ตอนที่ 285 เลี้ยงลูกให้ศัตรูหัวใจ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 285 เลี้ยงลูกให้ศัตรูหัวใจ

หลินเซี่ยดึงแขนเซี่ยไห่ด้วยความตกใจ “คุณจะทำอะไรน่ะ?”

เซี่ยไห่หันกลับมามองหลินเซี่ยอย่างจริงจัง ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลทว่าหนักแน่น “เซี่ยเซี่ย ถึงเธอจะยังไม่ได้พิสูจน์ความเป็นพ่อลูกกับเขา แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเราไม่ใช่ของปลอม วันนี้ก็บอกให้รู้กันไปเลยสิ ขืนพวกเขาเห็นว่าเธอหัวเดียวกระเทียมลีบไม่มีครอบครัว พวกเขาก็จะรังแกเธออีก”

หลังได้ยินว่าผู้เฒ่าเสิ่นและคนอื่นต่างดูถูกและตำหนิหลินเซี่ยหลายครั้ง เซี่ยไห่ก็รู้สึกไม่สบายใจจริง ๆ และโกรธอีกฝ่ายมาก

ในฐานะอาของหลินเซี่ย เขาต้องการปกป้องเธออย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจอะไรอีกต่อไป ต้องการประกาศความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลินเซี่ยในวันนี้

เซี่ยไห่รู้ว่าหลินเซี่ยมีเหตุผล และหวังว่าเขาจะชั่งน้ำหนักให้ดีก่อนบอกความจริงกับทุกคน แต่ก็ต้องการระบายความโกรธต่อหน้าตระกูลเสิ่นในวันนี้ให้รู้แล้วรู้รอด

เฉินเจียเหอไปอยู่ข้างหลินเซี่ยแล้วกระซิบว่า “เซี่ยเซี่ย ไม่ต้องกังวลหรอก เหล่าเซี่ยคิดดีแล้ว”

มีเฉินเจียเหอออกตัวเห็นด้วย เซี่ยไห่จึงเกิดความกล้าหาญมากขึ้น เขาเผชิญหน้ากับทุกคน และพูดเข้าประเด็นทันที “เซี่ยเซี่ยเป็นลูกสาวของเซี่ยเหลย พี่ใหญ่ของผม ดังนั้นหล่อนจึงถือเป็นหลานสาวของผมด้วย”

คำพูดของเซี่ยไห่ราวกับเสียงอสนีบาต สั่นสะเทือนหัวใจของทุกคนที่อยู่ตรงนี้

โดยเฉพาะเซี่ยหลาน

หล่อนมองไปทางเซี่ยไห่อย่างว่างเปล่า จากนั้นหันไปมองหลินเซี่ย ยืนนิ่งราวกับทั้งร่างถูกฟ้าผ่าเฉียบพลัน

เซี่ยตงเองก็จับจ้องไปยังเซี่ยไห่ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ แล้วพูดว่า

“เซี่ยไห่ นายกำลังพูดเรื่องอะไร?”

เซี่ยไห่ไม่สนใจเซี่ยตง เขาเดินไปหาเซี่ยหลานและผู้เฒ่าเซี่ยแล้วพูดอย่างเคร่งขรึม

“ลุงเซี่ย พี่เซี่ยหลาน เด็กคนนี้เป็นลูกสาวของพี่ใหญ่ผมจริง ๆ ตอนนั้นสถานการณ์ความเป็นไปค่อนข้างซับซ้อน แต่เอาไว้ผมจะหาเวลามาพูดคุยกับพวกคุณโดยละเอียด ครอบครัวเซี่ยของเรารู้สึกขอบคุณมากที่พวกคุณดูแลหลินเซี่ยเป็นอย่างดีมาตลอดหลายปี”

เซี่ยหลานไม่เชื่อคำพูดของเซี่ยไห่เลย หล่อนมองเซี่ยไห่อย่างว่างเปล่าและส่ายหน้าซ้ำ ๆ “นายคงเข้าใจผิดแล้ว พี่ชายของนายจะไปมีลูกสาวได้ยังไง เขาเข้าร่วมกับกองทัพได้ไม่นานก็ออกไปที่สนามรบแล้ว นายเอาอะไรมาพิสูจน์ว่าหล่อนเป็นลูกสาวของเขา แค่เพราะหล่อนหน้าเหมือนเซี่ยอวี่อย่างนั้นเหรอ? ในโลกนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนสองคนซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดจะมีลักษณะภายนอกที่เหมือนกัน”

เซี่ยหลานไม่สามารถยอมรับข้อเท็จจริงนี้ได้ แต่เซี่ยไห่กลับพูดอย่างหนักแน่น แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าการบอกความจริงให้เซี่ยหลานรู้ออกจะโหดร้ายไปสักหน่อย แต่เขาก็ยังคงอธิบาย

“เปล่าเลย พี่เซี่ยหลาน พี่ใหญ่ของผมมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนหนึ่งตอนที่เขาเข้าร่วมกับกองทัพนั่นแหละ”

เซี่ยเหลยไปหลงรักสาวนอกค่ายทหารงั้นเหรอ?

ดวงตาของเซี่ยหลานเบิกกว้าง ถามอย่างไม่แน่นอน “นายกำลังจะบอกว่าเขากับหลิวกุ้ยอิง?”

“ใช่”

หลินเซี่ยสังเกตเห็นว่าเมื่อเซี่ยไห่พูดคำเหล่านี้จบ เซี่ยหลานก็เริ่มยืนโซเซไม่มั่นคง

เธอรู้ว่าเซี่ยหลานต้องมีอารมณ์ที่ซับซ้อนมากแน่เมื่อได้ยินข่าวดังกล่าว

เสิ่นเถี่ยจวินซึ่งถูกเซี่ยตงชกหน้าจนล้มไปกองอยู่กับพื้น หลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยไห่ เขาก็จ้องมองไปทางหลินเซี่ยด้วยสายตาที่สามารถฆ่าคนได้

เขากำหมัดแน่น ก่อนจะชกมันลงกับพื้นสองครั้ง

ระยำเอ๊ย!

เขาเลี้ยงดูลูกสาวของเซี่ยเหลยจริง ๆ

นี่มันบัดซบสิ้นดี

มันคือเรื่องตลกครั้งใหญ่ที่พระเจ้าเล่นกลกับเขา

เขาไม่เชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองหน้าของหลินเซี่ย หัวใจของเขาก็จมดิ่งลงอีกครั้ง

เสิ่นเถี่ยจวินเอาแต่โทษตัวเองด้วยความหงุดหงิดโกรธเกรี้ยว

ทำไมเขาถึงไม่เคยสงสัยเรื่องนี้ตั้งแต่แรก?

หลายปีที่ผ่านมา เขาสงสัยมาตลอดว่าตัวเองแค่อุ้มเด็กกลับมาผิดคน หรือไม่ก็แค่โชคร้ายไปเจอคนหน้าเหมือน

เขาไม่เคยคิดฝันว่าผู้หญิงแม่ลูกอ่อนที่เขาไม่รู้จักมักจี่ในโรงพยาบาลศูนย์สุขภาพจะเป็นผู้หญิงของเซี่ยเหลย

ถ้าเขารู้ความจริงตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เขาคงบีบคอเด็กจนตายคามือไปแล้ว

เซี่ยไห่ออกปากประกาศความสัมพันธ์ของพวกเขาแล้ว หลินเซี่ยก็ไม่ได้แสดงท่าทางต่อต้านอีก เธอมองไปทางชายซึ่งกำลังตีอกชกหัวตัวเองอยู่บนพื้นแล้วพูดว่า “พวกเราตั้งใจพูดเรื่องพวกนี้ในวันนี้ ก็เพราะอยากจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของแม่ฉัน หล่อนไม่ได้เป็นคนที่ทำให้เรื่องในตอนนั้นเกิดขึ้น แต่เป็นคุณต่างหาก เสิ่นเถี่ยจวิน”

หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็หันไปพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันกับเสิ่นอวี้อิ๋งซึ่งมีใบหน้าเป็นสีคล้ำเหมือนตับหมู

“เสิ่นอวี้อิ๋ง ทุกความคับข้องใจย่อมมีที่มา หนี้ทุกก้อนมีเจ้าของ อีกหน่อยก็ช่วยหาคนที่แกร่งกว่ามาตอบโต้ฉันแล้วกัน อย่าได้คิดมายุ่งวุ่นวายหรือกลั่นแกล้งพวกเราอีก ฉันหลินเซี่ยไม่ใช่ลูกพลับนิ่มที่จะยอมให้เธอมาบีบเล่นเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ”

ใบหน้าที่ซื่อใสไร้เดียงสาของเสิ่นอวี้อิ๋งไม่เพียงเจือความตกใจเท่านั้น แต่ยังมีน้ำตาสองหยดไหลรินลงมาอีกด้วย

หล่อนถามเสิ่นเถี่ยจวินเสียงเศร้า “พ่อ พ่อเป็นคนทำจริง ๆ เหรอคะ?”

เสิ่นเถี่ยจวินพยายามลุกขึ้นยืนและรีบอธิบายให้ลูกสาวของเขาฟังว่า “อวี้อิ๋งง พ่อไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้นจริง ๆ ลูกต้องเชื่อพ่อ พ่อไม่ได้จงใจทำ พ่อจะเอาเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มาแทนที่ลูกสาวของตัวเองได้ยังไง?”

เซี่ยไห่เข้ามาแทรกแซงในเวลาที่เหมาะสม “แหงสิ ถ้านายเชื่อใจพี่เซี่ยหลานอย่างไม่มีเงื่อนไขตั้งแต่แรก นายคงไม่ตัดสินใจอย่างผิดพลาดจนก่อให้เกิดหายนะตามมาภายหลังแน่ นายทำตัวไร้ความเป็นลูกผู้ชายแบบนั้นลงไปแท้ ๆ ตอนนี้ยังมีหน้ามาแก้ตัวว่าไม่ได้ตั้งใจอีก”

“หุบปากเดี๋ยวนี้นะโว้ย” เสิ่นเถี่ยจวินอยากบีบคอเซี่ยไห่ให้ตาย

เมื่อเรื่องต่าง ๆ ดำเนินมาถึงจุดนี้ ทุกคนจึงเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเสิ่นเถี่ยจวินได้อย่างชัดเจน คำแก้ตัวของเขาช่างไร้น้ำหนักมารองรับ คนตระกูลเซี่ยไม่ใช่คนโง่ ไม่มีใครเชื่อว่าพฤติกรรมของเขาในตอนนั้นเป็นเพียงเหตุสุดวิสัยจากความประมาท

เซี่ยตงเริ่มออกปากขับไล่ผู้คน “เอาล่ะ ใครก็ตามที่ใช้แซ่เสิ่น ออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ”

พอเซี่ยตงพูดมาถึงตรงนี้ ดวงตาของเขาก็มองผ่านไปที่เสิ่นอวี้อิ๋งด้วย

หัวใจของเสิ่นอวี้อิ๋งเต้นรัว หล่อนรีบเข้าไปคว้าแขนของเซี่ยหลานแล้วมองหน้าอีกฝ่ายอย่างน่าสงสาร “แม่คะ…”

“กลับไปกับพ่อก่อนเถอะ”

หลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยหลานแล้ว เสิ่นอวี้อิ๋งก็กัดริมฝีปากแล้วยืนยันคำเดิม “แม่ ฉันยังอยากอยู่กับแม่”

เซี่ยหลานกลับมีท่าทางเฉยเมยอย่างยิ่ง “กลับไปเถอะ แม่ยังต้องดูแลน้องชายของลูก”

“พวกคุณออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ อย่ากดดันให้ผมต้องใช้ความรุนแรง” เซี่ยตงเอ่ยย้ำ

เสิ่นเถี่ยจวินกลัวว่าตัวเองจะถูกทุบตีอีก กระทั่งผู้เฒ่าเสิ่นก็ไม่ได้รับการไว้หน้าแม้ว่าจะเป็นผู้อาวุโส สีหน้าของเขาดูน่าเกลียดอย่างยิ่ง

เสิ่นอวี้อิ๋งเดินไปหาผู้เฒ่าเซี่ย ร้องไห้โฮพลางพูดว่า “คุณตา คุณตาจะยอมปล่อยให้เรื่องมันมาถึงขั้นนี้จริง ๆ เหรอคะ? ชีวิตฉันต้องเผชิญกับความยากลำบากมากแล้ว อย่าปล่อยให้พ่อแม่หย่ากันเลย ฉันไม่อยากเห็นพวกเขาแยกกันอยู่ทั้ง ๆ ที่ฉันเพิ่งเข้ามาอยู่ในเมืองได้ไม่นาน”

“เธอก็ไปมีชีวิตของตัวเองซะ ปล่อยให้พี่สาวฉันได้มีชีวิตของหล่อนบ้าง” ทัศนคติของเซี่ยตงที่มีต่อเสิ่นอวี้อิ๋งนั้นเย็นชาอย่างยิ่ง “เธออายุตั้งยี่สิบแล้ว ไม่รู้จักเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยตัวเองเลยหรือไง?”

ครั้งแรกที่เสิ่นอวี้อิ๋งเข้ามาที่ไห่เฉิง หล่อนเอาแต่พูดเรื่องโกหกเพื่อทำให้ตระกูลหลินแปดเปื้อน บอกว่าชีวิตก่อนหน้านี้ของหล่อนทั้งน่าสงสารและน่าสังเวช จนทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งบรรดาญาติ ๆ ตระกูลเซี่ยฟังแล้วต่างเห็นใจและรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่หล่อนต้องพบเจอตลอด ทุกคนต่างมอบความเอาใจใส่ให้หล่อนเป็นอย่างมาก และมอบความอบอุ่นให้หล่อนด้วยหัวใจ ผู้เฒ่าเซี่ยถึงกับละเมิดอุดมการณ์ของตัวเอง ใช้เส้นสายของเขาเพื่อส่งเสิ่นอวี้อิ๋งเข้าเรียนปรับพื้นฐานซ้ำในโรงเรียนที่ดีที่สุดอย่างโรงเรียนมัธยมไห่เฉิงแห่งที่หนึ่ง

ต่อมาพวกเขาก็ได้รับรู้ข้อมูลจากหลายช่องทาง ว่าข้อเท็จจริงนั้นแตกต่างจากที่เสิ่นอวี้อิ๋งอธิบายไว้อย่างมาก

หมอแผนจีนเย่เล่าให้พวกเขาฟังด้วยตัวเองว่า หลินต้าฝูยอมเดินขึ้นภูเขาฝ่าพายุหิมะเพื่อตามเขามาช่วยชีวิตเสิ่นอวี้อิ๋ง ทั้งยังใช้ความพยายามติดต่อกันเป็นเวลาหลายปีในการรักษาหล่อนให้กลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงดี ทำให้ทั้งสองกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตั้งแต่นั้นมา

ถ้าไม่ใช่เพราะหลินต้าฝูมีจิตสำนึกความเป็นพ่อที่สูงส่ง ชีวิตของเสิ่นอวี้อิ๋งคงสูญสลายไปนานแล้ว

ต่อให้ตระกูลหลินจะมาจากชนบท แต่พวกเขาไม่เคยปฏิบัติต่อเธอไม่ดีเลย

การแสดงออกต่าง ๆ ของเสิ่นอวี้อิ๋งก็ชวนให้พวกเขาคิดตั้งข้อกังขาเช่นกัน

เมื่อก่อนหลินเซี่ยอาจจะโง่ แต่สิ่งเดียวที่พวกเขาเชื่อในตัวเธอก็คือการอยู่กับความเป็นจริงและไม่เสแสร้ง

ตระกูลเซี่ยให้เกียรติและให้ความสำคัญกับพฤติกรรมของมนุษย์มากที่สุด

ดังนั้นหลังจากรู้ว่าเสิ่นอวี้อิ๋งโกหก พวกเขาก็เริ่มไม่พึงพอใจในตัวเสิ่นอวี้อิ๋ง

เซี่ยตงเริ่มตั้งแง่ว่าหล่อนอาจจะได้เลือดชั่วจากทางตระกูลเสิ่นมา ทำให้เป็นคนใจร้าย เนรคุณ และเห็นแก่ตัว

เสิ่นเสี่ยวเหมยจับมือเสิ่นอวี้อิ๋งไว้แล้วพูดว่า

“อวี้อิ๋ง ไป กลับบ้านเรากันเถอะ ถึงตระกูลเซี่ยจะไม่ยอมรับเธอ แต่พวกเรายังเป็นญาติของเธอนะ”

เสิ่นอวี้อิ๋งมองไปทางเซี่ยหลาน อ้อยอิ่งไม่ยอมจากไปง่าย ๆ

หล่อนรู้ดีว่าการตัดสินใจเลือกในเวลานี้สำคัญกับตัวเองเพียงใด

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหล่อนกังวลมากเกินไปหรือเป็นเพราะเหตุผลอื่น จู่ ๆ หล่อนก็ยกมือขึ้นปิดปาก และแสดงท่าทางเหมือนจะอาเจียน

ผู้เฒ่าเสิ่นมองดูหล่อนอย่างเป็นเห็นใจ จากนั้นมองหน้าเซี่ยหลานและคนอื่น ๆ ด้วยความโกรธ “เห็นไหมว่าเด็กแบกรับความกดดันไม่ไหวแล้ว”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

โดนของย้อนเข้าตัวรู้สึกยังไงบ้างคะผอ.เสิ่น เห็นหรือยังล่ะว่าเวรกรรมมีจริง

ยัยอวี้อิ๋งกดดันหรือท้องกันแน่?

ไหหม่า(海馬)