ตอนที่ 287 การหัวเราะที่อัปลักษณ์กว่าร้องไห้

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 287 การหัวเราะที่อัปลักษณ์กว่าร้องไห้

กล่าวถึงทางด้านตระกูลเซี่ย เมื่อสมาชิกทั้งสี่คนของตระกูลเสิ่นจากไป ญาติคนอื่น ๆ ต่างก็อับอายเกินกว่าจะอยู่ต่อได้นานกว่านี้ หลังจากทักทายและปลอบโยนกันสองสามประโยค พวกเขาต่างก็กลับไปเช่นกัน

ผู้เฒ่าเฉินและเฉินเจิ้นเจียงเองก็ต้องการออกไปจากที่นี่ จึงบุ้ยใบ้ให้เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยกลับบ้านพร้อมกับพวกเขาด้วย

ในเวลานี้พวกเขายังอยู่ในอาการตกใจกับเรื่องชาติกำเนิดของหลินเซี่ย จึงจำเป็นต้องรีบกลับบ้านเพื่อไต่ถามกันให้ชัดแจ้ง

หลินเซี่ยจะเป็นลูกสาวของเซี่ยเหลยได้อย่างไร?

เซี่ยเหลยจะมีลูกสาวได้อย่างไร?

หลินเซี่ยเข้าไปทักทายพวกผู้เฒ่าเซี่ย และวางแผนว่าจะกลับบ้าน

อาจเป็นเพราะผู้เฒ่าเซี่ยปวดเศียรเวียนเกล้าเล็กน้อยจากข่าวหนัก ๆ มากมายที่ปะทุพร้อมกันในวันนี้และจำเป็นต้องคิดไตร่ตรองแยกแยะเรื่องพวกนี้ให้ดี เขาจึงโบกมืออนุญาต “กลับบ้านเถอะ”

ในขณะที่ทุกคนกำลังจะออกไป เซี่ยหลานพลันเรียกเซี่ยไห่

คนที่เซี่ยไห่รู้สึกเกรงใจไม่กล้าเผชิญหน้าที่สุดในเวลานี้จริง ๆ คือเซี่ยหลาน

ไม่มีใครเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของเซี่ยหลานที่มีต่อพี่ใหญ่ของเขาในตอนนั้นได้ดีไปกว่าเขา

ครั้งหนึ่งหล่อนเคยหนีไปหาพี่ใหญ่ของเขาในชนบทตามลำพัง เพียงเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับชายหนุ่มมากขึ้น

มาตุภูมินั้นแสนกว้างใหญ่ ต่อให้หล่อนจะไปยังมณฑลเดียวกับที่เซี่ยเหลยอยู่ ทว่าทั้งสองเทศมณฑลก็ถูกแยกจากกันด้วยภูผานทีอันนับไม่ถ้วน อีกทั้งเซี่ยเหลยยังปฏิเสธหล่อนอย่างชัดเจนในจดหมาย

ต่อมาเซี่ยอวี่พี่สาวของเขาช่วยปลอบใจเซี่ยหลาน โดยบอกว่าไม่ใช่ว่าหล่อนไม่ดี แต่พี่ใหญ่ของพวกเขาเป็นเพียงท่อนไม้ซื่อบื้อมาแต่ไหนแต่ไร ซ้ำยังไร้ซึ่งเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา*

(*七情六欲 อารมณ์ความรู้สึกความปรารถนาแบบปุถุชนทั่วไป ประกอบด้วยความรู้สึกเจ็ดอย่าง ได้แก่ ความยินดี ความโกรธ ความเศร้า ความกลัว ความรัก ความเกลียด และความเบิกบาน ส่วนความปรารถนาของมนุษย์นั้นมีอยู่ด้วยกันหกอย่าง ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ)

ในใจของเขาคิดเพียงจะอุทิศตนให้กับแผ่นดินเกิด เพื่อที่เซี่ยหลานจะได้ไม่ต้องรู้สึกแย่หรือปฏิเสธตัวเองเพียงเพราะเซี่ยเหลยไม่ชอบหล่อน

ต่อมาพี่ใหญ่ก็ได้อุทิศตนเพื่อชาติอย่างแท้จริง

เซี่ยหลานจึงปล่อยวางได้เช่นกัน

มาวันนี้ เซี่ยหลานได้รับรู้ว่าพี่ใหญ่ของเขามีความสัมพันธ์กับสหายหญิงคนอื่นเมื่อยี่สิบปีก่อน ทั้งยังมีลูกด้วยกันอีก แค่คิดดูก็รู้แล้วหล่อนจะรู้สึกคับข้องใจมากเพียงใด

หากแต่เหตุการณ์นี้ก็ผ่านมากว่ายี่สิบปี เซี่ยหลานคงปล่อยวางมันได้แล้ว

ในขณะที่ความคิดของเซี่ยไห่กำลังวนเวียนไปมา ก็พลันได้ยินเสียงเอ่ยถามของเซี่ยหลาน “เซี่ยไห่ ตอนนั้นพี่ใหญ่ของคุณเคยคบหากับหลิวกุ้ยอิงจริงหรือ? คุณรู้ได้อย่างไร? พี่ชายของคุณไม่ได้สูญเสียความทรงจำหรอกหรือ? มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?”

เซี่ยไห่มองออกว่าเซี่ยหลานไม่ยินดีที่จะยอมรับข้อเท็จจริงนี้อย่างยิ่ง

การที่หล่อนไม่เต็มใจที่จะยอมรับไม่ใช่เพราะหล่อนปล่อยวางจากเซี่ยเหลยไม่ได้

บางทีมันอาจเป็นการไม่อยากยอมรับว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่น

หล่อนยอมเชื่อว่าเขาปฏิเสธหล่อนในตอนนั้นเป็นเพราะการมีความรักลึกซึ้งระหว่างชายหนุ่มและหญิงสาวไม่ได้อยู่ในแผนการและการไตร่ตรองของเขาจริง ๆ เหมือนดั่งที่เซี่ยอวี่กล่าวบอกว่าตัวเขามุ่งมั่นที่จะรับใช้ประเทศและไร้ซึ่งเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาราวกับท่อนไม้

แต่ตอนนี้ จู่ ๆ หล่อนก็ได้รับรู้ว่าเขาปฏิเสธการตามจีบอันดุเดือดของตัวเอง และหันไปหลงรักผู้หญิงอื่นเสียอย่างนั้น

สำหรับเซี่ยหลานแล้ว นี่คงจะเป็นความหวาดระแวงต่อโลกใบนี้

แม้ว่าจะโหดร้ายเพียงใด ทว่าเมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ เซี่ยหลานก็ยังคงพูดความจริงอย่างตรงไปตรงมา

“ช่วงหลัง ๆ พี่ชายของผมเอาแต่เรียกหาอิงจื่อในความฝัน หลังจากที่แม่บอกผมเรื่องนี้ ผมจึงไปที่กรมทหารที่พี่ชายของผมประจำการอยู่ในตอนนั้นเพื่อตรวจสอบ และบังเอิญไปรู้เรื่องหลิวกุ้ยอิงเข้า ซึ่งหลิวกุ้ยอิงก็ยอมรับว่าหล่อนคบหากับเซี่ยเหลยและกำลังตั้งท้องลูกของเขาอยู่”

“แต่ถึงอย่างนั้นพี่ใหญ่ของผมกลับไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเซี่ยเซี่ย ในตอนที่เขาและหลิวกุ้ยอิงเพิ่งคบหาดูใจกัน เขาก็ต้องออกไปทำสงคราม หลิวกุ้ยอิงต้องอดทนต่อความกดดัน ทั้งยังต้องทนทุกข์ทรมานอย่างยิ่งเพื่อที่จะให้กำเนิดลูกคนนี้ ด้วยรู้ว่าหลังจากพี่ชายของผมยอมเสียสละตนแล้ว หล่อนก็อยากจะให้กำเนิดลูกของเขาไว้ดูต่างหน้า และเพื่อที่จะมีลูกคนนี้ หล่อนเองก็ต้องทนทุกข์ทรมานไม่น้อยเช่นกัน”

เซี่ยหลานหรี่ตาลงตั้งแต่ต้นจนจบ ใบหน้าที่ปกติจริงจังและเยือกเย็นมาตลอดปรากฏความตึงเครียด ซ้ำยังไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ

“พี่สาวเซี่ยหลาน ผมรู้ว่าคุณคิดว่าเรื่องนี้มันเหนือความคาดหมายจนยากจะเชื่อ แต่ผมได้ตรวจสอบทั้งหมดแล้วและไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ แม่และพี่สาวของผมจะพาพี่ใหญ่มายังเมืองไห่เฉิงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เมื่อถึงเวลานั้นก็จะให้พี่ใหญ่ของผมกับเซี่ยเซี่ยไปพิสูจน์ความเป็นพ่อลูกกัน”

“พี่ชายและพี่สาวของคุณกำลังจะมาที่เมืองไห่เฉิงเหรอ?” หลังจากได้ยินถ้อยคำของเซี่ยไห่ ในที่สุดเซี่ยหลานก็มีปฏิกิริยาตอบรับพลางเงยหน้าขึ้น

เซี่ยไห่พยักหน้ารับ “ครับ พวกเขาออกเดินทางกันแล้ว ตอนนี้กำลังต่อเครื่องอยู่ที่เมืองเชินเฉิง คาดว่าจะมาถึงในบ่ายวันพรุ่งนี้”

“ฉันเข้าใจแล้ว” เซี่ยหลานหันหลังให้เซี่ยไห่แล้วเอ่ยคำ

“คุณกลับไปเถอะ”

“พี่สาวเซี่ยหลาน คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”

เซี่ยหลานโบกมือแล้วเดินตรงกลับเข้าไปข้างใน ก่อนจะขังตัวเองไว้ในห้อง

ในเวลานั้น ชายผู้มีเพียงใจมุ่งมั่นต้องการไปในสถานที่อันทุรกันดารที่สุดเพื่อสรรค์สร้างและปกป้องมาตุภูมิได้เอาแต่อ้างว่าเขาไม่มีความคิดเรื่องความรักความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาว

หล่อนคิดว่าเขามีเพียงอุดมการณ์และปณิธานอยู่ในใจ และเต็มใจจะอุทิศชีวิตให้กับแผ่นดินนี้

และนั่นคือสิ่งที่ทุกคนเชื่อมาตลอดหลายปี

ปรากฏว่าเขาไม่ได้หมายความอย่างนั้นกับหล่อน

เซี่ยไห่มองร่างที่จมดิ่งอยู่ในความอ้างว้างของเซี่ยหลานแล้วก็พลันนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยทักทายเซี่ยตงและตั้งใจว่าจะกลับไป

“พี่สาวฉันยังสบายดีอยู่หรือเปล่า?” เซี่ยตงเอ่ยถามเซี่ยไห่

เซี่ยไห่มองไปยังบานประตูที่ปิดอยู่แล้วเอ่ย “พี่สาวเซี่ยหลานอาจจะหวนคิดถึงอดีตขึ้นมา อย่างไรนายก็ช่วยปลอบโยนหล่อนสักหน่อยแล้วกัน”

“คุณคืออารองของหลินเซี่ยจริง ๆ เหรอ?” เซี่ยตงที่เดินตามมาส่งเขายังประตูอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามยืนยันอีกครั้ง

เซี่ยไห่หันกลับมาและพบกับแววตาซึ่งเต็มไปด้วยความสงสัยสืบเสาะของเซี่ยตง จึงเชิดหน้าขึ้น “ดูไม่เหมือนเหรอ?”

เขาคุยโวโอ้อวดกับเซี่ยตงอย่างต่อเนื่อง “ครั้งต่อไปที่ได้พบหน้ากัน นายเชื่อไหมว่าฉันจะให้ผู้เฒ่าเฉินเรียกฉันว่าอารองต่อหน้าทุกคน?”

เซี่ยตงสั่นศีรษะโดยไม่ลังเล “ไม่เชื่อหรอก”

“นายรอดูได้เลย” เซี่ยไห่เอ่ยจบก็วิ่งไปพร้อมกับกุญแจรถ

เฉินเจียเหอ หลินเซี่ย และผู้เฒ่าเฉินต่างกำลังรอเซี่ยไห่

ภรรยาของหวังเฉียงยังคงเจรจาต่อรองกับหลินเซี่ย

“เสี่ยวหลิน พวกคุณสัญญากับฉันว่าขอเพียงฉันมาเป็นพยานเพื่อเปิดโปงเสิ่นเถี่ยจวิน พวกคุณจะไปเซ็นข้อตกลงที่สถานีตำรวจเพื่อให้ปล่อยตัวเหล่าหวังของฉันออกมา พวกคุณต้องรักษาคำพูดนะ”

หลินเซี่ยกล่าวว่า “พี่สาว คุณกลับบ้านก่อนเถอะ เรื่องนี้จะต้องเป็นไปตามขั้นตอน รอให้หลิวจื้อหมิงยอมสารภาพคนที่คอยบงการอยู่เบื้องหลังออกมาก่อนค่อยว่ากัน หวังเฉียงเองถูกคนยุยง โชคดีที่ไม่ได้ทำให้ความเสียหายใหญ่หลวงอะไร เราจะพิจารณาเรื่องข้อตกลงให้ค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ”

เมื่อเซี่ยไห่มาถึง ผู้เฒ่าเฉินก็เอ่ยกับเขาว่า “เธอขับรถตามพวกเราไปที่บ้านของฉัน”

อาจเป็นเพราะสถานะที่แปรเปลี่ยนไปของเซี่ยไห่ ผู้เฒ่าเฉินจึงพูดกับเซี่ยไห่ด้วยน้ำเสียงที่สุภาพมากขึ้น

“ครับ”

เซี่ยไห่ขึ้นรถของเขา เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยนั้นต้องการจะนั่งของเซี่ยไห่ ทว่าผู้เฒ่าเฉินเอ่ยเรียกให้ทั้งสองนั่งรถไปกับเขา

เซี่ยไห่ขับรถตามรถจี๊ปของผู้เฒ่าเฉิน ก่อนจะมาจอดที่ชุมชนบ้านพักทหาร ทั้งครอบครัวลงจากรถ ใบหน้าของชายชราดูจริงจัง ส่วนเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไร เพียงเดินตามพวกเขาไป

หู่จือรู้สึกว่าผู้ใหญ่ทุกคนเคร่งขรึมจริงจังอย่างยิ่ง และเขาเองรู้ความจึงไม่ได้พูดจาไร้สาระเหมือนที่เคยทำ

คุณย่าเฉินและเฉินเจียวั่งกำลังดูโทรทัศน์ โดยรายการที่กำลังฉายในโทรทัศน์คือละครสั้นจากรายการพิเศษในช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ (ชุนหว่าน)

“ซือหม่ากังกังกวง?”

“ไม่ใช่ ซือหม่ากวงจ๋ากัง*ต่างหาก”

*马光砸缸 ซือหม่ากวงทุบโอ่ง

“ซือหม่ากังกังกัง”

“ซือหม่ากวงกังกวง…”

คุณย่าเฉินดูหญิงชราในทีวี ซึ่งน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับตนกำลังเรียนที่จะเอ่ยพูดอย่างจริงจังทว่าออกเสียงผิดพลาดบ่อยครั้ง ทำให้นางตบต้นขา ทั้งยังหัวเราะอย่างมีความสุขจนปากแทบจะถึงหู

ส่วนเฉินเจียวั่งนั้นนั่งดูโทรทัศน์อย่างนิ่งสงบพลางเหลือบมองคุณย่า ด้วยไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงหัวเราะถึงเพียงนี้

เมื่อหญิงชราเห็นใบหน้าไร้อารมณ์ของหลานชาย และดูไม่มีความสุขไม่เพียงสักนิด ก็พลันสับสนงุนงงเล็กน้อย พลางเอ่ยถามเฉินเจียวั่งว่า “เจียวั่ง ดูสิว่ามันตลกขนาดไหน ทำไมหลานถึงไม่หัวเราะเลยล่ะ?”

“เด็กน้อย หลานต้องยิ้มให้มากกว่านี้ เขาว่ากันว่ายิ้มสักหน่อย อายุน้อยลงสิบปี ต้องร่าเริงเข้าไว้ หลานดูละครสั้นนี่สิ นัดบอดของคนขี้เกียจ เรื่องนี้ตลกกว่าเรื่องก่อนเสียอีก”

เฉินเจียวั่งทราบถึงเจตนาดีของคุณย่า เพื่อจะทำให้เขามีความสุข ทำให้เขาอารมณ์ดี จึงตั้งใจหารายการภาษาเหล่านี้มาดูเป็นเพื่อนเขา

เด็กหนุ่มจึงให้ความร่วมมือกับผู้เป็นย่า โดยการฉีกยิ้ม

หญิงชรามองเขาด้วยกลอกตามองบนอย่างไม่ชอบใจนัก “หลานยิ้มเหมือนกำลังร้องไห้ ดูไม่ดีเลยสักนิด”

เฉินเจียวั่ง “…”

ขณะที่เขากำลังจะปริปากเอ่ย ประตูก็ถูกเปิดออก พร้อมกับคนกลุ่มหนึ่งที่เดินเข้ามา

หู่จือรีบวิ่งเข้ามาพร้อมตะโกนเรียกคุณย่าทวด ก่อนจะพุ่งตรงเข้าอ้อมกอดของเฉินเจียวั่ง

คุณย่าเฉินเอ่ยถามพวกเขาว่า “พวกเธอไปอวยพรวันเกิดผู้เฒ่าเซี่ยกันเรียบร้อยแล้วเหรอ?”

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

จากการอวยพรกลายเป็นการแฉน่ะค่ะคุณย่า

ไหหม่า(海馬)