บทที่ 277 ใบหน้าบู้บี้ QAQ

บทที่ 277 ใบหน้าบู้บี้ QAQ

เสี่ยวเป่าเชื่อฟังคำพูดของท่านพ่อเป็นอย่างมาก ดังนั้นวันถัดมาจึงวิ่งไปหาหวงกุ้ยเฟย พร้อมบอกนางว่าอยากทำโคม เขียนโคลงกลอน ตัดกระดาษคู่ร่วมกับพ่อและพี่ชาย

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ เซี่ยชิงหร่านก็ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง และรู้สึกว่ามันเป็นความคิดที่ดีมิน้อย

“เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร จัดเทศกาลโคมไฟในวัง ทุกคนสามารถเข้าแข่งขันได้ ฝ่าบาทกับข้าจะเป็นผู้มอบรางวัลเอง”

ความคิดนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ทุกคนตื่นเต้น ทว่ายังทำให้โคมไฟมีความหมาย ซ้ำยังช่วยประหยัดเบี้ยหวัดอีกด้วย!

“องค์หญิงเจาเสวี่ยของเราช่างฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก ปีนี้ข้าไม่รู้ว่าจะทำอะไรอยู่พอดี องค์หญิงน้อยทำให้ข้าประหลาดใจจริง ๆ”

เซี่ยชิงหร่านป้อนขนมให้เสี่ยวเป่า พลางมองนางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู

ยามนี้ชีวิตของนางไม่ได้ลำบากอะไร แม้จะไม่ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท แต่ก็มีความรุ่งโรจน์ ความมั่งคั่ง และอำนาจที่คนอื่นไม่อาจเอื้อมถึง

เรื่องขาของบุตรชายคนโตซึ่งเป็นความกังวลเดียวที่มีก็ได้รับการปลดเปลื้องแล้วเช่นกัน ตั้งแต่อี๋กุ้ยเฟยถูกส่งไปสำนักชี สตรีในวังหลังก็สงบขึ้นมาก แม้จะน่าเบื่อไปบ้าง แต่ชีวิตของนางก็ไม่ได้ยากลำบากอะไร ตราบใดที่ไม่รนหาที่ตาย นางก็สามารถมีชีวิตได้อย่างปลอดภัยและราบรื่น

แม้จะปราศจากความรักอันหวานชื่น แต่ยังดีที่มีบุตรชาย ความรุ่งโรจน์ และความมั่งคั่งตลอดชีวิต นางมองได้ทะลุปรุโปร่งแล้ว

เซี่ยชิงหร่านหมายมาดว่าจะใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน ออกกำลังกายทุกวันเพื่อให้ผิวพรรณผ่องใส เมื่อนางดูอ่อนเยาว์ขึ้น พอยืนคู่กับบุตรชายทั้งสองก็จะเหมือนพี่สาวคนโตมากกว่ามารดา

“ดูสิ เพราะเรื่องครานั้น ใบหน้าที่ได้รับการดูแลอย่างดีของข้าถึงกับเกิดผดผื่นขึ้นมาเสียได้”

นางกำนัลประจำตัวที่อยู่ข้างหลังเซี่ยชิงหร่าน “…”

พระสนม นี่เกิดจากการกินเนื้อแกะย่างเมื่อคืนต่างหากเล่าเพคะ!

แต่เสี่ยวเป่าไม่รู้ นางจึงเชื่อว่าเป็นความจริง เด็กน้อยเอามือแตะใบหน้าของอีกฝ่ายเบา ๆ พลางพูดด้วยเสียงนุ่มนิ่มว่า

“ผดผื่นเล็ก ๆ ไม่สามารถบดบังความงามของพระสนมคนสวยได้ ถึงอย่างไรพระสนมคนสวยของเสี่ยวเป่าก็ยังดูดีที่สุด!”

ปากเล็ก ๆ นี้ช่างหวานนัก เพียงแค่นี้เซี่ยชิงหร่านก็มีความสุขจนแทบล้นอก นางกอดร่างเล็กพลางถูไถใบหน้านั้น

หวงกุ้ยเฟยจัดการทุกอย่างฉับไว หลังจากได้สนทนา นางก็เรียกสตรีทุกนางในวังหลังมาทันที ซึ่งมีสนมไม่ถึงสิบคนและที่มีลูกก็มีเพียงหยิบมือ เมื่อเทียบกับฮ่องเต้องค์ก่อน ๆ สนมของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันมีจำนวนน้อยนิดจนน่าสงสาร

เซี่ยชิงหร่านเป็นคนตรงไปตรงมา แต่ต่อหน้านางสนมเหล่านี้ นางยังคงวางตัวเฉกเช่นที่นางสนมของฮ่องเต้พึงมี

“พี่สาวน้องสาวทุกท่านต่างก็รู้ว่าเวลานี้ฝ่าบาททรงกำลังห่วงใยประชาชน พายุหิมะกับเรื่องหนานจ้าวได้ผลาญกำลังของอาณาจักรไปมาก ดังนั้นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของเราในช่วงเทศกาลวสันตฤดูจึงจะถูกลดลง แต่ในวังนี้มีแค่พวกเรา หากไม่ทำอะไรวังหลวงแห่งนี้ก็คงไม่ต่างอะไรจากวังร้าง ทว่าองค์หญิงน้อยได้เสนอความคิดดี ๆ ให้ข้า ข้าคิดทบทวนแล้วจึงตัดสินใจจะจัดเทศกาลโคมไฟ โดยแต่ละตำหนักจะต้องทำโคมด้วยตนเองและส่งเข้าร่วมการประกวด มีทั้งหมดสามรางวัล โดยรางวัลเหล่านี้ข้าและฝ่าบาทจะเป็นผู้มอบให้”

สิ้นคำพูดของนาง เหล่านางสนมเบื้องล่างต่างก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที

“ทำโคมหรือ”

“ทำโคมอะไรก็ได้ใช่หรือไม่ ตะเกียงน้ำแข็งใช้ได้หรือไม่”

“ข้ามือไม้ซุ่มซ่าม เกรงว่าโคมที่ข้าทำจะดูไม่ดี”

นับว่ายากยิ่งที่จะได้เห็นภาพฉากมีชีวิตชีวาเช่นนี้ นางสนมล้วนงดงามแตกต่างกันไป ทุกคนพูดคุยกันด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก

ช่วยไม่ได้ วังหลังน่าเบื่อเกินไป พวกนางสามารถออกไปชมบุปผาและทิวทัศน์ในวสันตฤดู คิมหันตฤดู และสารทฤดูได้ ทว่าในเหมันตฤดูพวกนางได้แต่อยู่ในตำหนักของตัวเองพลางพูดคุยกับนางกำนัลเท่านั้น ซึ่งทำให้คนเกิดอาการเบื่อหน่ายไม่น้อย

มาตอนนี้ได้ทำโคมที่นอกจากจะช่วยฆ่าเวลาแล้วยังได้รางวัลอีกด้วย ผู้ใดเล่าจะไม่ชมชอบบราวนี่ออนไลน์

ดังนั้นหลังจากที่ทุกคนกลับไป พวกนางก็รวบรวมผู้คนในตำหนักของตน และเริ่มระดมความคิด วางแผนประดิษฐ์โคมไฟที่งดงามที่สุด ซึ่งต้องนำมาเปรียบเทียบกับนังจิ้งจอกจากตำหนักอื่น ๆ อีก!

ในการประชันโคมนี้ เซี่ยชิงหร่านไม่เพียงแต่อนุญาตให้สนมเข้าร่วมเท่านั้น ทว่ายังรวมถึงขันทีและนางกำนัลด้วย

แต่จะจัดแยกกัน สำหรับนางสนมจะมีเพียงสามรางวัล โดยจะมอบของล้ำค่าและหายากเป็นรางวัล

ส่วนเหล่านางกำนัลและขันทีจะมีทั้งสิ้นสิบรางวัล แต่ละรางวัลล้วนเป็นเงินจำนวนลดหลั่นตามลำดับ

หลังจากที่หนานกงสือเยวียนได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ขอให้สมาชิกในครอบครัวของขุนนางเข้าร่วมการแข่งขันทำโคมด้วย โดยรางวัลที่มอบให้จะแตกต่างกันออกไป

ดังนั้นวังหลวงที่แต่เดิมเงียบสงบจึงพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมา ผู้คนต่างมองหาอุปกรณ์สำหรับทำโคมกันไปทั่ว

เสี่ยวเป่าคุ้ยหาของในท้องพระคลังน้อย ๆ ของตัวเอง ก่อนนำทุกสิ่งที่สามารถนำมาใช้ตกแต่งโคมไฟได้ออกมา และกันเงินไว้บางส่วนเพื่อซื้อของที่จำเป็นสำหรับแต่งโคม แล้วนำเงินที่เหลือไปให้ท่านพ่อ

“ท่านพ่อ เงินส่วนตัวทั้งหมดของเสี่ยวเป่ามอบให้ท่านพ่อนะเพคะ”

เด็กน้อยถือกล่องใบเล็กที่มีน้ำหนักมาก ยัดมันเข้าไปในอ้อมแขนของท่านพ่อ

หนานกงสือเยวียนเลิกคิ้ว “ให้ข้าทั้งหมดเลยหรือ”

เสี่ยวเป่ามองกล่องใบเล็กไม่วางตา แม้นางจะไม่เต็มใจปล่อยมันไปนัก แต่นางก็ยังยัดกล่องใส่ในอ้อมแขนของเขาอย่างมุ่งมั่น

“ใช่แล้ว เสี่ยวเป่าให้ท่านพ่อทั้งหมดเลย!”

มุมปากของหนานกงสือเยวียนยกขึ้น เผยรอยยิ้มเล็ก ๆ ในดวงตาที่เย็นชาตลอดเวลา

“ข้าใช้เงินของเจ้าไม่ได้ ซ้ำแล้วเงินของเจ้าก็ไม่สามารถแก้ปัญหาจำนวนมากได้”

เสี่ยวเป่ามองเขาอย่างกระตือรือร้น “เช่นนั้นเสี่ยวเป่าจะทำงานหนักขึ้นเพื่อหาเงิน!”

หนานกงสือเยวียน “มีใจเช่นนี้นับว่าดีมากแล้ว แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเหล่านี้ ไปทำโคมไฟกับพวกพี่ชายเถอะ”

เสี่ยวเป่ามองดูกล่องเล็ก ๆ ที่ถูกส่งคืนมาแล้วพูดว่าโอ้ แต่ในใจยังคงรู้สึกว่าเงินเพียงเล็กน้อยของตนนั้นไม่เพียงพอที่จะช่วยท่านพ่อได้ เสี่ยวเป่าพองแก้มโดยหวังว่าในอนาคตจะสามารถหาเงินได้มากขึ้น เติมท้องพระคลังน้อย ๆ ให้เต็ม จนต้องย้ายเงินไปที่ท้องพระคลังของท่านพ่อ!

จากนั้น หนูชางฉู่ตัวน้อยที่มักพยายามเติมเงินกับอาหารใส่ท้องพระคลังของตนกับท่านพ่อก็ใช้ขาสั้น ๆ ของตัวเองเดินไปหาบรรดาพี่ชาย

เพราะใกล้ปีใหม่แล้ว การเรียนจึงผ่อนคลายขึ้นมาก บรรดาองค์ชายอยากทำโคมด้วย

พอเสี่ยวเป่าไปถึงที่นั่น ก็เห็นพี่ห้ายืนอยู่บนโต๊ะพลางพูดอย่างองอาจ

“ข้าอยากทำโคมที่ใหญ่ที่สุด ใหญ่กว่าพวกเจ้าทั้งหมด ฮ่า ๆ ๆ …”

นี่ก็คนไข้ที่ป่วยเป็นโรคม.2*[1]คนหนึ่ง

องค์ชายแปดไม่ยอมรับ “ข้าต้องการสร้างโคมเสือ มันย่อมยิ่งใหญ่และทรงอำนาจกว่าท่านอย่างแน่นอน พี่ห้า!”

องค์ชายห้ามองเขาด้วยสายตาดูถูก “เด็กน้อยเช่นเจ้าทำเสือเป็นด้วยหรือ”

องค์ชายแปดเท้าสะเอว “ข้าจะขอให้เสด็จแม่ช่วยทำ เหตุใดข้าถึงจะทำไม่ได้เล่า”

องค์ชายห้าว่า “หากเจ้าสร้างโคมเสือ ข้าก็จะสร้างมังกร!”

องค์ชายแปดตอบ “ถ้าอย่างนั้น ข้าจะสร้างโคมมังกรด้วย!”

องค์ชายห้าถลึงตา “เชื่อหรือไม่ว่าเสด็จพ่อจะทุบตีเจ้า”

องค์ชายแปดพูดอย่างภาคภูมิใจ “ไม่กลัว ข้าจะพาเสี่ยวเป่าไปหาเสด็จพ่อด้วย”

เสด็จพ่อตามใจเสี่ยวเป่ามากที่สุด ฮิ ๆ

องค์ชายห้า หนานกงฉีหลิง “…”

น้องชายจอมเจ้าเล่ห์!

“ข้าก็อยากทำด้วย มันจะต้องใหญ่ที่สุด!”

พี่น้องสองคนเถียงกันไปมาแล้วก็เริ่มทะเลาะกันในที่สุด

เสี่ยวเป่าโผล่หัวเข้าไป

หนานกงฉีเฉินเห็นนางก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแอบย่องออกไปอุ้มน้องสาวที่นุ่มนิ่มของตนขึ้นมา พลางบีบแก้มนางอย่างมันเขี้ยว

เสี่ยวเป่า : ใบหน้าบู้บี้ QAQ

[1] โรคป่วยม.2 หรือจูนิเบียว เป็นศัพท์ที่ใช้พูดกันอย่างไม่เป็นทางการในการบรรยายวัยรุ่นที่มีภาวะหลงผิด ซึ่งต้องการที่จะโดดเด่น โดยทำให้คนเชื่อว่าตนมีความรู้ที่ซ่อนอยู่หรือมีพลังลึกลับ