ตอนที่ 197 ทั้งหมดนี้คือความผิดของท่าน
เย่ฮ่าวหรานแอบหดหู่ เขาก็แค่อยากใช้ถนนในป่า เพื่อหลีกเลี่ยงของกินที่มีหลากสีมากรสชาติเหล่านั้น ป้องกันไม่ให้สหายตัวน้อยร้องขอให้จอดรถม้าเพื่อลงไปกินของบ่อย ๆ จนทำให้เสียเวลา
ใครจะไปคิดว่าถนนในป่าจะเจอกับเรื่องโหดร้ายเช่นนี้ รถม้าชนกันยังพอทน คนชุดดำคิดจะฆ่าปิดปากยังพอทน เสื้อผ้าของพวกเขาสกปรกก็ยังพอทน
ทว่าล้อรถกลับถูกชนจนเบี้ยวขับไปได้สองก้าวก็พลิกแล้วนี่มันอะไรกัน? จนกระทั่งรถถูกซ่อมจนสามารถขับบนถนนได้ ทว่าม้ากลับตกใจจนไม่ยอมเดินนี่มันอะไรกัน? กว่าจะปลอบขวัญม้าจนมันยอมเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกหินก้อนใหญ่ขวางไว้ตรงหน้าอีก นี่มันอะไรกัน?
คำนวณดูแล้ว ดูเหมือนว่าเวลาจะกระชั้นชิดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก?
ทั้งยังมีเจ้าสหายน้อยที่หลังจากรู้เจตนารมณ์ของเขา ก็เอาแต่บ่นนู่นบ่นนี่ไม่จบสิ้น ไม่ได้เห็นเขาที่มีสถานะท่านอ๋องอยู่ในสายตาเลยสักนิด
“ท่านคือท่านอ๋องจริง ๆ หรือ? เหตุใดถึงได้โง่เขลาขนาดนี้ เพียงเพราะไม่อยากให้ข้ากินของจึงเปลี่ยนมาใช้ถนนที่ง่ายต่อกลุ่มอาชญากรที่จะก่ออาชญากรรม ท่านดูเอาเถิด เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องไม่น้อยเลยด้วย เสียเวลายิ่งกว่าเดิมเสียอีก ความปรารถนาของท่านถูกทำลายอย่างสมบูรณ์แล้ว สรุปแล้วท่านคิดเป็นหรือเปล่าเนี่ย คนโง่ยังรู้เลยว่าการพาเด็กสองคนที่ง่ายต่อการก่ออาชญากรรมทั้งยังมีความงดงามขนาดนี้ต้องเดินทางบนถนนใหญ่ที่มีผู้คนครึกครื้น แบบนี้ต่างหากล่ะถึงจะปลอดภัย เฮ้อ ท่านไม่อยากให้ข้ากินของมิใช่หรือ? ท่านก็บอกข้าตรง ๆ ได้นี่นา ข้าดูเหมือนเด็กไร้เหตุผลขนาดนั้นเลยหรือ? เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สักหน่อย”
หนานหนานส่ายหน้าแล้วส่ายหน้าอีก เขารู้สึกได้ว่าหากยังอยู่กับคนคนนี้ต่อไปคงได้กระทบกับสติปัญญาของเขาเป็นแน่
“ท่านอ๋องแปด อย่าหาว่าข้าชอบตำหนิท่านเลยนะ แต่ท่านช่างโง่เขลาเหลือเกิน แต่กลับคิดว่าตนเองฉลาดมีความสามารถกว่าใคร ๆ ท่านลองพูดมา ท่านลองพูดมาว่าคนที่ไม่น่าเชื่อถือเช่นท่าน หลังจากนี้จะแต่งงานหาภรรยาได้อย่างไรกัน?”
เย่หลานเฉิงอยากยิ้มแต่ก็ไม่กล้า เขาเกิดความคิดอยากดึงหนานหนานอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ดึงมือกลับมา ก่อนจะมองไปนอกหน้าต่างอย่างเงียบ ๆ
เย่ฮ่าวหรานถึงกับมีเส้นเลือดบริเวณหน้าผากกระตุกตุบๆ อย่างบ้าคลั่ง เขาอดทนอดกลั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางราวกับยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “เจ้าสหายตัวน้อย นี่เจ้าลืมอะไรไปหรือไม่?”
“เรื่องอะไร?” หนานหนานถูกอีกฝ่ายพูดแทรกอย่างฉับพลัน จึงเก็บสีหน้า เห็นได้ชัดว่ารู้สึกไม่มีความสุข
“เมื่อครู่ตอนที่เจ้ากระเด็นออกไปด้านนอกรถม้า ดูเหมือนว่าเราจะออกไปช่วยชีวิตเจ้าโดยไม่สนใจอันตรายใด ๆ เมื่อครู่ตอนที่ชายชุดดำคนนั้นถือมีดจะฆ่าพวกเรา ดูเหมือนว่าก็เป็นเราที่อุ้มเจ้าเพื่อหนีจากช่วงเวลาวิกฤติได้อย่างหวุดหวิด ดูเจ้าตอนนี้สิ ไม่เพียงแต่ไม่ขอบคุณเรา แต่ยังมีหน้ามาตำหนิเราอีก?” เจ้าเด็กไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี คอยดูเถอะ รอให้ข้าจัดการเรื่องที่เสด็จพ่อฝากให้ทำในวันนี้เสร็จเมื่อไร ข้าจะจัดการเขาให้หนักเลย
อย่าคิดว่าตนเองตัวเล็กร่างเตี้ยแล้วเขาจะเมตตายอมปล่อยไปนะ
หนานหนานกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยท่าทางมึนงง “มีเรื่องนี้ด้วยรึ?”
เย่ฮ่าวหรานหรี่ตาลง จ้องมองไปยังศีรษะของอีกฝ่ายด้วยสายตาเป็นอันตราย “หรือจะให้เราลองกับเจ้าอีกสักครั้ง?”
“เรื่องนั้นไม่ต้องหรอก” หนานหนานส่ายหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว ก่อนจะขยับไปใกล้ ๆ เย่หลานเฉิง เอ่ยปากพูดเสียงดังด้วยความชอบธรรม “ท่านยังมีหน้ามาพูดอีกนะ หากมิใช่เพราะท่านยืนกรานจะใช้ถนนเส้นนี้ พวกเราจะเจอเรื่องแย่ ๆ เหล่านี้รึ? มาคำนวณดูแล้ว ทั้งหมดนี่ก็เป็นความผิดของท่านนั่นแหละ”
“…” เย่ฮ่าวหรานรู้สึกพูดไม่ออก
ในที่สุดเย่หลานเฉิงก็กลั้นขำไม่ไหว หลังจากถูกเย่ฮ่าวหรานหันมาถลึงตาใส่ เขาก็รีบยกมือปิดปากตนเองอีกครั้ง รีบเบือนหน้ามองไปด้านนอกหน้าต่างรถ
ตอนที่หันมอง ฉากตรงหน้าทำให้เขาตกตะลึงจนรูม่านตาเริ่มขยายใหญ่
จากนั้นเสียงของคนขับรถม้าที่อยู่ด้านนอกก็ดังขึ้น “ท่านอ๋องแปด บนพื้นมีคราบเลือดด้วยขอรับ”
“คราบเลือด?” เย่ฮ่าวหรานเบนสายตาไปทางต้นเสียง ในที่สุดก็ไม่ถลึงตาโตใส่หนานหนานแล้ว แหวกม่านรถมองออกไปด้านนอก
สถานที่แห่งนี้ยังคงไม่มีใคร บนถนนเงียบสงัดจนผิดปกติ เย่ฮ่าวหรานหันมองซ้ายขวา ก็พบว่านอกจากคราบเลือดบนพื้นแล้ว ก็ไม่มีสิ่งผิดปกติใด ๆ
“ท่านอ๋องแปด…” เสียงของคนขับรถม้าทุ้มต่ำมาก ภายในใจเริ่มกระสับกระส่าย ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ยังเช้าอยู่ พระอาทิตย์ก็ส่องแสงสว่างจ้า ทว่าเขากลับรู้สึกได้ถึงลมหนาว ช่างน่ากลัวนัก
“ออกเดินทางต่อ อย่าหยุด” เย่ฮ่าวหรานจ้องมองการเคลื่อนไหวบนถนนอย่างระมัดระวัง หันกลับมากำชับเย่หลานเฉิงและหนานหนานให้นั่งอยู่ในรถให้ดี ก่อนจะจับประตูรถอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น
“คราบเลือดไม่กี่จุดนี้ คาดว่าคงเป็นเลือดของคนในรถม้าคันนั้นและชายเสื้อดำไม่กี่คนเหล่านั้นทิ้งไว้ พวกเขาน่าจะสู้กันอยู่ที่นี่ถึงจะถูก เพียงแต่…ไม่เพียงแต่รถม้าหรือม้า แม้แต่คนเหล่านั้นก็ดูเหมือนจะหายไปแล้ว” เย่ฮ่าวหรานรู้สึกแปลกประหลาดมาก หากชายชุดดำเหล่านั้นได้รับชัยชนะ เช่นนั้นคนที่เกิดเรื่องก็ต้องเป็นคนในรถม้าคันนั้น
ทว่าพวกเขาที่มีอยู่แค่สี่คน จะสามารถขจัดร่องรอยในการต่อสู้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ นี้จนไม่เห็นแม้แต่รถม้าได้อย่างไรกัน
หากคนในรถม้าได้รับชัยชนะ ก็ไม่มีทางที่จะเก็บกวาดจนสะอาดหมดจดเช่นนี้อยู่ดี
หรือว่า สถานที่แห่งนี้ยังมีกลุ่มคนที่สาม? มีความเป็นไปได้หรือไม่?
เย่ฮ่าวหรานเงยหน้าขึ้น มองซ้ายแลขวา แต่กลับไม่พบร่องรอยใด ๆ
ตอนนี้เผิงอิงที่หมอบอยู่ท่ามกลางกิ่งไม้ที่เขียวชอุ่ม กลับเห็นรถม้าคันนั้นเพิ่มความเร็ว เขาเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน สถานที่เช่นนี้เพียงไม่นานจะมีคนขับผ่านมา จนกระทั่งเย่ฮ่าวหรานชะโงกหน้าออกมา เขาจึงแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก จนกระทั่งรถม้าออกไปแล้วจึงกระโดดลงมาจากต้นไม้อย่างรวดเร็ว และมุ่งหน้าไปยังตำหนักอ๋องซิวทันที
รถม้าแล่นไปด้านหน้าตลอดทาง เย่ฮ่าวหรานหันกลับมามองหนานหนานที่ทำท่าทางราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาก็นึกถึงคำพูดที่หนานหนานพูดไว้เมื่อครู่ เป็นอย่างที่เขาพูดไว้จริง ๆ ถนนในป่าดูไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย นอกจากนี้เขายังมีเด็กอีกสองคนนั่งรถมาด้วย รอให้ถึงแยกถัดไปคงต้องกลับไปวิ่งบนถนนปกติก็แล้วกัน
เย่ฮ่าวหรานครุ่นคิด ก่อนจะก้มหน้ากระซิบกับคนขับรถม้าสองประโยค
เพียงไม่นาน รถม้าก็เปลี่ยนทิศทางกลับไปวิ่งบนถนนใหญ่อีกหน
ระหว่างทางได้เจอเรื่องเหล่านั้น เย่ฮ่าวหรานย่อมไม่อยากสร้างปัญหาอะไรอีกแล้ว ก็คิดเสียว่า…ไม่เห็นอะไร ไม่ต้องไปสนใจเขาแล้ว
ทันทีที่หนานหนานได้ยินเสียงตะโกนอย่างครึกครื้นจากด้านนอก ก็กลับมากระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง เขาแหวกม่านรถมองออกไปด้านนอก ก็เริ่มออกแรงกลืนน้ำลายอีกครั้ง
เย่ฮ่าวหรานมุมปากกระตุกวูบ สั่งให้คนขับรถม้ารีบเพิ่มความเร็ว
โชคดีที่โรงเตี๊ยมเยว่หมิงอยู่ห่างจากที่นี่อีกไม่ไกลแล้ว ต่อให้สถานการณ์จะเต็มไปด้วยปัญหาก็ทำอะไรหนานหนานไม่ได้
“เสี่ยวเฉิงเฉิง อันนั้นดูน่าอร่อยจัง พวกเราลงไปซื้อกันเถอะ”
เย่ฮ่าวหรานถึงกับตบหน้าผากฉาดใหญ่ เขาอยากจะบีบคอเจ้าสหายน้อยคนนี้ให้ตาย ๆ ไปเสียจริง
เขายื่นมือออกมา พร้อมกับดึงหนานหนานที่ชะโงกหน้าออกนอกหน้าต่างให้กลับเข้ามา “ซื้ออะไรของเจ้า พวกเราถึงโรงเตี๊ยมเยว่หมิงแล้ว รีบทำเวลาเข้าไปด้านในได้แล้ว เจ้าดูเอาเถอะ ด้านนอกมีคนห้อมล้อมเยอะแยะขนาดนั้น การประลองคงเริ่มแล้ว”
เริ่มแล้ว? หนานหนานดวงตาเป็นประกาย เมื่อนึกถึงคนที่กล้าสวมรอยเป็นท่านแม่ เขาก็เกิดความทะเยอทะยานจนลืมเรื่องกินไปแล้ว รีบเข้าไปด้านในโรงเตี๊ยมทันที
เย่ฮ่าวหรานอุ้มเด็กทั้งสองคนให้ลงมาจากรถ ก่อนจะคุ้มกันพวกเขาให้เดินเข้าไปด้านใน
ทว่าตอนที่เพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว จู่ ๆ ก็ยินเสียงพูดคุยดังขึ้นจากด้านข้าง “แม่นางคนนั้นยังไม่มาเลย คงมิใช่ว่าไม่กล้ามากหรอกกระมัง”
………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หนานหนานนี่กระเพาะหลุมดำจริงๆ เวลาแบบนี้ยังจะกินอีกนะ
แม่นางอวี้แค่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะค่ะ หมอปีศาจตัวจริงก็งี้แหละต้องแต่งตัวให้สมฐานะหน่อย
ไหหม่า(海馬)