ตอนที่ 105: เบาะแสของผู้บงการ

หลังจากขับวนรอบหนึ่งแล้ว รถเบนซ์หรูของปรมาจารย์ซินก็พลันมาถึงวิลล่าชนเมืองแห่งหนึ่ง มันเป็นเหมือนวิลล่าส่วนตัว เนื่องจากเป็นวิลล่าหลังเดี่ยว รอบวิลล่าจึงมีกําแพงสูงล้อมรอบ ตามด้วยกล้องวงจรปิดทั่วทุกมุม แม้แต่นักข่าวหรือนักสืบก็จะไม่สามารถจับภาพด้านในได้เลย

เสี่ยวเฉิงพลันหยุดรถห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร ทันทีที่บอดี้การ์ดเห็นว่าไม่มียานพาหนะอื่นอยู่รอบตัว ปรมาจารย์ซินก็พลันชี้นิ้วไปยังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรงทางเข้าเพื่อเปิดประตูอิเล็กทรอนิกส์ ในระหว่างนั้น เสี่ยวเฉิงก็ได้ใช้สายตาเอ็กซ์เรย์สแกนดูรอบวิลล่าแล้ว

ปรมาจารย์ซินไม่คาดคิดเลยด้วยซ้ําว่าเสี่ยวเฉิงจะอยู่ห่างออกไปหนึ่งกิโลเมตร อีกทั้งสายตาเอ็กซ์เรย์ของเสี่ยวเฉิงก็ไม่ต่างอะไรกับดวงตาแห่งพระเจ้าเลยด้วย มันเห็นภาพตรงหน้าชัดยิ่งกว่าดาวเทียมเสียอีก

“สายตาของเราจะพัฒนาขึ้นอีกไหมนะ? ตอนนี้รัศมีในการมองเห็นคือสามกิโลเมตร แต่ถ้าเห็นได้ไกลกว่านี้ก็ดีสิ” เสี่ยวเฉิงพลันบ่นพึมพํากับตัวเอง

เสี่ยวเฉิงพลันหยิบบุหรี่มวนหนึ่งขึ้นมาจุด หลังจากนั้น เขาก็ยกเท้าขึ้นพาดหน้ารถพร้อมกับมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นภายในวิลล่า สําหรับตอนนี้ สิ่งที่เสี่ยวเฉิงต้องการคือถุงมันฝรั่งทอดหรือข้าวโพดคั่วเท่านั้น

ทันทีที่รถเบนซ์หรูขับเข้าไปในวิลล่า มันน่าจะเป็นประสบการณ์การรับชมที่สุดยอดไม่น้อย ระหว่างที่รถ เบนซ์หรูขับผ่านประตูเข้าไป สายตาของเสี่ยวเฉิงก็พลันล็อคเพียงแค่ปรมาจารย์ซินท่านั้น

หลังจากปรมาจารย์ซินลงจากรถ บอดี้การ์ดคนหนึ่งภายในวิลล่าก็เดินออกมาหยุดปรมาจารย์ซินเอาไว้เพื่อตรวจค้นร่างกาย ในระหว่างนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันหยิบกระดาษขึ้นมาเพื่อร่างหน้าตาบอดี้การ์ดเอาไว้ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเบาะแสที่สําคัญ เสี่ยวเฉิงสามารถกลับไปยังกองบัญชาการและค้นหาผู้ชายคนนี้ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ได้

เสี่ยวเฉิงพลันเริ่มสงสัยแล้วว่าคนที่อยู่ในวิลล่าจะต้องไม่ใช่บุคคลธรรมดาแน่ ใครสักคนที่สามารถทําให้ปรมาจารย์ซินผู้หยิ่งผยองหยุดนิ่งเพื่อให้บอดี้การ์ดค้นร่างกายได้จะต้องเป็นบอสใหญ่อย่างแน่นอน!

บางที นักกฎหมายทั้งห้าคนของคาสิโนอาจเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดก็ได้ อีกทั้งเสี่ยวเฉิงก็พลันได้ยินข่าวลือมาว่าแก๊งพยัคฆ์ขาวเองก็มีชายคนหนึ่งเป็นผู้บงการยักษ์ใหญ่อยู่เบื้องหลัง เฉกเช่นปรมาจารย์หยานกับแก๊งเต่าดํา ท้ายที่สุดแล้ว เพื่อให้สามารถอยู่รอดในสังคม แก๊งพยัคฆ์ขาวจะต้องมีใครสักคนคอยหนุนหลังอยู่แน่

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตํารวจหลายต่อหลายคนต่างก็ทําการออกตามหาชายผู้อยู่เบื้องหลังแก๊งพยัคฆ์ขาว ทว่านับตั้งแต่ประเทศเข้าสู่ยุคสังคมที่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้อยู่เบื้องหลังแก๊งพยัคฆ์ขาวก็แทบไม่ปรากฏตัวออกมาเลย นอกจากนี้ บางคนก็พลันเชื่อไปว่าผู้อยู่เบื้องหลังเสียชีวิตไปแล้ว และแก๊งพยัคฆ์ขาวเองก็ได้เปลี่ยนผ่านจากการกระทําผิดกฎหมายกลายเป็นถูกกฎหมายแทน ถึงอย่างไร รัฐบาลเองก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น เพราะหากผู้นํา สูงสุดแห่งแก๊งพยัคฆ์ขาวเสียชีวิตหรือจากไปแล้วจริง ๆ แก๊งพยัคฆ์ขาวก็คงไม่สามารถดําเนินการเปลี่ยนผ่านอย่างสง่างามและรักษาความเจริญรุ่งเรืองของตัวเองได้โดยปราศจากความขัดแย้งหรอก ถึงกระนั้น คําอธิบายเดียวในตอนนี้คือผู้นําสูงสุดแห่งแก๊งพยัคฆ์ขาวกําลังหลบซ่อนและควบคุมทุกอย่างอยู่ในเงามือ

นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าแก๊งพยัคฆ์ขาวจะผันตัวมาบริหารบริษัทซึ่งชอบด้วยกฎหมาย แต่รัฐบาลก็ไม่ได้มองพวกเขาเปลี่ยนไปเลย นั่นเป็นเพราะคดีฟอกเงินใต้ดินขนาดใหญ่มีระดับอิทธิพลและผลกระทบสูงเกินไป ด้วยเหตุนั้น รัฐบาลจึงต้องการโค่นล้มแก๊งพยัคฆ์ขาว

ดวงตาของเสี่ยวเฉิงจับจ้องปรมาจารย์ซินที่กําลังเดินเข้าไปในวิลล่า ระหว่างที่ปรมาจารย์ซินเดินมาถึงสระ ว่ายน้ําด้านหลังวิลล่า ข้างในก็มีสาวงามสามคนกําลังบําเรอชายชราคนหนึ่งอยู่ เสี่ยวเฉิงในตอนนี้สามารถมองเห็นรอยสักรูปมังกรสีฟ้าบนหน้าอกของชายชราได้อย่างชัดเจน

เสี่ยวเฉิงพลันร่างรอยสักนั้นลงกระดาษโดยไม่รู้ตัว เขายังคงจับตาดูอีกฝ่ายต่อไป

“ท่านฉิงครับ พวกตํารวจเริ่มสงสัยแล้วว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน” ปรมาจารย์ซินพลันกล่าวกับชายชราที่กําลังดื่มไวน์อยู่ริมสระน้ํา

เขาเป็นชายกล้ามโต ถึงแม่ใบหน้าของชายชราจะมีแต่ริ้วรอย แต่เขาก็ดูจะมีพละกําลังมากมหาศาลเลยทีเดียว

ทันทีที่ได้ยินคําพูดของปรมาจารย์ซิน ชายชราก็พลันถามขึ้น “แล้วพวกมันได้อะไรกลับไปบ้างไหม? นายทําอะไรไปบ้างแล้วล่ะ?”

“จนถึงตอนนี้ พวกมันยังไม่ได้อะไรที่เป็นอันตรายต่อพวกเราไปเลยครับ เราเพิ่งแยกกับพวกมันมา อีกอย่างพนักงานฝ่ายดูแลบัญชีของเราก็สามารถแก้สถานการณ์ได้ดีมากเลยด้วย” ปรมาจารย์ซินกล่าว

“ดีแล้ว งั้นเราก็ไม่มีอะไรต้องกลัว ตราบใดที่พวกนายไม่ตื่นตระหนก ตํารวจก็จับพิรุธอะไรไม่ได้ อีกอย่าง พวกเรามีข้อสัญญาฉบับใหม่ต้องจัดการสัปดาห์หน้าด้วย อย่าลืมเสียล่ะ” ท่านฉิงกล่าว

ปรมาจารย์ซินพลันหรี่ตาลง”ครั้งนี้เท่าไหร่เหรอครับ?”