ตอนที่ 286 การหย่าร้าง

ทันทีที่เสิ่นอวี้อิ๋งอาเจียน เสิ่นเสี่ยวเหมยก็เข้ามาลูบแผ่นหลังหล่อนอย่างรวดเร็ว เดิมทีเซี่ยหลานรู้สึกเสียใจกับหล่อนและอยากช่วยดูแล แต่เมื่อเห็นว่าหล่อนสบายดีขึ้นแล้ว จึงไม่ได้เข้าไปหา

“อวี้อิ๋ง กลับบ้านกันก่อนเถอะ พรุ่งนี้เธอยังต้องไปเรียนอีกนะ” เสิ่นเสี่ยวเหมยโน้มน้าว

เสิ่นเถี่ยจวินถูกเซี่ยตงต่อยจนหน้าช้ำ แต่เขาคงยังไม่ยอมจากไป พยายามอธิบายให้เซี่ยหลานเข้าใจ

เขาเคยสงสัยในตัวเซี่ยหลานมาก่อน แต่เมื่อตรวจสอบความเป็นพ่อลูกกับเสิ่นอวี้อิ๋ง และพบว่าหล่อนเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเอง แถมยังเพิ่งรู้ว่าเซี่ยเหลยเคยมีความสัมพันธ์กับใครบางคนในตอนนั้นและมีลูกด้วยกัน เขาก็รู้สึกผิดต่อเซี่ยหลานมากขึ้นไปอีก

ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่ควรสงสัยหล่อนเลยจริง ๆ

สุดท้ายก็ทำหินหล่นทับเท้าตัวเอง

ในตอนนี้เขาจึงต้องการชดเชยความเสียใจของเซี่ยหลานที่ต้องทนทุกข์ทรมานตลอดหลายปีที่ผ่านมา

เซี่ยหลานมองเสิ่นเถี่ยจวินด้วยสายตาเฉยเมย และพูดว่า “เสิ่นเถี่ยจวิน คุณรอฉันติดต่อไปอีกที ระหว่างนี้ก็เตรียมเอกสารให้พร้อมสำหรับการหย่าของเราด้วย”

“เสี่ยวหลาน คุณ…” เสิ่นเถี่ยจวินก้าวไปข้างหน้า พยายามเกลี้ยกล่อมหล่อน “เสี่ยวหลาน ได้โปรดฟังผมอธิบายก่อน ผมไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ”

เซี่ยหลานไม่ให้โอกาสเขาได้พูด หล่อนสบตาเขาอย่างไร้ความรู้สึกใด ๆ “ฉันรอวันนี้มานานแล้ว”

หลายปีที่ผ่านมา หล่อนรู้มาโดยตลอดว่าผู้เฒ่าเสิ่นและเสิ่นเถี่ยจวินไม่มีความเชื่อใจหล่อนในฐานะสะใภ้เลย นอกจากปฏิบัติต่อหล่อนไม่ดีแล้ว ยังปฏิบัติต่อหลินเซี่ยอย่างห่างเหิน

เพื่อเห็นแก่หน้าทั้งสองตระกูล หล่อนจึงยอมทนตลอดมา

พ่อของหล่อนเป็นอาจารย์อาวุโสที่น่านับถือ ส่วนแม่เป็นคนจริงจังและตรงไปตรงมา ตอนนั้นหล่อนยังเด็กและซื่อตรง เพื่อสิ่งที่เรียกว่าความรักแล้วจึงไม่เชื่อฟังพวกเขาและเดินทางไปต่างอำเภอตามลำพัง ทำให้พ่อแม่เป็นกังวลเป็นอย่างยิ่ง

แต่หล่อนเป็นคนเลือกเสิ่นเถี่ยจวินเอง ดังนั้น ไม่ว่าชีวิตของตัวเองจะย่ำแย่แค่ไหน หล่อนก็ไม่เคยคิดเรื่องการหย่าร้างเลย

ต่อมาเมื่อลูกชายพวกเขาได้รับบาดเจ็บจนอยู่ในสภาพไม่ต่างจากผัก ความกังวลทั้งหมดก็ตกอยู่ที่ลูกชายเพียงคนเดียว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น ๆ

หล่อนไม่รู้ว่าเสิ่นเถี่ยจวินมีความคิดที่จะหย่าร้างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาหรือเปล่า รู้แค่ว่าพ่อสามีของเธอรักชื่อเสียงหน้าตาตัวเองยิ่งกว่าอะไร แม้เขามักจะเหน็บแนมและดูถูกเหยียดหยามหล่อนที่บ้าน แต่พออยู่ข้างนอกกลับสรรเสริญหล่อนจนแทบลอยขึ้นสวรรค์

เวลานี้ เมื่อหล่อนรู้ว่าเสิ่นเถี่ยจวินเป็นคนสับเปลี่ยนลูกของหล่อนกับลูกคนอื่น เพราะสงสัยว่าหล่อนท้องกับชู้ หัวใจของหล่อนก็ถึงขั้นแหลกสลาย

เหตุการณ์นี้เปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้หล่อนอยากแตกหักกับเขา

ทั้งยังทำให้หล่อนกล้าหย่าร้างอีกด้วย

หล่อนพูดกับเสิ่นเถี่ยจวินอีกว่า “ฉันจะดูแลลูกชายเอง ไม่ให้คุณต้องเดือดร้อนอะไร”

เซี่ยหลานตอนนี้มีท่าทางเด็ดขาด จากนั้นเซี่ยตงก็เข้ามาไล่พวกเขาออกไป “ได้ยินที่พี่สาวฉันพูดชัดเจนแล้วหรือยัง? กลับไปเตรียมเอกสารหย่าร้างซะ แล้วพาครอบครัวนายออกไปจากที่นี่ด้วย”

เซี่ยตงไม่เพียงมีทัศนคติย่ำแย่ต่อเสิ่นเถี่ยจวินเท่านั้น แต่ยังมีความคิดด้านลบต่อผู้เฒ่าเสิ่นและเสิ่นเสี่ยวเหมยอีกด้วย

เมื่อคานบนไม่ตรง คานล่างก็ย่อมบิดเบี้ยวตาม

ละครเรื่องล่าสุดที่ครอบครัวนี้เป็นคนสร้างขึ้น ทุกคนต่างรู้เช่นเห็นชาติกันหมดแล้ว

เขารู้สึกอับอายเสมอที่มีครอบครัวฝั่งเขยเลวทรามแบบนี้ ทันทีที่พี่สาวของเขาออกปากพูดว่าจะหย่า เซี่ยตงจึงสนับสนุนหล่อนอย่างเต็มที่

ผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลเซี่ยไม่พูดอะไร

เสิ่นเถี่ยจวินยังไม่ยอมออกไป และยังคงพยายามอธิบายให้เซี่ยหลานฟัง

เซี่ยตงจึงปรี่เข้ามาและผลักเขาจนกระเด็น

ผู้เฒ่าเสิ่นและเสิ่นเสี่ยวเหมยช่วยกันพยุงเสิ่นอวี้อิ๋งขึ้น ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกไป

เมื่อเสิ่นเถี่ยจวินและคนอื่นเดินผ่านหน้าหลินเซี่ย ทั้งหมดก็มองไปที่หลินเซี่ยด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว

แต่หลินเซี่ยยิ้มให้อย่างไม่แยแส และทำเป็นไม่สนใจ

ในเมื่อเซี่ยหลานต้องการหย่ากับเสิ่นเถี่ยจวิน จากนี้ไปเธอจึงไม่จำเป็นต้องสนใจความรู้สึกของเซี่ยหลานแล้ว สามารถแตกหักกับคนพวกนี้โดยไม่ต้องมีความเกรงใจใด ๆ อีก

คราวนี้หลิวจื้อหมิงรับผิดแทนเสิ่นเถี่ยจวิน คนอย่างเขาไม่มีทางซัดทอดมาถึงเสิ่นเถี่ยจวินง่าย ๆ

แต่ถ้าเสิ่นเถี่ยจวินไม่ได้เป็นผู้อำนวยการโรงงานเครื่องจักรอีกต่อไปแล้ว หลิวจื้อหมิงจะยังปกป้องเขาอยู่หรือเปล่า?

หลังออกมาแล้ว เสิ่นเถี่ยจวินและผู้เฒ่าเสิ่นก็เดินนำหน้าไป ในขณะที่เสิ่นเสี่ยวเหมยกำลังสาปแช่งอยู่ข้างหลัง “พี่สะใภ้ใจร้ายเกินไปแล้ว สุดท้ายก็เชื่อเรื่องโกหกของคนนอกพวกนั้น พวกเราอธิบายให้ฟังแทบตายว่ามันก็แค่ความประมาทเลินเล่อชั่ววูบ ทำไมถึงไม่ยอมเข้าใจ”

“อวี้อิ๋ง ฉันคิดว่าตระกูลเซี่ยคงไม่เอาเธอไว้แล้ว แต่ไม่ต้องเสียใจหรอก ถึงพ่อแม่จะหย่าร้างกัน แต่เธอก็ยังมีพวกเราอยู่ ตระกูลเสิ่นจะคอยสนับสนุนเธอต่อจากนี้เอง”

แค่คำแรก น้ำตาของเสิ่นอวี้อิ๋งก็ร่วงหล่นอีกครั้ง

“ทั้งหมดเป็นความผิดของนังเด็กคนนั้น ฉันรู้ว่านังหลินเซี่ยมีเจตนาไม่ดี หลังออกจากบ้านเราไปคงฝังความแค้นจนคับอก และเก็บกดมันเอาไว้ตลอด จนวันนี้ในที่สุดหล่อนก็ได้แสดงธาตุแท้ของตัวเองออกมา หล่อนจงใจทำให้พวกเราต้องอับอายต่อหน้าคนทั้งบ้าน หนำซ้ำยังทำลายชื่อเสียงครอบครัวเราอย่างไม่มีชิ้นดี”

เสิ่นเสี่ยวเหมยเติมเชื้อไฟมากขึ้น ทำให้สีหน้าผู้เฒ่าเสิ่นบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด

พวกเขาไม่ชอบหลินเซี่ยมานานแล้ว และตอนนี้ก็ยิ่งเกลียดเธอมากขึ้นไปอีก

เสิ่นอวี้อิ๋งถามผู้เฒ่าเสิ่นว่า “คุณปู่ เซี่ยเหลยที่พวกนั้นพูดถึงเป็นใคร? คุณปู่รู้จักเขาไหมคะ?”

“วีรบุรุษสงครามคนหนึ่ง”

แม้พวกเขาไม่ต้องการยอมรับมัน แต่คนคนนั้นก็เสียสละตัวเองเพื่อปกป้องครอบครัวและประเทศชาติ ซึ่งพวกเขาไม่ได้ข่าวคราวอีกฝ่ายเลยหลังได้รับความช่วยเหลือ จนตอนนี้พวกเขาเพิ่งจะได้ยินมาว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่แต่พิการ

ดวงตาของเสิ่นอวี้อิ๋งเต็มไปด้วยความคับแค้นใจหลังได้ยินสิ่งที่ผู้เฒ่าเสิ่นพูด

จริงด้วย นี่เหมือนกับตอนที่หล่อนแอบได้ยินการพูดคุยระหว่างหลินต้าฝูและหมอแผนจีนเย่ทุกประการ

ที่แท้พ่อผู้ให้กำเนิดของหลินเซี่ยก็เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่จริง ๆ

เซี่ยไห่ซึ่งเป็นเถ้าแก่ใหญ่ ตอนนี้กลับกลายเป็นอาของหลินเซี่ย

ฟังจากที่พวกเขาพูดกันมา พี่สาวของเซี่ยไห่ยังเป็นดาราดังอีก

เสิ่นอวี้อิ๋งทั้งรู้สึกอิจฉาและเดือดดาลอยู่ในใจ

ทำไมหลินเซี่ยถึงได้รับสิ่งดี ๆ ไปเสียหมด?

ในช่วงยี่สิบปีแรก หล่อนอาศัยอยู่ในชนบทและมีชีวิตที่ยากลำบาก จนตระกูลเสิ่นมาพบหล่อนและส่งหลินเซี่ยกลับไปอยู่บ้านนอกแทน ทว่าชีวิตของหลินเซี่ยกลับพลิกผันและได้แต่งงานกับเฉินเจียเหอแล้วกลับมาที่ไห่เฉิงอีกครั้ง

ภายในเวลาแค่ไม่กี่เดือน หลินเซี่ยไม่เพียงอัปเปหิเสิ่นเสี่ยวเหมยออกไปจากตระกูลเฉินได้สำเร็จเท่านั้น แต่ยังได้พบกับพ่อแท้ ๆ ของตัวเองด้วย สถานะของครอบครัวนี้อยู่ในระดับที่สูงส่งมาก

ในทางกลับกัน พ่อแม่ของหล่อนกลับกำลังจะหย่าร้างกัน และตายายรวมถึงน้าของหล่อนก็ยังไม่อยากเจอหน้าหล่อนอีก

แม้หล่อนจะพาตัวเองออกมาจากบ้านนอกได้ ก็ยังหนีชะตากรรมบ้านแตกไม่พ้น

ต่อให้ผู้เฒ่าเสิ่นจะเป็นปู่โดยสายเลือดของหล่อน แต่เห็นได้ชัดว่าในหัวใจของชายชราคนนี้ เสิ่นเสี่ยวเหมยคือหลานสาวของเขาซึ่งมีความสำคัญเป็นอันดับแรก

จู่ ๆ เสิ่นอวี้อิ๋งก็รู้สึกไม่มั่นคงขึ้นมา

ราวกับหล่อนถูกพระเจ้าทอดทิ้ง และตามหลังหลินเซี่ยอยู่หนึ่งก้าวในทุกเรื่อง

หลังจากที่ตัวตนของพวกเธอสลับกัน ในเมื่อชีวิตของหล่อนไม่ได้ดีเท่ากับหลินเซี่ย แล้วตระกูลเสิ่นจะได้ประโยชน์อะไรถ้ายังเก็บหล่อนไว้?

ถ้าหล่อนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเซี่ยเหลยจากปากหลิวกุ้ยอิงตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ในชนบท หล่อนคงจะชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีข้อเสียให้ดีกว่านี้ ก่อนจะตัดสินใจย้ายมาอยู่กับตระกูลเสิ่น

สิ่งที่ทำให้หล่อนรำคาญใจมากที่สุดคือเฉินเจียเหอเองก็อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับหล่อนมานาน แต่หล่อนกลับฟังพวกผู้หญิงช่างพูดในหมู่บ้านมากเกินไป เมื่อพวกหล่อนพูดกันว่าครอบครัวของเขานิสัยไม่ดี หล่อนจึงพยายามหลีกเลี่ยงเขาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

พอนึกย้อนกลับไปก็ให้รู้สึกเสียดายไม่น้อย

คงดีไม่น้อยถ้าหล่อนได้ย้อนเวลากลับไปรับโอกาสนั้นอีกครั้ง

เสิ่นเสี่ยวเหมยยังคงบ่นรำพันด้วยอารมณ์เดือดจัด “หลินเซี่ย รอฉันก่อนเถอะ ฉันไม่มีวันปล่อยให้หล่อนมารังแกครอบครัวของฉันแค่ฝ่ายเดียวแน่ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างหล่อนมันไม่มีจุดอ่อน ไม่ช้าก็เร็ว เฉินเจียเหอจะต้องหย่ากับหล่อน”

เสิ่นอวี้อิ๋งเดินตามหลัง ดวงตากระตุกเล็กน้อย ขณะฟังคำสาปแช่งของเสิ่นเสี่ยวเหมย

ฉันต้องทำให้เฉินเจียเหอหย่ากับหลินเซี่ย…

แต่จะทำให้เฉินเจียเหอเกลียดหลินเซี่ยและหย่ากับเธออย่างไรดี?

แสงจ้าพลันแวบผ่านแววตาของหล่อน

เสิ่นอวี้อิ๋งจับแขนเสิ่นเสี่ยวเหมยแล้วพูดว่า “พี่สาว ตอนนี้พี่เป็นคนเดียวเลยนะที่ยังดีกับฉันอยู่”

เสิ่นเสี่ยวเหมยรู้สึกดีกับการที่ตัวเองกลายเป็นคนที่พึ่งพาได้ “ไม่ต้องกังวลนะ พวกเราอยู่นี่แล้ว จะไม่มีใครกล้ารังแกเธออีก”

จากนั้นหล่อนก็ถามเสิ่นอวี้อิ๋งด้วยความกังวลว่า “เมื่อกี้เธอรู้สึกคลื่นไส้เหรอ สบายดีหรือเปล่า?”

เสิ่นอวี้อิ๋งส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ อาหารที่บ้านตระกูลเซี่ยมันเยิ้มไปหน่อย แถมเมื่อกี้ฉันต้องรับแรงกดดันอีก ก็เลยรู้สึกไม่สบายท้องนิดหน่อย”

“กลับไปเดี๋ยวฉันจะบอกให้แม่บ้านทำอาหารเบา ๆ ให้เธอแล้วกัน”

“ขอบคุณค่ะพี่”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เซี่ยเซี่ยเตรียมตรึงกำลังไว้ให้ดีนะคะ ตระกูลหมาบ้านี่ดูท่าจะไม่ยอมรามือง่ายๆ แน่

จะทำให้เซี่ยเซี่ยหย่ากับพี่เหอ? จัดการเรื่องคาวๆ ของตัวเองให้รอดก่อนเหอะยัยอวี้อิ๋งเอ๊ย ได้ยินว่าเจิ้งต้าหมิงยังกัดเธอไม่ปล่อยอยู่ไม่ใช่เหรอ ไหนจะอาการคลื่นไส้เมื่อกี้อีก ไม่ใช่ว่ามารหัวขนมาเกิดแล้วนะ?

ไหหม่า(海馬)