บทที่ 246 ย้ายไปเมืองเหอตง

ในตอนนั้นเองคุณชายตระกูลเศรษฐีผู้หนึ่งรูปร่างท้วมเดินมาเข้าพร้อมบ่าวรับใช้ เขาเดินขึ้นชั้นบนก่อนจะมุ่งหน้ามาที่โต๊ะของถังหลี่

“แม่นางน้อย พี่ชายขอเลี้ยงมื้อค่ำเจ้าได้หรือไม่”

ในขณะที่พูดชายผู้นั้นพยายามคว้ามือของถังหลี่ไว้

หญิงสาวหรี่ตาลง ตอนนี้ถังหลี่มีพลังเพิ่มขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังไม่วายมีคนเข้ามาหาเรื่อง

ในขณะที่ถังหลี่กำลังจะตอกกลับ คนที่อยู่ข้างนางก็นำหน้าไปหนึ่งก้าว เขาจับข้อมือของบ่าวรับใช้

กร๊อบ!

เขาบิดข้อมือของชายผู้นั้นจนหัก

“กล้าดีอย่างไรมาจับเสี่ยวหลี่ของข้า!” ตู้ชิงหยูพูดอย่างเย็นชา

“อ๊ากกก! เจ็บ ๆ ช่วยด้วย!”

ชายร่างท้วมร้องขอความเมตตา ตู้ชิงหยูยอมปล่อยมือ ชายผู้นั้นรีบวิ่งไปหลบหลังบ่าวรับใช้ทันที

“ไปเอาตัวนางมาให้ข้า! แล้วจัดการมันซะ!”

เขาพูดอย่างเดือดดาล บ่าวรับใช้กรูเข้าไปหาทันที ตู้ชิงหยูนั่งอยู่บนเก้าอี้ หลบการโจมตีพร้อมกับโยนบ่าวรับใช้ออกไปนอกหน้าต่างทีละคน ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่ได้ขยับก้นลุกออกจากเก้าอี้เลยแม้แต่น้อย ถังหลี่ไม่คิดว่าตู้ชิงหยูจะมีฝีมือที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้ อีกทั้งเขาเองไม่ได้มีพลังปีศาจด้วยซ้ำ!

ตู้ชิงหยูไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

ถังหลี่กำลังสงสัยว่าในนวนิยายมีตัวละครชื่อตู้ชิงหยูหรือไม่ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกไม่มีข้อมูลของคนผู้นี้เลย ..

“เสี่ยวหลี่ไม่ต้องเกรงใจข้านะ เจ้าไม่ต้องเสียเงินสักอีแปะเพราะโต๊ะและเก้าอี้ในร้านยังอยู่ดีมีสุข” ตู้ชิงหยูพูดพลางขยิบตา

“ข้ายังต้องขอบคุณเจ้าด้วยหรือ?” ถังหลี่เลิกคิ้ว

“ไม่จำเป็น ระหว่างเราไม่ต้องเกรงใจกัน”

ไม่นานนักอาหารก็วางเรียงรายบนโต๊ะจนเต็ม

เดิมทีถังหลี่คิดว่าตู้ชิงหยูจะกินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะกินอาหารจนหมด! หญิงสาวมองไปที่หน้าท้องแบนราบของอีกฝ่ายอย่างตกตะลึง

“ข้าล้อเล่นน่าเสี่ยวหลี่ ข้าต้องช่วยเจ้าอยู่แล้ว เหตุใดวันนี้เจ้าจึงมาเมืองเหอตงเล่า?”

“ข้าอยากซื้อบ้านในเมืองเหอตงน่ะ”

“ดียิ่ง ข้าแซ่ตู้เต็มใจช่วยเจ้าเอง” ยามถังหลี่เดินออกไปจากร้านอาหาร เขาก็ตามนางราวกับเป็นหางเล็ก ๆ ของนางเลยทีเดียว

จางเฉียนพาทั้งสองคนไปดูบ้านทุกหลังที่สามารถหาได้ ระหว่างทางทั้งคู่ได้เจอกับไป๋เสี่ยวเชิงหรือหลูหลิง หลังจากที่เขารู้เหตุผลที่ถังหลี่มายังเหอตง ก็อาสาที่จะพาพวกเขาไปดูบ้านหลังที่เหมาะสม! หลูหลิงพาไปชมบ้านหลายหลังอย่างกระตือรือร้น ถังหลี่เองก็ดูจะพอใจ

บ้านหลังหนึ่งอยู่ริมแม่น้ำ มีลานด้านหน้าและด้านหลังที่กว้างใหญ่ เชื่อมต่อกันเป็นห้องแถว ทั้งสองฝั่งเต็มไปด้วยผู้คน

“บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เป็นทำเลทองแต่หลังคาบ้านเป็นสีแดงอยู่ในธาตุไฟ ไฟข่มทอง ไม่ใช่ฮวงจุ้ยที่ดีนัก” ตู้ชิงหยูกล่าว

ถังหลี่ยอมแพ้เรื่องบ้านหลังนี้ทันทีที่ได้ฟัง เนื่องจากเป็นที่พักในอาศัยระยะยาว ดังนั้นการเลือกสถานที่ที่มีฮวงจุ้ยดีนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ส่วนอีกหลังหนึ่งเป็นครอบครัวเดี่ยว สิ่งที่ถังหลี่ชอบคือสภาพแวดล้อมนั้นเงียบสงบซึ่งเหมาะมากที่บุตรทั้งสองคนของนางจะได้มีพื้นที่ร่ำเรียนและฝึกฝนตนเอง

“เสี่ยวหลี่ แม้ว่าบ้านหลังนี้จะหันไปทางทิศใต้แต่ทั้งสองด้านก็เปิดโล่งและหันไปทางถนน ข้าไม่รู้ว่าในตอนกลางคืนหากมีรถม้าผ่านมามันจะส่งเสียงดังแค่ไหน”

ถังหลี่ถอดใจอีกครั้ง

จากนั้นหญิงสาวก็หันไปเห็นบ้านสองหลังติดกัน เป็นบ้านเดี่ยวที่เก่าและใหม่สภาพแวดล้อมดูดี

“ชิงหยู เจ้าว่าบ้านหลังนี้เป็นอย่างไร?” ถังหลี่ถาม

ตู้ชิงหยูกวักมือเรียกหลูหลิง เมื่อชายหนุ่มเห็นจึงรีบวิ่งเข้าไปหาทันที

“บ้านทั้งสองหลังนี้ขายหรือไม่?” นางถาม

“หลังนี้ขายแน่นอน แต่บ้านข้าง ๆ เป็นของญาติฝั่งเขย ครอบครัวของเขามีบ้านหลายหลังในมณฑลเหอตง ถ้าราคาสูงก็อาจจะขาย”

ตู้ชิงอยู่จ้องมองบ้านสองหลังที่อยู่ติดกันเป็นเวลานาน

“ทิศเหนือของบ้านหันไปทางใต้ แสงแดดส่องถึง โอบล้อมไปด้วยขุนเขาและแม่น้ำ สภาพแวดล้อมดี ไม่เลว”

ตอนนี้เองถังหลี่ก็เข้าใจอะไรบ้างอย่าง

“ชิงหยู เจ้าอยากเป็นเพื่อนบ้านข้าหรือไม่?”

“แต่ก่อนเฒ่าเมิ่งย้ายบ้านสามครั้งเพราะนางต้องการให้ลูก ๆ ของนางมีสภาพแวดล้อมในการศึกษาที่ดี และบ้านหลังนี้มันสมบูรณ์แบบสำหรับเพื่อนบ้านของข้า!” ตู้ชิงหยูกล่าว

ถังหลี่ได้ยินก็รู้สึกพูดไม่ออก

อย่างไรก็ตามถังหลี่มองไปดูบ้านหลังนี้อย่างถี่ถ้วน มันเป็นบ้านที่ดีที่สุดเท่าที่นางเห็นมาในวันนี้ หลูหลิงกล่าวสาบานอีกครั้งว่าบ้านหลังนี้ไม่มีปัญหาใด ๆ ซุกซ่อนอยู่ และถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเขาจะรีบติดต่อถังหลี่ทันที

เงินสองพันตำลึงเป็นราคาที่หญิงสาวคิดว่าเหมาะสมมาก ถังหลี่ตอบตกลงทันทีก่อนจะกลับไปที่บ้านและนำเงินสองพันตำลึงมาเหอตงในวันต่อมา เพื่อซื้อบ้านและโอนกรรมสิทธิ์

…..

หลังจากที่ซื้อบ้านแล้วการย้ายบ้านก็เริ่มต้นขึ้น

เครื่องเรือนชิ้นใหญ่ไม่ถูกย้ายออกไป มีเพียงของใช้ประจำวันบางอย่างเท่านั้น เช่น หนังสือของต้าเป่าและสวี๋เจวี๋ย ของเล่นของเอ้อร์เป่า ขนมของซานเป่าและเสื้อผ้าของคนในบ้าน จำนวนไม่มากขนย้ายเพียงสองเที่ยวก็หมดแล้ว

ในการเดินขนของเที่ยวที่สอง ป้าจ้าวตามไปด้วยเพื่อจัดการทำความสะอาดบ้านหลังใหม่ให้เรียบร้อย ถังหลี่เดินทางไปที่เป่าชิงเหอเพื่อพบกับเจิ้งติ่งและหลูชิง ก่อนนางจะอธิบายบ้างอย่างกับทั้งสอง แม้หลูชิงจะไม่เต็มใจในการแยกจากของนางกับถังหลี่ แต่หญิงสาวเองก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่า เป่าชิงเก๋อจะเปิดสาขาใหม่ในเมืองเหอตง ในเวลานั้นเป่าชิงเก๋อที่เมืองเหยาสุ่ยจะถูกส่งต่อให้แก่เจิ้งติ่ง ส่วนนางจะไปคุมร้านที่สาขาเหอตง

ถังหลี่ไปบอกลาฮูหยินมู่ แต่เนื่องจากเหยาสุ่ยและเหอตงเองก็อยู่ไม่ไกลกัน อีกครั้งบ้านเดิมของฮูหยินมู่ก็อยู่เหอตงดังนั้นทั้งสองจึงไม่ได้รู้สึกว่าพรากจากกัน จากนั้นถังหลี่ก็ไปหาเว่ยเสี่ยวเถาและบอกที่อยู่ใหม่ของนางให้พี่สาวฟัง เพื่อว่าหากมีเวลาว่างก็ไปเยี่ยมเยียนกันได้

ตอนนี้เว่ยเสี่ยวเถาเปิดแผงขายเซาปิ่งทำรายได้มากมายทุกวัน จ้าวตี้และเนี่ยนตี้เองก็ได้สวมเสื้อผ้าที่ใหม่และดูสะอาด จ้าวตี้ที่แก่กว่าเล็กน้อยเติบโตเป็นเด็กสาวตอนนี้กำลังเรียนรู้วิธีเย็บปักจากหลันฮวาด้วยเหมือนกัน ส่วนเนี่ยนตี้นั้นซุ่มซ่ามและไม่มีหัวด้านการปักผ้า นางจึงติดตามมารดาไปช่วยขายเซาปิ่งทุกวันแทน ชีวิตของทั้งสามก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อนางได้ยินว่าถังหลี่จะย้ายบ้าน จึงถามอีกฝ่ายว่า

“น้องสะใภ้ บ้านใหม่ที่เจ้ากำลังจะย้ายเข้า ต้องการสุราเพื่อทำพิธีขึ้นบ้านใหม่หรือไม่?”

ถังหลี่หวนคิดถึงวันที่นางย้ายเข้าเมืองเหยาสุ่ย นางเองก็ดื่มสุราอุ่น ๆ ฉลองด้วยเช่นกัน แต่วันนั้นสามีของนางอยู่ด้วย ส่วนถังหลี่ก็จัดการเรื่องต่าง ๆ ทั้งวัน

แต่ตอนนี้…

ถังหลี่รู้สึกหงอยเล็กน้อย

“รอจนกว่าเว่ยฉิงจะกลับมาก่อนดีกว่า”

“เอาล่ะ นี่ก็ผ่านมาเกือบครึ่งปีแล้วเดี๋ยวอาฉิงก็กลับมา”

เว่ยเสี่ยวเถาไม่รู้ว่าเว่ยฉิงไปไหน ถังหลี่บอกนางเพียงว่าเว่ยฉิงไปทำงานและหญิงสาวเชื่อสนิทใจ

เมื่อเสร็จจากพบกับเว่ยเสี่ยวเถาแล้วถังหลี่เดินทางไปยังสำนักศึกษาหงเหวินเพื่อพบอาจารย์กัว ก่อนหน้าที่จะซื้อบ้านหญิงสาวได้มาพบชายชราก่อนแล้ว เขาเองก็สนับสนุนนางเมื่อได้ยินว่าถังหลี่อยากจะย้ายไปอยู่ในเมือง เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยเป็นลูกศิษย์คนโปรดของเขา และแน่นอนอาจารย์กัวรอคอยที่จะได้เห็นวันที่เด็กทั้งสองเติบโต เพียงแค่คิดก็มีความสุข

เป็นเรื่องดีที่ครอบครัวของเด็กทั้งสองคนให้ความสำคัญแก่พวกเขามาก ชายชราเขียนจดหมายแนะนำให้เด็กทั้งสองนำไปยังสำนักศึกษาเหอตง และเขียนเผื่อเอ้อร์เป่าเพื่อยื่นเข้าศึกษาที่นั่นได้โดยตรง

ถังหลี่มาในวันนี้เพื่อบอกลาและขอบคุณสำหรับการดูแลเด็กทั้งสองตลอดมา

“มันเกินพอแล้วสำหรับข้าที่ได้สอนศิษย์ที่ฉลาดอย่างพวกเขา ตอนนี้ข้าเพียงเฝ้ารอถึงวันที่เขาจะมีรายชื่อในประกาศทองคำ เมื่อถึงเวลานั้นเขาเองก็ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ของคนมากพรสวรรค์” อาจารย์กัวกล่าว

ว่ากันตามจริงแล้วความฝันของเขาครั้งนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เขาตื่นมากลางดึกอย่างมีความสุขจนหัวเราะออกมา จนภรรยาทนไม่ไหวตบหน้าอาจารย์กัวจนแก้มบวม

“ทั้งคู่จะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” ถังหลี่กล่าว

เพียงแค่รอเวลาเท่านั้น ชื่อของต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยจะต้องได้อยู่ในประกาศทองคำอย่างแน่นอน คำพูดของหญิงสาวทำให้อาจารย์กัวหัวเราะอย่างถูกใจเป็นเวลานาน