ตอนที่ 104: แผนการเบื้องหลังที่แท้จริง 2

ชายวัยกลางคนที่ชื่อปรมาจารย์ซินพลันพยักหน้า “ก็ดี งั้นช่วยโมรหาตัวแทนทางกฎหมายอีกสี่คนแล้วบอกให้พวกเขาทําตัวปกติด้วย ส่งคนของเราไปติดตามพวกมันกลับด้วย เราจะได้รู้ว่าตํารวจพวกนั้นกําลังคิดทําอะไร อยู่กันแน่ ยังไงเสีย ไอ้พวกกองบัญชาการตํารวจนตลกจริง ๆ เลยนะ พวกมันคิดว่าแก๊งพยัคฆ์ขาวจะถูกโค่นล้มได้ง่ายเหมือนแก๊งเต่าดําหรือยังไงกัน?”

บอดี้การ์ดพลันพูดต่อ “งั้นเราควรไปหารือเรื่องนี้กับปรมาจารย์ท่านอื่นหน่อยไหมครับ?”

ปรมาจารย์ซินพลันตอบกลับ “แน่นอนสิ เดี๋ยวฉันจัดการเอง ตราบใดที่เจ้าหน้าที่ตํารวจทั้งห้าอยู่ในสายตาเรา ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลแล้ว พวกมันอาศัยอยู่ในความสว่าง แต่พวกเราอาศัยอยู่ในความมืดจะกลัวไป ทําไมกัน? มาเถอะ ไปหารือกับปรมาจารย์คนอื่นกัน”

บอดี้การ์ดพยักหน้า หลังจากนั้น ทั้งสองก็เดินตามปรมาจารย์ซินและออกจากคฤหาสน์ไป นอกจากนี้ ตัวแทนทางกฎหมายทั้งห้าก็พลันออกมาจากคฤหาสน์ด้วยเช่นกัน

ระหว่างที่อีกฝ่ายจากไป หวู่กังและสมาชิกอีกสี่คนก็เริ่มรายงานสถานการณ์ทั้งหมดให้กับเสี่ยวเฉิง แต่ทว่าหวู่กังไม่รู้ตัวเลยว่าพวกเขาเองก็กําลังถูกสอดแนมอยู่เหมือนกัน

สายลับจากแก๊งพยัคฆ์ขาวเริ่มรายงานการกระทําทุกอย่างของทีมเจ้าหน้าที่หวู่กังไปยังตัวแทนทางกฎหมายทั้งห้าคนทันที

ภายในรถเบนซ์หรู ปรมาจารย์ซินพลันวางโทรศัพท์ลงและกล่าวคําพูดกับบอดี้การ์ดข้างกาย “ปล่อยให้พวกมันตามไปเถอะ แต่ยังไงเสีย ถ้าพวกมันเข้ามายุ่งลุ้นจ้านมากไป ก็หยุดพวกมันเอาไว้ก่อนเลย”

บอดี้การ์ดอีกคนพลันขับรถเบนซ์หรูตรงไปแถวยอดเขา หวู่กังและทีมก็ขับตามไปด้วยเช่นกัน แต่เมื่อขับมา ถึงสี่แยกบอดี้การ์ดทั้งสองก็แสร้งทําเป็นรถเสียข้างถนน ทันใดนั้น บอดี้การ์ดคนหนึ่งก็พลันโบกมือขอความช่วยเหลือจากหวู่กังและเรียกให้เขาลงมาจากรถ “ว่าไงพี่ชาย ช่วยลากรถให้ผมหน่อยได้ไหม?”

ในตอนนี้ บอดี้การ์ดทั้งสองพลันขับรถมาขวางหน้ารถของหวู่กังเอาไว้ จนทําให้เขาไม่สามารถขับผ่านไปได้ ทันใดนั้น หวู่กังก็ลงมาจากรถและกล่าวคําพูด “พวกคุณเรียกบริษัทรถลากมาเองไม่ได้หรือยังไงกัน?”

ทว่า ระหว่างที่หวู่กังกําลังเดินตรวจดูรอบรถ รถเบนซ์หรูก็พุ่งตัวออกไปทางยอดเขาและหักเลี้ยวไปตามทางแยก พร้อมกับขับตรงไปยังเขาอีกลูกเพื่อมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง

บริเวณสี่แยก ทันทีที่หวู่กังคลาดสายตาจากเป้าหมาย เขาก็รีบรายงานสถานการณ์ให้เสี่ยวเฉิงทราบทันที “หัวหน้าครับ พวกมันกําลังมุ่งหน้าไปแถวยอดเขาครับ”

เสี่ยวเฉิงเงียบไป ทว่า ตัวเสี่ยวเฉิงเองได้จอดรถรออยู่ตรงตีนเขาแล้ว จากระยะไกล เสี่ยวเฉิงได้ใช้สายตาเอ็กซ์เรย์ล็อครถของปรมาจารย์ซินเอาไว้ ทั้งนี้ ปรมาจารย์ซินสามารถหลุดรอดสายตาของหวู่ยังไปได้ก็จริง แต่เขาไม่มีวันซ่อนตัวจากสายตาของเสี่ยวเฉิงได้แน่!

ใช่แล้ว เสี่ยวเฉิงไม่ต้องการให้หวู่กังและคนอื่นในทีมทําอะไรเกินหน้าเกินตา เสี่ยวเฉิงต้องการให้ทีมหญ่ทั้งรายงานข้อมูลทั่วไปว่าเป้าหมายอยู่ไหนเท่านั้น ด้วยเหตุนั้น เสี่ยวเฉิงจึงสามารถใช้สายตาเอ็กซ์เรย์ล็อคเป้า หมายเอาไว้ได้ นอกจากนี้เหตุผลที่เสี่ยวเฉิงต้องการให้ลูกน้องในทีมทําภารกิจกันอย่างเปิดเผยก็เพื่อปกป้อง ตัวพวกเขาเอง… ตราบใดที่หวู่กังและลูกทีมไม่เป็นภัยคุกคามต่อแก๊งพยัคฆ์ขาว พวกเขาก็จะไม่ได้รับอันตรายอะไร

ถึงกระนั้น ปรมาจารย์ซินและเหล่าบอดี้การ์ดไม่รู้ตัวเลยว่าหลังจากที่กําจัดหวู่ทั้งพันทางและลงมาจากอีกด้านหนึ่งของภูเขา พวกเขาก็ได้ขับผ่านรถยนต์ธรรมดาคนหนึ่ง… ระหว่างที่อีกฝ่ายขับผ่านไป เสี่ยวเฉิงก็พลัน สตาร์ทรถและเริ่มไล่ตามไป โดยเว้นระยะห่างไว้ประมาณหนึ่งช่วงตึก

ไม่ว่าจะเป็นปรมาจารย์ซินหรือเหล่าบอดี้การ์ด ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าจะมีรถคันอื่นขับตามมาในรัศมีสามกิโลเมตร พื้นที่ระแวกยอดเขาเป็นเพียงตัวล่อเท่านั้น นอกจากนี้ พวกตํารวจก็น่าจะพุ่งความสนใจไปที่บริเวณยอดเขาเป็นเวลาอย่างน้อยสองสามวันหรือหลายสัปดาห์ หรือจนกว่าพวกเขาจะรู้ความจริงว่าเป้าหมายไม่ได้อยู่แถวนั้น แล้ว

ระหว่างที่หวู่กังขับรถขึ้นไปยังยอดเขา เขาก็พลันกล่าวคําพูดกับเสี่ยวเฉิงผ่านวิทยุ “หัวหน้าครับ หัวหน้าต้องการให้ผมเข้าไปตรวจเช็คบริเวณบ้านพักแถวนี้ไหมครับ? ผมมีความรู้สึกว่านักกฎหมายของพวกแก๊งพยัคฆ์ ขาวจะต้องมารวมตัวกันที่นี่เพื่อพบปะกับหัวหน้าใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังแน่”

เสี่ยวเฉิงเผยยิ้มและตอบกลับ “ไม่ต้องหรอก นายขับจอดรอที่คฤหาสน์ของท่านซินพอ ตําแหน่งบนยอดเขาเป็นเพียงแค่ตัวล่อ ยังไงก็เถอะ ฝากบอกคนอื่นด้วยแล้วกันว่าให้กลับมารอที่คฤหาสน์ของเป้าหมายเหมือนเดิม”