บทที่ 247 จิ่วถิงนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่
ในวันรุ่งขึ้นครอบครัวสกุลเว่ยเดินทางออกจากเมืองเหยาสุ่ยด้วยรถม้า พวกเขาอาศัยอยู่ที่เมืองเหยาสุ่ยมาเป็นเวลาเกือบสองปี เด็ก ๆ จึงลังเลที่ต้องจากเมืองนี้ไปพวกเขาพากันเปิดม่านรถม้ามองออกไปนอกหน้าต่างจนลับสายตา ก่อนจะนั่งลงอย่างเรียบร้อย
“ท่านแม่ ถ้าเราย้ายบ้านไปท่านพ่อจะหาพวกเราเจอหรือ?” ซานเป่ารู้สึกกังวล
“อย่ากังวลเลย พ่อเจ้าก็เหมือนสุนัข เขาดมกลิ่นยังไงก็หาพวกเราจนเจอนั่นแหละ”
เมื่อนึกถึงผู้ชายตัวเหม็นผู้นั้น ถังหลี่อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“ท่านแม่..” ซานเป่ายังคงไม่ยอมแพ้
“ชู่..” เอ้อร์เป่าปรามน้องสาวก่อนจะเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของซานเป่า
“ท่านแม่กำลังคิดถึงท่านพ่ออยู่”
ซานเป่าได้ยินเช่นนั้นจึงรีบปิดปากทันที
ในเวลานี้ท่านพ่อคงกำลังปรากฏตัวอยู่ในความคิดของท่านแม่ หากนางรบกวนมารดา บิดาคงจะวิ่งหนีไปเป็นแน่ เด็กหญิงหลับตาแล้วปล่อยให้บิดาเข้ามาอยู่ในความคิดของนางบ้าง
ในที่สุดก็ถึงบ้านใหม่ของพวกเขา ถังหลี่ออกมาจากรถม้าพร้อมกับเด็ก ๆ ทั้งสี่คน ดวงตาของซานเป่าเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ
“บ้านหลังใหม่ใหญ่มาก!”
กำแพงโดยรอบเป็นสีขาว พื้นปูด้วยหินสีดำ ประตูและเสาทาสีแดงเข้มเมื่อเปิดเข้าไปด้านในจะเจอกับสนามหญ้าขนาดใหญ่ ลานบ้านปูด้วยหินกรวด มีสระน้ำเล็ก ๆ และต้นไม้วางไว้ข้าง ๆ สระ บ้านหลังนี้ใหญ่กว่าบ้านที่เมืองเหยาสุ่ยมาก อีกทั้งเตียงนอนก็มีขนาดใหญ่มากเช่นกัน บ้านหลังใหม่ดึงดูดใจเด็ก ๆ อย่างซานเป่าให้วิ่งไปมารอบ ๆ ด้วยขาสั้น ๆ ของนาง ต้าเป่า สวี่เจวี๋ยและเอ้อร์เป่าเองก็ล้วนมีห้องส่วนตัว
ไม่ใช่ว่าเอ้อร์เป่าไม่เคยอยู่บ้านหลังใหญ่มาก่อน แต่การอาศัยอยู่กับมารดา พี่ชายและน้องสาวทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นบ้านจริง ๆ เป็นสิ่งที่เอ้อร์เป่าเองก็แปลกใจเช่นกัน
ถังหลี่ขอให้จางเฉียนและป้าจ้าวช่วยกันจัดห้องหนังสือ ตำราหนังสือของต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยเองก็วางไว้ในนั้น พวกเขาทั้งสองไม่ต้องอาศัยอยู่แต่ในห้องเพื่ออ่านตำราอีกต่อไป แต่สามารถอยู่ด้วยกันในห้องหนังสือนี้ได้
ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยเข้าไปในห้อง หน้าต่างถูกเปิดออกให้แสงเข้ามาอย่างสว่างไสว ตำราต่าง ๆ วางอยู่บนชั้นหนังสืออย่างเรียบร้อย มีโต๊ะตัวใหญ่และเก้าอี้สองตัวเหมาะแก่การอ่านหนังสือมาก
“นายน้อย ข้าอ่านหนังสือออกเพียงไม่กี่คำเท่านั้นมีความรู้ไม่มากนัก หากตำราบางเล่มวางผิดที่ต้องขออภัยด้วยขอรับ” จางเฉียนกล่าวกับเด็กทั้งสองคน
“ไม่เป็นปัญหา” ต้าเป่ากล่าว
ทั้งสองจัดเรียงตำราด้วยกันอีกครั้ง คืนแรกในบ้านหลังใหม่ทุกคนนอนหลับอย่างสบาย
…
เช้าวันรุ่งขึ้น
หลังจากพวกเขาตื่นแล้ว ทันใดนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ป้าจ้าวเดินไปเปิดประตูพบว่าเป็นหลูหลิงที่ยืนคอยอยู่ด้านนอก เขารีบวิ่งเข้ามาในบ้านทันที
“จื่ออั๋ง สวี่เจวี๋ย พวกเจ้าว่างไหมข้ามีเรื่องดี ๆ มาบอก!” หลูหลิงพูดอย่างตื่นเต้น ต้าเป่าท่าทีสนใจ
“มีอะไรดี ๆ หรือ?”
“ท่านจิ่วถิงมาที่เมืองเหอตง! ตอนนี้เขากำลังบรรยายอยู่ที่จูเซียนจู ข้าจองที่นั่งไว้ให้พวกเจ้าแล้วรีบตามมาเถอะ!” หลูหลิงรีบพูด
“ท่านจิ่วถิง?” ถังหลี่สะดุดใจ
“ใช่แล้วท่านจิ่วถิง เขาเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องมาก ว่ากันว่าเขามาจากกุ่ยกู่เหมิน เป็นศิษย์ของกุ่ยกู่จือ อีกทั้งยังสอนองค์ชายหลายองค์อีกด้วย!” หลูหลิงอธิบาย
ถังหลี่จำได้ว่าในนิยายต้นฉบับจิ่วถิงเป็นคนที่มีอำนาจมาก กุ่ยกู่จื่อมีชีวิตอยู่หลายร้อยปีก่อนดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเป็นศิษย์ของกุ่ยกู่จือ แต่จิ่วถิงก็นับได้ว่าเป็นคนที่สืบเชื้อสายมาจากกุ่ยกู่เหมิน ก็ถือได้ว่าเป็นศิษย์ผู้หนึ่งของกุ่ยกู่เหมินเช่นกัน
กุ่ยกู่เหมินเป็นตระกูลลึกลับที่คาดเดาไม่ได้ อีกทั้งผู้สืบทอดตอนนี้ยังเป็นคนมีอำนาจมากอีกด้วย จิ่วถิงเองก็เข้มงวดในการคัดคนเช่นกัน หากสามารถเป็นศิษย์ของเขาได้ จะต้องได้รับประโยชน์มากมายแน่นอน!
ถ้าต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยสามารถเข้าไปเป็นศิษย์ของจิ่วถิงได้…
บางทีความรู้ของพวกเขาอาจจะพัฒนาไปจนถึงระดับสูงสุดก็เป็นได้!
“ข้าไปด้วย!” ถังหลี่พลอยตื่นเต้นไปด้วย
คำกล่าวของไป๋เสี่ยวเชิงเป็นเรื่องจริง หลูหลิงคงได้ยินข่าวนี้มาตั้งแต่เนิ่น ๆ เมื่อมาถึงพวกถังหลี่จึงได้ที่นั่งดี ๆ และอยู่ใกล้กับท่านจิ่วถิงมาก ในนวนิยายจิ่วถิงเป็นคนลึกลับไม่มีรูปพรรณสันฐานที่บอกไว้อย่างชัดเจน
ถังหลี่เห็นชายวัยกลางคนสวมชุดสีขาวท่าทางอ่อนโยน หน้าตาธรรมดา ถูกรายล้อมด้วยกลุ่มบัณฑิตในเหอตง คนเหล่านั้นให้ความเคารพนบนอบแก่เขามาก
ไม่นานนักหลังจากพวกถังหลี่นั่งลงแล้ว คนที่ทราบข่าวหลายคนพากันมาที่จูเซียนจูจนร้านเริ่มแออัด แม้แต่ด้านนอกก็เต็มไปด้วยผู้คน พวกเขาต่างแย่งกันชะเง้อเขย่งดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นตัวตนที่แท้จริงของท่านจิ่วถิง “วันนี้ข้ามาเมืองเหอตงเพราะอยากสร้างความสัมพันธ์กับพวกท่านทุกคน”
จิ่วถิงกล่าวอารัมภบท
“ที่ข้ามาในวันนี้เพื่อหาคนที่ชะตากำหนดให้มาเป็นลูกศิษย์ของข้า!”
ทันทีที่เขาพูดจบทุกคนพากันตื่นเต้นมาก ท่านจิ่วถิงต้องการรับลูกศิษย์! หากเข้าตาท่านจิ่วถิงล่ะก็ ไม่ต้องไปเรียนที่สำนักศึกษาที่ไหนแล้ว พุ่งทะยานขึ้นท้องฟ้าไปได้เลย!
“ท่านจิ่วถิงมีเกณฑ์ในการรับศิษย์หรือไม่?”
“ท่านรับข้าเป็นศิษย์ได้หรือไม่!”
บัณฑิตรุ่นเยาว์แต่ละคนเริ่มถามเขาทันที จิ่วถิงได้ฟังก็ยิ้มแย้ม
“แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับพรสวรรค์และความรู้ หากมีมากพอที่จะทำให้ข้าสนใจละก็ข้าจะรับคนผู้นั้นเป็นศิษย์!” ถังหลี่และเด็กทั้งสองได้ยินต่างตื่นเต้น
หากเป็นเรื่องของพรสวรรค์และการเรียน สวี่เจวี๋ยและต้าเป่าคือคนที่ได้คะแนนสอบลำดับสูงสุดในการทดสอบรอบนี้ ดังนั้นเด็กน้อยทั้งสองจึงมีแนวโน้มที่ท่านจิ่วถิงจะรับเป็นศิษย์อย่างสูง! บัณฑิตหลายคนมองไปที่สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งด้วยความอิจฉา
“ท่านจิ่วถิงขอรับ ขึ้นอยู่กับผลสอบเซี่ยนชื่อหรือไม่?”
ใครบางคนอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
จิ่วถิงส่ายหัวไปมา
“ไม่จำเป็น ข้ามีวิธีที่จะทดสอบศิษย์ของตัวเองซึ่งต่างจากการสอบเซี่ยนชื่อ”
เมื่อพวกบัณฑิตได้ฟังก็มีความสุข ใช่แล้ว สมกับเป็นท่านจิ่วถิง!
อาจารย์เป็นเพียงผู้ออกข้อสอบเท่านั้น จะเทียบกับท่านจิ่วถิงได้อย่างไร? ผลการทดสอบของเขตใช่ตัววัดความสามารถและพรสวรรค์ของแต่ละคน พวกเขาเริ่มเกิดความหวังขึ้นมา!
“ท่านจิ่วถิง เหตุใดท่านไม่ทดสอบตอนนี้เลยเล่า?”
บัณฑิตหลายคนที่อยู่รายล้อมจิ่วถิงพูดขึ้น ก่อนที่ชายคนนั้นจะชี้ไปยังชายหนุ่มผู้หนึ่งในฝูงชน
“คนผู้นี้คือหลานชายของข้าเอง เขาสอบมาสามรอบแล้ว อายุสิบเก้าปีแม้จะล้มเหลวในการสอบแต่เขาฉลาดมาก มีความรอบรู้ ไม่ใช่เป็นแค่หนอนหนังสือแต่เพียงอย่างเดียว”
จิ่วถิงมองไปที่ชายหนุ่มคนนั้นก่อนจะถามคำถามสองสามข้อ
ชายหนุ่มลังเลในคำตอบ แต่จิ่วถิงเองก็ฟังคำตอบนั้นอย่างอดทนและชมเชยความคิดของเขา ทำให้ชายหนุ่มมีความสุขมาก
จิ่วถิงถามคำถามอีกสองสามคน บางคนมีอาการกระวนกระวาย ในขณะที่บางคนก็มีท่าทีพอใจ
“เว่ยจื่ออั๋งกับสวี่เจวี๋ยเป็นที่หนึ่งและที่สองในการสอบครั้งนี้ ท่านจิ่วถิงจะถามพวกเขาหรือไม่!”
เมื่อมีคนร้องเรียกชื่อของเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยอขึ้นมา พวกเขารีบยืนขึ้นและโค้งคำนับจิ่วถิงด้วยความเคารพ
จิ่วถิงทอดสายตามองพวกเขา
“เอาล่ะข้าจะทดสอบเจ้า เว่ยจื่ออั๋ง ข้าขอถามคำถามเจ้าสักหน่อย…”
หลังจากที่ท่านจิ่วถิงถาม ต้าเป่าก็เปิดปากตอบเขาไปอย่างฉะฉาน เขาพูดชัดเจนด้วยความมั่นใจ แต่ทว่ากลับถูกขัดจังหวะขึ้นมาในระหว่างพูด
“นี่คือคนที่ได้คะแนนสูงสุดหรือ?! เหลวไหล เหลวไหลสิ้นดี! ข้าผิดหวังจริง ๆ แม้จะดูสมเหตุสมผลแต่แท้จริงแล้วเพียงแค่ท่องจำตำราโดยไม่รู้จักการพลิกแพลงเท่านั้น!” จิ่วถิงพูดด้วยความโกรธ
การตำหนิในครั้งนี้ทำให้ต้าเป่านิ่งอึ้งไปทันที
ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวในใจให้รู้สึกหนักหน่วง