด็จพ่อก็ยังไม่กลัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการประลองเล็ก ๆ เช่นนี้ เขากลับคิดว่าการที่พี่ห้ายังไม่ปรากฏตัวออกมาตอนนี้ ต้องมีแผนอะไรบางอย่างเป็นแน่

เย่ฮ่าวหรานพยักหน้า ก้าวเท้าเข้าไปด้านในทางเข้าที่เถ้าแก่โรงเตี๊ยมแยกไว้เป็นพิเศษ ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นสองด้วยท่าทางสง่างาม

ท่านอ๋องแปดเป็นคนชื่นชอบเรื่องสนุกสนานมาแต่ไหนแต่ไร ด้วยเหตุนี้คนที่อยู่ภายในโรงเตี๊ยมจึงค่อนข้างคุ้นหน้าของเย่ฮ่าวหรานเป็นอย่างมาก

การที่เขามาช้าเช่นนี้ได้ทำให้เถ้าแก่แอบรู้สึกเหนือความคาดหมาย จึงรีบเข้ามาต้อนรับและนำทางให้ด้วยรอยยิ้ม “ท่านอ๋องแปด เชิญทางนี้ขอรับ ข้าน้อยได้เหลือห้องพิเศษหมายเลขแปดให้ท่านแล้ว”

เถ้าแก่เดินไปด้านหน้าสองก้าว จู่ ๆ ก็ค้นพบว่าด้านหลังของท่านอ๋องแปดยังมีเด็กอีกสองคนเดินตามต้อย ๆ มุมปากจึงกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่ กวาดตามองด้วยความสงสัย

เย่หลานเฉิงเดินไปด้านหน้าอย่างมั่นคงโดยไม่เหลือบมองไปด้านข้าง กิริยาท่าทางก็ดูสมเป็นคนในราชวงศ์อย่างเห็นได้ชัด

ทว่าหนานหนานที่เดินอยู่ข้าง ๆ กลับแตกต่างจากเขา ตรงที่มีท่าทางหลุกหลิกหันซ้ายเหลียวขวาคล้ายกับลิงที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ระหว่างที่เดินก็ยังกระโดดโหยงเหยงไปมา ดูน่าขันนัก

เย่ฮ่าวหรานอยากทุบเจ้าเด็กนี่ให้สลบแล้วพากลับไปเสียเหลือเกิน ทว่าท้ายที่สุดก็อดกลั้นไว้ ยังคงอดกลั้นต่อไป

ทว่าตอนที่เงาของเขาปรากฏขึ้น มันก็ดึงดูดสายตาขององค์ชายคนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้องพิเศษชั้นสองทันที รวมถึง…รัชทายาทด้วย

รัชทายาทมองเย่ฮ่าวหรานเพียงปราดหนึ่ง ก่อนจะมองไปยังเย่หลานเฉิงที่เดินอยู่ด้านหลังด้วยความตกตะลึง แก้วในมือถึงกับถือไว้ไม่อยู่ เขาทำท่าจะพุ่งตัวออกจากห้องโดยไม่รู้ตัว เพื่อไปไถ่ถามบุตรชายที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานานอย่างละเอียด

เพียงแต่ตอนที่เดินมาถึงหน้าประตู จู่ ๆ พ่อบ้านก็เข้ามาห้ามไว้ “รัชทายาทอย่าได้ใจร้อน ซื่อจื่อมาพร้อมกับท่านอ๋องแปด ย่อมต้องปลอดภัย การประลองทางฝั่งนี้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว รัชทายาทนั่งชมการประลองให้จบก่อน รอทุกอย่างเสร็จสิ้น บ่าวจะไปเชิญท่านอ๋องแปดมาทันทีขอรับ”

รัชทายาทชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าทำเป็นสงบเสงี่ยมและกลับไปนั่งตามเดิม

องค์ชายที่นั่งอยู่ในห้องพิเศษอื่น ๆ บัดนี้ต่างก็เกิดความประหลาดใจอย่างมาก เด็กคนหนึ่งที่อยู่ในวังอย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีใครเอ่ยถามถึงบัดนี้ไม่เพียงแต่ได้รับความสนพระทัยจากฮ่องเต้อีกครั้ง แต่ยังได้รับอนุญาตให้ติดตามองค์ชายแปดออกมาข้างนอกด้วย ฮ่องเต้มีพระราชดำริอะไรอยู่กันแน่?

เกิดความคิดมากมายภายในหัวขององค์ชายคนอื่น ๆ ภายในชั่วพริบตา ความคิดนั้นวกวนไปมาหลายตลบ ท้ายที่สุดก็ปะติดปะต่อเรื่องราวตอนที่เย่ซิวตู๋ไปช่วยไล่เด็กคนอื่น ๆ ให้ออกห่างจากเย่หลานเฉิงคราวก่อน ตอนนี้เย่ฮ่าวหรานที่สนิทกับเย่ซิวตู๋ก็ยังพาเขาออกมาข้างนอกอีก หรือว่า เย่ซิวตู๋คิดจะร่วมมือกับรัชทายาทแล้ว?

เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้เช่นนี้ พวกเขาก็ถึงกับขมวดคิ้วอย่างห้ามไม่อยู่ แม้รัชทายาทจะเป็นคนไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว แต่เย่ซิวตู๋กลับเป็นคนที่มิอาจเพิกเฉยได้มากที่สุดในกลุ่มองค์ชาย ไม่เพียงแต่มีความสามารถในการสืบทอดบัลลังก์ ต่อให้เป็นฮ่องเต้ก็โปรดปรานเขาอย่างมาก

ทว่าพวกเขาก็เพิ่งได้ยินมาว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนรัชทายาทถูกไล่ตะเพิดออกมาจากตำหนักอ๋องซิวด้วยท่าทางสะบักสะบอมอย่างหนักเลยมิใช่หรือ?

ในใจของเย่ซิวตู๋คิดจะทำอะไรกันแน่?

ขณะที่พวกเขาทางฝั่งนี้กำลังเกิดความคิดซับซ้อน เย่ฮ่าวหรานทางฝั่งนั้นได้นำเด็กสองคนนั้นเข้าไปในห้องพิเศษแล้ว พร้อมกับเปิดหน้าต่างเพื่อมองไปยังห้องโถงชั้นล่างที่เต็มไปด้วยผู้คนแน่นขนัด

ในเวลานี้ จู่ ๆ ประตูห้องพิเศษชั้นสองก็ถูกเปิดออก หมอเสิ่นนำผู้คุ้มกันของจวนเว่ยหยวนโหวเดินมาที่ตรงกลางห้องโถงด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง กล่าวเสียงสูงว่า “ใกล้ถึงเวลาประลองแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะยังไม่มาสินะ”

ผู้อารักขาที่อยู่ด้านหลังเขารีบพูดเสริมเสียงสูงว่า “คาดว่าคงหวาดกลัวกระมัง ถึงอย่างไรหมอปีศาจของเราก็เป็นท่านหมอผู้มีชื่อเสียงใต้หล้า หมอตัวเล็ก ๆ ประเภทนั้นจะเทียบชั้นได้อย่างไรกัน คาดว่าแค่ได้ยินชื่อเสียงของหมอปีศาจก็คงซ่อนตัวไม่กล้ามาเจอหน้าแล้ว”

“นั่นสิ ตอนแรกก็พูดไว้อย่างดิบดี หากถึงเวลาแต่เจ้าตัวยังไม่ปรากฏตัวออกมา เช่นนั้นก็ถือว่ายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว ท่านอ๋องซิว เสนาบดีฝั่งขวาและใต้เท้าอวี๋ ต้องมาขอโทษอาจารย์เสิ่นของพวกเราต่อหน้าทุกคน”

ระหว่างที่พูด ผู้อารักขาคนนั้นก็หันมองไปที่หลีจื่อฟาน

หลีจื่อฟานในฐานะที่เป็นคนรับรองย่อมต้องนั่งอยู่กลางห้องโถง เขายังคงนั่งประจำตำแหน่งเดิมก่อนหน้านี้ ทั้งยังจิบน้ำชาชนิดเดิม มุมปากยังมีรอยยิ้มจาง ๆ ดังเดิม ช่างดูอ่อนโยนยิ่งนัก

“ยังไม่ถึงเวลามิใช่รึ? หมอเสิ่นจะรีบร้อนไปเพื่ออะไร?” เสนาบดีฝั่งขวากล่าว เสียงพูดคุยของผู้คนที่ห้อมล้อมเหล่านั้นถึงกับชะงักไปในทันที ไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่คำเดียว ราวกับว่าหากพวกเขาพูดเสียงดังขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว อาจไม่ได้ยินเสียงที่ไพเราะเสนาะหูของเสนาบดีฝั่งขวาแล้ว

หลีจื่อฟานสวมใส่ชุดสีขาว ท่าทางดูสง่างามขณะนั่งอยู่ตรงนั้น สีหน้าดูนิ่งสงบ ไม่ได้มีความกังวลแม้แต่น้อย

หนานหนานเกาะอยู่ที่ขอบหน้าต่างมองด้วยดวงตาเป็นประกายแวววาว “เสนาบดีฝั่งขวาคนนั้นดูหนุ่มจัง หน้าตาดีจริง ๆ เฮ้อ ก่อนหน้านี้ข้าก็นึกว่าเสนาบดีฝั่งขวาจะเป็นตาแก่ชั่วร้ายเสียอีก”

เขานึกถึงตอนที่สองแม่ลูกเฉินจีซินนั่งอยู่บนรถม้าของเสนาบดีฝั่งขวาและเกือบจะชนเขาจนได้รับบาดเจ็บบนท้องถนนครานั้น ตอนนั้นความประทับใจของตนที่มีต่อเสนาบดีฝั่งขวาเข้าขั้นย่ำแย่สุด ๆ จนเกือบจะถึงส้นเท้าอยู่แล้ว

ทว่าวันนี้เมื่อเห็นอีกฝ่ายต่อต้านหมอปีศาจตัวปลอมคนนั้น ทั้งยังมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเช่นนี้ หนานหนานก็รู้สึกได้ว่าเขาต้องเป็นคนดี

นี่คือโลกที่มองคนจากหน้าตาสินะ…

เย่หลานเฉิงชะโงกหน้าออกไปเช่นกัน ก่อนจะพยักหน้า “ข้าเองก็รู้สึกได้ว่าดูดีมาก แตกต่างจากท่านอาห้าอย่างสิ้นเชิง แต่ความแข็งแกร่งนั้นกลับทำให้ผู้คนรู้สึกทึ่งไม่ต่างกันเลย เจ้าดูสิ แค่เขาพูดประโยคเดียว ก็ทำให้ทุกคนปิดปากได้แล้ว”

หนานหนานเห็นด้วย ก่อนจะเลื่อนสายตามองไปยังหมอเสิ่นที่อยู่ทางฝั่งนั้น ก่อนกล่าวด้วยความฉุนเฉียว “หมอปีศาจตัวปลอมนั่น นับว่าเปิดโอกาสให้ข้าแล้ว ตอนนี้ที่นี่มีคนเยอะแยะขนาดนี้ ข้าจะลงไปเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของเขา แสร้งสวมรอยในนามของท่านแม่ข้า ความผิดนี้สมควรตาย”

หนานหนานแค่นเสียงเย็น ก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้ที่วางอยู่ข้าง ๆ หน้าต่างลงไปด้านล่าง

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เพิ่งจะรู้ตัวว่ามีบุตรชายกับเขาด้วยเหรอองค์รัชทายาท

หนานหนานอย่าเพิ่งลงไป กลับมาก่อนนนน หนูจะลงไปป่วนอะไรอีกแล้วเนี่ย

ไหหม่า(海馬)