บทที่ 276 ค่าตอบแทนมหาศาล...

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 276 ค่าตอบแทนมหาศาล…

ทางการยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพียงแต่ว่าในปัจจุบันยังจัดเตรียมเตรียมเวชภัณฑ์จำนวนมากไม่ได้

ทว่าในวันนี้ บริษัทน่าย่าและบริษัทจื้อเหิงก็ได้ผนึกกำลังกันบริจาคเวชภัณฑ์จำนวนมาก เช่น ผ้าก๊อซห้ามเลือด ยาชา ยาแก้อักเสบและยาต้านแบคทีเรียเป็นมูลค่ากว่าสามสิบล้านหยวน!

และในวันเดียวกันนั้นก็มีเครื่องบินลำหนึ่งบินไปยังประเทศเมียนมาอย่างเงียบๆ พร้อมกับเวชภัณฑ์จำนวนมากที่ถูกส่งไปยังพื้นที่ประสบภัย

ตอนนี้ประเทศเมียนมากำลังคึกคักไปด้วยการบริจาค มีทั้งดารารายหนึ่งบริจาคเงินจำนวนหนึ่งล้านหยวน ไหนจะบริษัทและองค์กรการกุศลที่เข้ามาร่วมบริจาคเงินนับหลายล้านหยวน

เวชภัณฑ์จากบริษัทน่าย่าและบริษัทจื้อเหิงนั้นช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดแคลนไปได้

ดังนั้นนายกเทศมนตรีจึงเชิญไป๋เยี่ยไปพูดคุยเกี่ยวกับเวชภัณฑ์ชุดนี้ที่สำนักงานชั่วคราว

นายกเทศมนตรีของเมืองเป็นชายอายุราวๆ ห้าสิบปี เขาเริ่มกล่าวขอบคุณก่อน “ขอบคุณคุณไป๋เยี่ยสำหรับความช่วยเหลือและน้ำใจนะครับ สิ่งของพวกนี้ได้ช่วยชีวิตชาวเมียนมาจำนวนนับไม่ถ้วนไว้จริงๆ”

“แน่นอนว่าทางเราก็จะไม่เอาเปรียบคุณ ตอนนี้ผมมีสองทางเลือกให้คุณ ประการแรกคือทางเราจะซื้อเวชภัณฑ์เหล่านี้ในราคาตลาด เพราะยังไงพวกคุณก็ขนส่งมันมาที่นี่ได้ แค่นี้ผมก็ซาบซึ้งใจมากแล้วครับ ผมจะปล่อยให้เพื่อนร่วมชาติผิดหวังไม่ได้เด็ดขาด”

“ประการที่สอง ตอนนี้คุณเองก็เห็นสภาพปัจจุบันของเมืองแล้ว ทางเราจึงต้องใช้เงินไปกับการลงทุนสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ ขึ้นมาใหม่ เพราะฉะนั้นต่อไปเราจะยังมีช่องว่างในเรื่องนี้อยู่และพวกเราก็ต้องการพันธมิตรมาร่วมมือกัน ผมหวังว่าทางเราจะรักษาความร่วมมือกับคุณไป๋เยี่ยไว้ได้ในระยะยาวนะครับ แล้วเราจะมาสรรค์สร้างเมืองอันสวยงามแห่งนี้ด้วยกัน”

ไป๋เยี่ยได้ฟังก็นิ่งงันไป

นี่เป็นโอกาสหายากในชีวิตจริงๆ เมียนมาเปรียบเสมือนรีสอร์ทพักร้อนของโลก เป็นบ้านพักคนชราของเอเชียและได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่เหมาะกับการใช้ชีวิตแห่งหนึ่งของโลกด้วย

ไม่เกินจริงเลยถ้าจะบอกว่าที่ดินทุกตารางนิ้วมีค่า แต่สิ่งที่นายกเทศมนตรีกำลังสื่อคือเขาจะให้เราเข้าร่วมโครงการฟื้นฟูเมืองหลังภัยพิบัติงั้นเหรอ

หรือว่าเขาจะให้ทำอะไรมากกว่านั้น

ไป๋เยี่ยคิดดังนั้นแล้วก็เบิดตากว้าง

นี่มันข่าวดีชัดๆ!

ทันใดนั้นไป๋เยี่ยก็รู้สึกว่าทุกสิ่งที่เขาทำไปนั้นคุ้มค่าแล้ว นี่คืออนาคตที่เขามองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อีกทั้งที่นี่ยังเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อีกด้วย

ยังจะต้องคิดเรื่องนี้อีกเหรอ

ไป๋เยี่ยจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่น “ท่านครับ ผมคิดว่าตอนนี้ที่นี่คงต้องการความช่วยเหลือจากเรา ผมหวังว่าผมจะได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูเมืองนี้นะครับ”

นายกเทศมนตรียิ้มก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้ไป๋เยี่ย ทันทีที่ไป๋เยี่ยรับโทรศัพท์มาดูก็ต้องตกตะลึงไปในทันที

เบอร์ของประธานาธิบดีเมียนมา!

หลังจากที่วางสายไปสักพักแล้ว ไป๋เยี่ยก็ยังคงสงบสติอารมณ์ตัวเองไม่ได้อยู่นาน คำพูดสุดท้ายของอีกฝ่ายยังคงดังกึกก้องในหัวของเขา

‘ประเทศเมียนมาของเราจะไม่มีทางเอาเปรียบผู้ที่สร้างคุณประโยชน์ให้อย่างแน่นอน ท่านไป๋เยี่ย!’

นี่คือคำสัญญาจากท่านประธานาธิบดี เป็นวาจาอันล้ำค่าหาที่เปรียบไม่ได้

แล้วก็…

ท่าน?

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…

คำเรียกขานดังกล่าวทำให้ไป๋เยี่ยตัวสั่นเล็กน้อย ประเทศเมียนมาเคยมีรากฐานของระบอบกษัตริย์จากการที่เคยถูกล่าอาณานิคมโดยอังกฤษ ซึ่งน่าจะยังมีธรรมเนียมปฏิบัติต่างๆ จากอังกฤษหลงเหลืออยู่บ้าง

ตัวอย่างเช่น นายกเทศมนตรีของเมืองนี้ก็มียศเทียบเท่ากับมาร์ควิส ถึงแม้ว่าในปัจจุบันสิทธิของขุนนางจะถูกลดหลั่นลงมามากแล้ว แต่ในประเทศเมียนมาก็ยังคงหลงเหลือสิทธิที่ว่านั้นไว้บางส่วน

สิ่งนั้นก็คือระบบศักดินา!

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันในสหราชอาณาจักรมีการเก็บภาษีมรดกจำนวนมาก ทำให้ขุนนางซื้อที่ดินราคาแพงไม่ได้ ในขณะที่ประเทศเมียนมามีความพิเศษอย่างหนึ่ง นั่นคือทางการมักไม่ค่อยปล่อยขายที่ดินนัก ทำให้ที่ดินส่วนใหญ่ยังคงเป็นของทางการ

อีกทั้งข้าราชการส่วนใหญ่ยังมีส่วนร่วมในการบริหารประเทศด้วย

ดังนั้นคำว่า ‘ท่าน’ จึงทำให้หัวใจของไป๋เยี่ยเต้นระรัว

นี่เราจะได้เป็นข้าราชการด้วยเหรอ

ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็ตื่นเต้น นี่คือการมอบตำแหน่งชัดๆ เป็นหลายศตวรรษแล้วที่ผู้คนได้รับการแต่งตั้งน้อยลงเรื่อยๆ จุดประสงค์ก็คือเพื่อคงความสูงศักดิ์เอาไว้

ส่วนเรื่องที่ดิน เราจะได้ส่วนแบ่งสักเท่าไหร่เชียวนะ

ต่อไปพอแก่ตัวลงก็ได้มาใช้ชีวิตเป็นข้าราชการตำแหน่งสูงๆ ที่เมียนมา เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ

สามสิบล้านแลกกับตำแหน่งข้าราชการ

ถ้าเป็นในอดีตล่ะก็ อย่าว่าแต่สามสิบล้านเลย ต่อให้เสียสักสามร้อยหรือสามพันล้านก็ซื้อตำแหน่งไม่ได้

ตอนนี้ไป๋เยี่ยเริ่มมีความคิดที่อยากจะสร้างศูนย์การแพทย์แบบครบวงจรที่เมียนมา อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นบ้านพักคนชราของโลกไม่ใช่หรือ

อย่างไรไป๋เยี่ยก็สามารถดึงจุดเด่นของตนเองออกมาประยุกต์เพื่อทำให้ที่นี่บรรลุสุดยอดศาสตร์แห่งการแพทย์ได้ และสร้างสถานพยาบาลที่มีเอกลักษณ์มากที่สุดในโลกขึ้นมา

เวลาค่อยๆ ผ่านเลยไป ในที่สุดทีมแพทย์ทุกคนก็ได้สร้างสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ที่สมบูรณ์สำเร็จแล้ว

การแบ่งส่วนการวินิจฉัยออกเป็นสามระดับก็ได้รับการปรับปรุงจนสมบูรณ์แบบ ทำให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีระเบียบ

เมื่อคำนึงถึงความสามารถที่จำกัดของทุกคนแล้ว ไป๋เยี่ยก็ตัดสินใจจัดการฝึกอบรมและให้ความรู้ด้านการแพทย์ฉุกเฉินทันที

ไป๋เยี่ยเองก็เริ่มค้นพบว่าระหว่างที่เขากำลังอธิบายสิ่งต่างๆ อยู่นั้น ความรู้และประสบการณ์ของเขาก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน

ความราบรื่นในการกู้ภัยและการลงทุนกับวัสดุจำนวนมากได้เร่งการสร้างเสถียรภาพในเมืองขึ้นไปอีก

และในวันที่เก้า องค์การอนามัยโลกและสภากาชาดก็ได้เดินทางมาถึงพร้อมด้วยทีมกู้ภัยมืออาชีพและทีมกู้ภัยเฉพาะทาง

ทว่าเมื่อกองกำลังขนาดใหญ่เดินทางมาถึงสถานที่ต่างก็ต้องตกตะลึงกับมาตรการการช่วยเหลือและการรักษาผู้บาดเจ็บที่เป็นระเบียบเรียบร้อย

ไม่มีใครคาดคิดว่าประเทศเมียนมาที่ยังมีระบบสาธารณสุขที่ค่อนข้างล้าหลังนั้นจะจัดการได้เป็นระเบียบเช่นนี้ ทำเอาพวกเขาประหลาดไปอยู่ครู่หนึ่ง

อะไรทำให้ที่นี่มีการช่วยเหลือที่ได้ประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม กองกำลังก็ไม่ได้ลืมภารกิจของตนเองแต่อย่างใด คนส่วนใหญ่ถูกส่งไปประจำการที่ฐานรักษาพยาบาลของไป๋เยี่ยภายใต้การจัดการของนายกเทศมนตรี

เพราะว่าฐานรักษาพยาบาลแห่งนี้ถูกควบคุมดูแลภายใต้การประสานงานของไป๋เยี่ย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจึงถือเป็นคุณูปการของไป๋เยี่ย

หลังจากที่กองกำลังเดินทางมาถึงสถานที่แล้ว พวกเขาก็พบว่าผู้รับผิดชอบของที่นี่เป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยยี่สิบปีเท่านั้น

ไป๋เยี่ยมองผู้คนที่มาเยือนก่อนจะมอบหมายงานให้พวกเขาตามตำแหน่ง อย่างไรเสียไป๋เยี่ยก็ไม่ได้รู้จักคนเหล่านี้ดีนัก แทนที่จะส่งพวกเขาไปทำงานตามที่ตนเองต้องการ ก็ให้พวกเขาไปทำหน้าที่ที่ส่วนนอกสุดและสังเกตดูก่อนดีกว่า

ทว่าการทำเช่นนี้กลับทำให้ยอดฝีมือจากแต่ละชาติไม่ค่อยพอใจนัก