บทที่ 276 ท่านพ่อของเสี่ยวเป่าอยู่ไหน

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 276 ท่านพ่อของเสี่ยวเป่าอยู่ไหน

บทที่ 276 ท่านพ่อของเสี่ยวเป่าอยู่ไหน

สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นในหลาย ๆ แห่งทั่วพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ชาวบ้านในหมู่บ้านหลายแห่งได้ย้ายไปหลบภัยในถ้ำที่ถููกจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้เป็นการชั่วคราว ส่วนผู้ที่ไม่ได้อยู่ในถ้ำก็มีที่พักพิงอาศัยชั่วคราวให้พวกเขาด้วยเช่นกัน

คนแก่กับเด็กที่พอมีเรี่ยวแรงถูกมอบหมายให้ทำงานจิปาถะเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนตรงปากทางเข้าถ้ำมีประตูชั่วคราวกั้นไว้เพื่อป้องกันลมหนาวพัดเข้ามา ทุกคนจะได้ไม่ต้องกังวลยามหลบภัย แม้จะต้องเผชิญกับพายุหิมะ แต่พวกเขาก็ยังคงยิ้มสู้

ส่วนผู้ประสบภัยที่ถูกพายุหิมะพัดถล่ม พวกเขาถูกส่งไปยังเรือนพักพิงหลังใหญ่ที่ร้างคนเป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติและซ่อมแซมบ้านเรือนเรียบร้อย

เพราะมีการตระเตรียมการรับมือกับภัยพิบัติล่วงหน้า ทำให้ทางการสามารถเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ไม่อาจตั้งตัวได้ทันจนเกือบแข็งตายเพราะความหนาวเย็นได้อย่างเป็นระบบระเบียบ

ชาวบ้านจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัตินี้ต่างซาบซึ้งในพระเมตตาของฝ่าบาท ถึงขั้นคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะคำนับไปทางพระราชวังถวายพระพรให้ฮ่องเต้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ในช่วงเกิดเหตุภัยพิบัติเช่นนี้ ฮ่องเต้แห่งต้าเซี่ยได้รับความเคารพ และพระนามของพระองค์ก็เป็นที่กล่าวขวัญไปในทางที่ดีอย่างมิเคยปรากฏมาก่อน

แน่นอนว่าหนานกงสือเยวียนไม่ได้สนใจเรื่องนี้นัก

แม้จะสามารถควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากพายุหิมะได้แล้ว แต่ก็ทำเอาท้องพระคลังที่เคยเต็มก่อนหน้านี้พร่องลงไปกว่าครึ่งทั้งเสบียงและเงินทอง ขณะเดียวกันภายใต้การจัดการขององค์ชายใหญ่ก็หามีผู้ใดอาศัยช่วงจังหวะนี้ฉ้อฉลได้

การแจกจ่ายเสบียงและเบี้ยเงินช่วยเหลือชาวบ้านครั้งนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง ถึงอย่างไรก็เป็นการสูญเสียเสบียงเพียงชั่วคราว ยังสามารถเก็บเกี่ยวครั้งใหม่มาเติมเต็มท้องพระคลังได้ในภายหลัง แต่ชาวบ้านหากไม่ได้รับความช่วยเหลือ ก็อาจต้องใช้เวลาเป็นสิบปีในการฟื้นตัวให้กลับมาเป็นดังเดิม นี่เป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครที่พอมีความรู้เรื่องคงคลังก็เข้าใจได้ แต่ขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้นำเท่านั้นว่าจะเห็นแก่ผลประโยชน์เฉพาะหน้าหรือผลประโยชน์ในระยะยาวมากกว่ากัน

ทั้งเรื่องพายุหิมะทั้งเรื่องรบกับหนานจ้าว ทำให้หนานกงสือเยวียนยุ่งมากจนไม่ได้นอนเป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน

เสี่ยวเป่าหาท่านพ่อไม่เจอระหว่างที่งัวเงียตื่นขึ้นมากลางดึก จนตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าท่านพ่อหายไปไหน

เด็กน้อยลุกขึ้นนั่งขยี้ตาสักพัก ศีรษะเล็ก ๆ หันมองไปรอบ ๆ เพื่อตามหาท่านพ่อของตน

“ท่านพ่อ?”

เสี่ยวเป่าปิดปากหาวพลางรีบปีนลงจากเตียง ขยี้ตาไปมา ก่อนจะพึมพำเรียกหาท่านพ่ออีกครั้ง

ทันทีที่องค์หญิงน้อยลุกออกจากแท่นบรรทม ชุนสี่ที่ถวายการดูแลอยู่ก็รีบเอาเสื้อคลุมมาสวมให้เจ้าก้อนแป้งน้อย

“องค์หญิง เหตุใดถึงทรงลุกขึ้นมาเช่นนี้เล่าเพคะ”

เสี่ยวเป่าพยายามทำให้ตัวเองตื่นเต็มตา ดวงตากลมโตชื้นไปด้วยหยาดน้ำ ปากเล็ก ๆ เบะออกอย่างน่าสงสาร

“ท่านพ่อของเสี่ยวเป่าอยู่ไหน”

เด็กน้อยมองหาบิดาด้วยแสงริบหรี่ที่ลอดผ่านเข้ามาในห้องยามค่ำคืน พลันองค์หญิงน้อยเริ่มร้องไห้ออกมาอย่างไม่ทันคาดคิด ชุนสี่จึงรีบเข้าไปปลอบโยน

“องค์หญิง อย่าทรงกันแสงไปเลยนะเพคะ ฝ่าบาทยังทรงพระอักษรอยู่ด้านนอกเพคะ”

ชุนสี่เกลี้ยกล่อมเด็กน้อยเสียงเบา

เสี่ยวเป่าสูดจมูกเล็ก ๆ ของนางพลางส่งเสียงพึมพำออกมา พยายามจะออกไปตามท่านพ่อด้วยการปัดป่าย แขนขาเล็ก ๆ หลุดจากการเกาะกุมของชุนสี่

“เสี่ยวเป่าจะเป็นเด็กดี ไม่รบกวนท่านพ่อ แต่ขอไปหาท่านพ่อได้หรือไม่”

เด็กน้อยสงสารบิดานัก นี่ก็ดึกมากแล้วแต่ท่านพ่อยังไม่มานอนเสียที

ชุนสี่รู้สึกใจอ่อนยวบกับท่าทางน่าสงสารขององค์หญิงน้อย หลังจากขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็อุ้มองค์หญิงขึ้นและเดินไปทางโถงตำหนักฉินเจิ้ง

ฝูไห่ที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าประตูถึงกับอุทานออกมาเมื่อพบว่าคนที่เข้ามาในยามนี้เป็นใคร

“เหตุเจ้าถึงพาองค์หญิงเสด็จมาที่นี่เล่า วันนี้อากาศหนาวเย็นมากพระองค์อาจประชวรเอาได้นะพ่ะย่ะค่ะ”

ฝูไห่เอ่ยตำหนิชุนสี่ แล้วหันมากล่าวกับองค์หญิงน้อยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล

เสี่ยวเป่ายืดคอมองเข้าไปด้านใน พบว่าแสงเทียนยังสว่างอยู่ นางจึงเอ่ยเสียงเบาว่าอยากเจอท่านพ่อ

ฝูไห่คลี่ยิ้มและพยักหน้ารับ “เช่นนั้นกระหม่อมจะพาองค์หญิงไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเองพ่ะย่ะค่ะ”

ไม่จำเป็นต้องมีการกราบทูลให้มากพิธีรีตองอะไรนัก ฝูไห่เป็นคนอุ้มองค์หญิงน้อยเข้าไปด้านในด้วยตนเอง

เขาเองก็เป็นห่วงฝ่าบาทเช่นกัน หมู่นี้ฝ่าบาททรงเข้าบรรทมได้สนิทดีและพระวรกายก็สดชื่นแจ่มใสขึ้นจากช่วงก่อนมาก แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าช่วงปลายปีกลับมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ทำเอาพระองค์ยุ่งจนไม่ได้เข้าบรรทมอยู่ดี

“ท่านพ่อ”

เสี่ยวเป่าวิ่งไปทางหนานกงสือเยวียน มองบิดาอย่างกระตือรือร้นด้วยดวงตากลมโตที่เบิกกว้าง

“ท่านพ่อ ไม่เข้านอนหรือเพคะ”

เด็กหญิงตัวน้อยเอียงหัวทุย ๆ ที่เต็มไปด้วยกลุ่มผมนิ่มถูไถกับแขนแกร่งของท่านพ่อ ไม่ต่างจากเจ้าแมวน้อยยามออดอ้อน

หนานกงสือเยวียนอุ้มบุตรสาวขึ้นมานั่งบนตัก แม้ว่าเมื่อวานเขาแทบจะไม่ได้นอน และงีบไปเพียงชั่วยามเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ดูเหนื่อยล้าเท่าใดนัก

“ไปนอนเถิด ข้ายังมีเรื่องต้องสะสางอยู่อีก”

เสี่ยวเป่าเหยียดแขนเล็ก ๆ ออกมาตระกองกอดบิดา ยืดแขนนุ่มนิ่มผ่านไหล่ไปนวดคลึงหลังคอแผ่วเบา

แม้ว่ามือเล็ก ๆ คู่นี้จะไม่ได้มีแรงนวดมากมายอะไรนัก และการบีบนวดเช่นนี้ก็ไม่ส่งผลต่อหนานกงสือเยวียนแม้แต่น้อย

ทว่ายามที่นิ้วเล็ก ๆ ของนางสัมผัสไปตามร่างกาย เขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอุ่นวาบผ่านฝ่ามือน้อย ๆ มันแผ่ไปตามผิวหนัง กล้ามเนื้อ รวมถึงกระดูกของเขา ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก

อาการปวดตึงที่ไหล่และแผ่นหลังซึ่งเกิดจากการนั่งทำงานเป็นเวลานานดูเหมือนจะหายเป็นปลิดทิ้ง เช่นเดียวกับความรู้สึกเหนื่อยล้าที่เกิดจากความตึงเครียดที่ผ่านมาก็ผ่อนคลายลงเช่นกัน

หนานกงสือเยวียนยกยิ้มมุมปาก ดวงตาคมกริบสบเข้ากับดวงตากลมโตที่เป็นประกายไร้เดียงสาของลูกสาว เขาบีบจมูกน้อย ๆ ของนางโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เพียงตระกองกอดลูกสาวไว้ระหว่างสะสางงานราชกิจต่อ

เพราะเงินทองและเสบียงเหลืออยู่ในท้องพระคลังอีกไม่มากแล้วหลังจากแจกจ่ายให้ชาวบ้านในช่วงภัยพิบัติ ทำให้กรมพิธีการพากันหน้านิ่วคิ้วขมวดที่เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่องบประมาณที่ต้องใช้จัดเทศกาลวสันตฤดูปีนี้

เนื่องจากมีงบประมาณไม่เพียงพอ ทุกอย่างจึงต้องออกมาเรียบง่ายเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยบางอย่างลง

“วันข้ามปีนี้คงไม่คึกคักเท่ากับปีที่ผ่านมา”

หนานกงสือเยวียนโอบร่างเล็กของเสี่ยวเป่าไว้ในอ้อมแขน กระซิบออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา นี่เป็นปีแรกที่เสี่ยวเป่ากลับมายังวังหลวง แต่เนื่องจากมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น ทำให้ปีนี้ไม่สามารถจัดงานยิ่งใหญ่ได้เท่าปีก่อน

เสี่ยวเป่าบีบนวดแขนบิดา ไม่มีท่าทางผิดหวังเสียใจแม้แต่น้อย

“ไม่เป็นไรเลย เสี่ยวเป่าทำโคมไฟกับพี่ชายกับท่านพ่อด้วยก็พอแล้ว เรามาตกแต่งตำหนักด้วยกันเถอะเพคะ”

ขณะที่พูด ดวงตาคู่สวยก็ทอประกายความสดใสออกมา ท่าทางของนางดูกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง

“วางดอกไม้สวย ๆ ไว้บนโต๊ะของท่านพ่อ ส่วนโคมไฟที่เราช่วยกันทำก็แขวนไว้ตามชายคากับบนต้นไม้รอบตำหนัก…”

หลังจากพูดจาเจื้อยแจ้วไปเรื่อย ๆ เด็กน้อยก็มองท่านพ่ออย่างตื่นเต้น “แค่นี้เราก็สามารถฉลองวันปีใหม่ได้อย่างมีความสุขแล้วเพคะ ทั้งยังช่วยประหยัดเงินได้มากด้วย ท่านพ่อจะได้ไม่ต้องใช้เงินเยอะอีก”

เพียงแค่ซื้อของมาทำทุกอย่างด้วยตัวเองเท่านั้น!

หนานกงสือเยวียน “…”

มีวิธีเช่นนี้อยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ

ช่วงปีใหม่มักเป็นช่วงที่ต้องจับจ่ายไปกับการประดับตกแต่งสถานที่มากมาย แม้เพียงเชิงเทียนอันเล็ก ๆ ก็มีมูลค่ามากแล้ว โคมไฟมักจะถูกประดิษฐ์ขึ้นมาอย่างละเอียดประณีตโดยช่างฝีมือ และวังหลวงจะได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามซึ่งนี่ก็นับเป็นค่าใช้จ่ายมหาศาลด้วยเช่นเดียวกัน

สิ่งที่เสี่ยวเป่าเสนอมานั้น…

เขาอุ้มบุตรสาวขึ้นมาพูดด้วย “พรุ่งนี้เจ้าไปบอกความคิดนี้กับหวงกุ้ยเฟยด้วย”

กิจฝ่ายในยามนี้อยู่ในความดูแลของหวงกุ้ยเฟยเป็นการชั่วคราว ความคิดเห็นของเสี่ยวเป่าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้เขาได้ และมันอาจนำมาซึ่งผลลัพธ์อื่นที่น่าสนใจด้วยเช่นกัน

เสี่ยวเป่ากะพริบตาปริบ ๆ และรับคำอย่างว่าง่าย จากนั้นก็เริ่มบีบนวดไหล่ให้บิดาต่อ

หนานกงสือเยวียนกอดลูกสาวของตนไว้ระหว่างทรงอักษร โดยไม่รู้ตัวว่าเวลาได้ผ่านไปนานแล้ว เมื่อจัดการฎีกาสุดท้ายเสร็จสิ้น เขาก้มมองลงมาก็พบว่าเด็กหญิงตัวน้อยข้างกายหลับใหลอยู่ในห้วงฝันแล้ว เจ้าตัวน้อยนอนหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขนอย่างน่าเอ็นดู

ภายในตำหนักจุดถ่านเงินไร้ควันไว้ในกระถางสามขา จึงทำให้ไม่รู้สึกหนาว

เขาถอดเสื้อคลุมออก ห่อหุ้มร่างกายของลูกสาวไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็ลุกขึ้นอุ้มนางไปนอนพร้อมกัน