ในขณะนี้ฟู้เจียนปอรู้สึกเหมือนโลกกำลังแตกสลาย เหมือนฟ้ากำลังพังทลาย
ตั้งแต่ช่วงนั้นเขาพบว่าไม่น่าแปลกใจเลยทำไมเฉียวโยวโยวถึงมีท่าทีที่เปลี่ยนไปจากเดิม ในเวลานั้นเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแต่คิดว่าเธออยู่ประเทศจีนคนเดียวแล้วอาจจะรู้สึกเหนื่อย
ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลังจากกลับมาที่ประเทศจีนแล้ว เขาเห็นได้ชัดว่าเธอมีท่าทางที่รู้สึกลังเล โดยเฉพาะเรื่องการแต่งงาน ในอดีตเธอเคยเต็มไปด้วยความปิติยินดี แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอกำลังทำภารกิจอยู่เท่านั้น
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอเอ่ยคำบอกเลิกก่อน ไม่ใช่เป็นเพราะเธอตกหลุมรักใครเข้าแล้ว แต่เป็นเพราะเขานอกใจเมื่อสมัยเขาอยู่ต่างประเทศ และความจริงมันถูกเปิดเผยนานแล้ว!
เขาคิดว่าเขาปกปิดมันไว้ได้อย่างดี และคิดว่าหลังจากเลิกกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว ก็เหมือนไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นมาก่อน แต่เขากลับคิดผิดอย่างมหันต์!
ความเป็นจริงแล้วเรื่องบางเรื่องเขาคิดว่ามันจะเป็นไปตามสิ่งที่เขาคิดเอาไว้ แต่สุดท้ายคนที่เขารักมากที่สุดและกลัวสูญเสียไปมากที่สุดกลับรู้ความจริงหมดทุกอย่างแล้ว
ในขณะนี้ ฟู้เจียนปอรู้สึกความตื่นตระหนกอย่างมากซึ่งเขาไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาสบตากับเฉียวโยวโยวที่ดวงตาแดงก่ำ ในเวลานี้คำอธิบายทั้งหมดก็ไร้ประโยชน์ เขารู้เพียงแค่ว่า บางทีครั้งนี้เขาอาจจะเสียเธอไปจริง ๆ!
ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย เมื่อเห็นทั้งสองคนไม่พูดไม่จา เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า: “พวกคุณรู้จักกันเหรอ? พวกคุณน่าจะเป็นเพื่อนบ้านกันใช่ไหม?Leo พี่สาวคนนี้ดีจริง ๆ คุณดูสิเธอผอมขนาดนี้ เธอยังเอาของมากมายขนาดนั้นมาให้กับคุณ ฉันรั้งให้เธออยู่ทานข้าวด้วยกัน แต่เธอบอกว่าเธอยุ่งมาก เธอฝากของไว้ให้แล้วเธอก็รีบจากไปทันที!”
“ไม่ต้องพูดอีกแล้ว!” ฟู้เจียนปอตะโกนใส่ผู้หญิงคนนั้น
ในขณะนี้ เฉียวโยวโยวจ้องมองไปที่เขา จู่ ๆเธอก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เธอพูดอย่างใจเย็นว่า: “เจียนปอ เธอตั้งครรภ์แล้ว และลูกในท้องของเธอเป็นลูกของคุณ คุณตะโกนใส่เธอแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
ฟู้เจียนปอรู้สึกว่าโลกได้ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว
เรื่องราวทั้งหมดเฉียวโยวโยวรู้เรื่องจนหมดแล้ว
ไม่น่าแปลกใจเลย เดิมทีเธอบอกว่าเธอจะไปหาเขา แต่จู่ ๆ เธอก็ไม่ไป ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้ไป แต่เธอจับได้ว่าเขานอกใจเธอต่างหาก!
และในตอนนี้ เธอรู้อีกด้วยว่าเขาทำให้ผู้หญิงคนอื่นท้อง เพราะฉะนั้น……
เขาเอื้อมมือออกไปคว้าเฉียวโยวโยว เขารู้ว่าแม้ว่าเขาจะอธิบายยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว แต่เขาก็ยังพูดอ้อนวอนและขอร้องเธอ: “โยวโยว คุณฟังผมนะ ผมไม่อยาก……”
เมื่อฟู้เจียนปอเรียกชื่อเฉียวโยวโยว ผู้หญิงคนนั้นก็ตกใจ เธอก้าวถอยหลังไปสองก้าว และก้าวพลาดบันไดเกือบจะล้มลงไปแล้ว และเป็นเฉียวโยวโยวที่พยุงตัวเธอเอาไว้
เธอมองไปที่เฉียวโยวโยว เธอยืดอกขึ้นแล้วพูดว่า: “คุณเป็นคู่หมั้นที่Leoกล่าวถึงอยู่ตลอดเวลา? พี่คะ ที่แท้พี่เป็น ……”
เธอพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง: “ไม่น่าแปลกใจในตอนนั้นที่คุณไม่ได้ดูอะไรเลย คุณดูแค่ตู้เสื้อผ้าของเขา และหนังสือของเขา ที่แท้แล้ว……”
“โยวโยว ผมขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง!” ฟู้เจียนปอเอื้อมมือไปกอดเฉียวโยวโยว และร่างกายของเขาก็สั่นเทาอย่างแรง: “โยวโยว อย่าทิ้งผมไปนะ ผมรักคุณจริง ๆ ผมรู้ว่าความผิดของผมไม่สามารถยกโทษให้ได้ อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังอยากขอร้องให้คุณอย่าไปจากผมนะ ผมนึกภาพไม่ออกเลยจริง ๆว่าถ้าชีวิตของผมไม่มีคุณผมจะอยู่ยังไง……”
“ฟู้เจียนปอ” เฉียวโยวโยวไม่ได้ขัดขืน แต่เรียกชื่อของเขาอย่างใจเย็น: “ไม่ว่ายังไงเธอก็ใช้ชีวิตอยู่กับคุณตั้งหลายเดือน ในสายตาเพื่อนร่วมชั้นของคุณ เธอเป็นแฟนของคุณ ตอนนี้เธอตั้งครรภ์แล้ว แต่คุณยังมาดึงรั้นฉันแบบนี้อยู่อีก คุณรู้ไหมว่าพฤติกรรมของคุณแบบนี้ จะทำให้ฉันดูถูกคุณมากยิ่งขึ้นไปอีก!”
ฟู้เจียนปอตัวสั่นอย่างรุนแรง แทบจะยืนต่อไปไม่ไหว
เฉียวโยวโยวพูดอีกครั้ง: “ในเมื่อคุณทำให้เธอตั้งครรภ์แล้ว คุณก็ควรรับผิดชอบอีกหนึ่งชีวิตที่จะลืมตาดูโลก! เมื่อกี้นี้เธอเกือบจะกลิ้งตกลงบันไดแล้วคุณยังไม่คิดจะช่วยเหลือเธอเลย แม้ว่าคุณจะไม่รักเธอ แต่ในตัวเธอนั้นยังมีอยู่อีกหนึ่งชีวิต คุณยังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ไหม?!”
ฟู้เจียนปอส่ายหัว: “โยวโยว ผมแค่กังวลเรื่องคุณมากเกินไป ผมกลัวที่จะเสียคุณไป ดังนั้น……”
“คุณรู้อะไรไหม ?ฉันเลยอายุที่อยากได้ยินคำว่ารักและคิดว่ามันคงเป็นรักชั่วนิจนิรันดร์แล้วล่ะ” เฉียวโยวโยวจ้องมองฟู้เจียนปอ: “ฟู้เจียนปอ อาการป่วยของคุณป้า ฉันจะไม่กระตุ้นให้อาการของคุณป้าแย่ลง ฉันจะหาเวลาไปเยี่ยมคุณป้าเอง ถ้าคุณอยู่ด้วยฉันก็จะพยายามร่วมมือกับคุณให้ดีที่สุด ราวกับว่าเรายังไม่ได้เลิกรากัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันอีกตลอดชีวิต!”
ฟู้เจียนปอรู้จักนิสัยของเฉียวโยวโยวเป็นอย่างดี เธอซื่อสัตย์ต่อความรัก และเธอก็มีความรับผิดชอบมาก ดังนั้น เธอจึงไม่เคยพูดจารุนแรงง่าย ๆ
แต่ตอนนี้ เมื่อเธอมองไปที่เขา เธอพูดอย่างชัดเจนและเด็ดขาด เขารู้ว่าเธอจะไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว!
“โยวโยว คุณจะให้ผมทำยังไงคุณถึงจะยกโทษให้ผม?” ดวงตาของเขาน้ำตาคลอเบ้า เป็นถึงผู้ชายคนหนึ่งแต่กลับมาร้องห่มร้องไห้อยู่ตรงทางเข้าโรงพยาบาล
“มันไม่สำคัญหรอกว่าจะให้อภัยหรือไม่ แต่ต่อจากนี้ไปเราจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้ว” ในขณะที่เฉียวโยวโยวพูดอยู่นั้น เธอก็มองไปยังผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขา: “ดูแลและดีกับผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ คุณเถอะ ท้ายที่สุดแล้ว มันไม่ง่ายเลยสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งใช้ชีวิตอยู่กับคุณมาก็หลายเดือนแต่ไม่มีสถานะอะไรเลย ”
ด้วยเหตุนี้ เฉียวโยวโยวจึงหันกลับไป
ฟู้เจียนปอตื่นตระหนกอย่างมาก เขาเคลื่อนไหวเร็วกว่าการคิด เขาเอื้อมมือออกไปและคว้าแขนของเฉียวโยวโยว
เฉียวโยวโยวรู้สึกเพียงว่าจู่ ๆ ก็มีไฟในหัวใจพุ่งขึ้นมาเพราะพฤติกรรมของเขา เธอหันกลับมายกมือขึ้นและดันมือของเขาออกอย่างแรง!
“ป๊าป!” เสียงตบดังชัดเจนเพราะเฉียวโยวโยวใช้กำลังทั้งหมดของเธอ ทันใดนั้นก็มีรอยนิ้วห้านิ้วบนแก้มของฟู้เจียนปอ
“โยวโยว ถ้าคุณตีผมแล้วสามารถทำให้คุณบรรเทาความโกรธได้ คุณสามารถ……” แววตาของฟู้เจียนปอมองเธอด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจอย่างมาก
“ตบเมื่อกี้นี้ เป็นเพียงการตบที่ทวงคืนความยุติธรรมของฉันที่ตั้งตารอคุณอย่างโง่เขลาตอนที่อยู่ในประเทศ!” เฉียวโยวโยวพูดไปด้วยพร้อมเช็ดมือของเธอแล้วเดินจากไป
เฉียวโยวโยวก้าวไปข้างหน้าจนกระทั่งถึงหน้าประตูโรงพยาบาล จากนั้น เธอเปิดประตูรถของสือมูเฉินแล้วนั่งที่แถวหลังทันที
ไม่ว่าจะเข้มแข็งและอดทนมาขนาดไหน วินาทีที่ประตูถูกปิดน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็ไหลออกมาอย่างท่วมท้น
ถึงยังไงเธอก็ยังรู้สึกลังเล และเธอก็รู้สึกเสียใจ รู้สึกเจ็บปวดใจ พอมองย้อนกลับไปในวัยเยาว์เขาคือรักแรก ยังจำได้ถึงความอ่อนโยนไร้เดียงสา รอยยิ้มที่ทำให้รู้สึกเหมือนเราเป็นคนคนเดียวบนโลก อ้อมกอดแสนอบอุ่นที่ทำให้เรารู้สึกปลอดภัย ทุกอย่างที่เราเคยมีมันจบสิ้นหมดแล้วตอนนี้
หลานเสี่ยวถางรู้ดีว่าความเจ็บปวดบาดแผลทางใจคือเราต้องให้เวลากับมันเพื่อรักษาบาดแผลนั้นให้หายสนิทด้วยตัวเราเอง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่นั่งข้าง ๆ เฉียวโยวโยวและยื่นกระดาษทิชชู่ให้เธอและโอบกอดของเธอไว้เท่านั้น
เฉียวโยวโยวกอดหลานเสี่ยวถางแน่นและร้องไห้ฟูมฟายเสียงดัง
ด้านหน้ารถ สือมูเฉินสตาร์ทรถแล้วขับไปยังคฤหาสน์หนิงเจียงที่เพิ่งซื้อใหม่หลังนั้น
เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ด้วยเหตุนี้เฉียวโยวโยวจึงไม่อยากเห็นหน้าฟู้เจียนปออีก ดังนั้นเธอจึงมอบกุญแจให้กับสือมูเฉิน และสือมูเฉินก็ได้ส่งคนไปเก็บสัมภาระที่บ้านเช่าของเธอและเช็คเอาท์ทันที
ณ เวลานี้เธอยังไม่มีที่พักอาศัย คฤหาสน์ใหญ่โตขนาดนั้นและไม่มีใครพักอาศัยอยู่ คนนอกไม่สามารถเข้าได้ง่าย ๆ อีกทั้งเธอจะได้ไม่ถูกใครรบกวน
นอกจากนี้ หลานเสี่ยวถางกำลังตั้งครรภ์ และต้องการการพักฟื้น ทางฝั่งโน่นมีต้นไม้เขียวขจีและมีอากาศที่บริสุทธิ์ อีกทั้งยังเหมาะสำหรับการพักผ่อนอีกด้วย
ดังนั้นสือมูเฉินและหลานเสี่ยวถางจึงปรึกษาหารือกัน และวางแผนว่าช่วงนี้จะพักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หนิงเจียงแห่งนี้
ในตอนเย็น ผู้ช่วยของสือมูเฉินขับรถตู้นำสัมภาระของเฉียวโยวโยวมาส่ง
ทันทีที่ถึงหน้าประตูคฤหาสน์ ก็เห็นฟู่สีเกอขับรถเข้ามาในเขตคฤหาสน์ด้วยเช่นกัน
ในเขตคฤหาสน์น้อยมากที่จะมีรถตู้ขับเข้ามา ดังนั้นฟู่สีเกอจึงเหลือบดูเป็นพิเศษ และพบว่าข้างคนขับเป็นผู้ช่วยของสือมูเฉิน
ดังนั้นเขาจึงหยุดรถและถามว่า: “เสี่ยวหู นี่กำลังขนอะไรให้อาเฉินเหรอ?”
เมื่อผู้ช่วยเสี่ยวหูเห็นว่าเป็นฟู่สีเกอ เขาจึงทักทายแล้วพูดว่า: “มันไม่ใช่ของท่านประธานสือหรอกครับ เป็นสัมภาระของเพื่อนคุณผู้หญิงครับ”
“เพื่อนของเสี่ยวถาง?” ฟู่สีเกอผงะไปครู่หนึ่ง: “ชื่ออะไรเหรอ?”
“คุณเฉียวครับ ไม่รู้ว่าคุณฟู่รู้จักเธอหรือไม่” ผู้ช่วยกล่าวว่า: “สัมภาระของเธอถูกย้ายมาที่นี่ และเธอจะพักอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ของคุณสือสักระยะหนึ่งครับ ท่านประธานสือและคุณผู้หญิงก็วางแผนไว้ว่าจะมาพักอาศัยอยู่ที่นี่เร็ว ๆนี้เช่นกันครับ”
ฟู่สีเกอกะพริบตา เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ทำให้เขาตกตะลึงอยู่ไม่น้อย
เมื่อเห็นว่าข้างหลังก็มีรถขับผ่านมา เขาจึงโบกมือให้กับเสี่ยวหู: “เสี่ยวหู คุณไปทำงานก่อนเถอะ เมื่อผมมีเวลาเดี๋ยวผมจะไปเยี่ยมอาเฉินในภายหลังเอง”
เสี่ยวหูพยักหน้าและโบกมือให้ฟู่สีเกออย่างสุภาพ โดยขอให้คนขับรถนำของไปส่งที่คฤหาสน์ของสือมูเฉินโดยตรง
เมื่อได้ยินของถูกนำมาส่งแล้ว เฉียวโยวโยวและหลานเสี่ยวถางก็ลุกขึ้นพร้อมกันและรีบเดินออกไปดู
เฉียวโยวโยวไม่ได้มีของมากมายนัก แต่เนื่องจากมีกู่เจิง และขนาดของกู่เจิงค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นมันจึงถูกขนส่งโดยรถตู้
คนขับได้จัดการย้ายทุกอย่างไปที่ห้องนอนของเฉียวโยวโยว และผู้ช่วยเสี่ยวหูขอบคุณคนขับรถ จากนั้นก็ลงไปชั้นล่างและพูดคุยกับสือมูเฉินเกี่ยวกับเรื่องงานสองสามเรื่อง
เนื่องจากเสี่ยวหูช่วยจัดของในห้องของเฉียวโยวโยว เฉียวโยวโยวจึงรู้สึกขอบคุณมาก ดังนั้นเธอจึงเลือกของฝากที่คุณแม่ของเธอส่งมาให้และนำลงไปเพื่อให้เขา
ทันทีที่เธอเดินไปที่โซฟา ก็ได้ยินเสี่ยวหูพูดว่า: “ท่านประธานสือครับ เมื่อกี้นี้ผมเจอคุณฟู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ครับ เขาถามผมว่าผมขนอะไรมา ผมจึงตอบว่าเป็นของคุณเฉียวครับ จากนั้นจึงบอกเขาไปอีกว่าต่อไปนี้คุณและคุณผู้หญิงจะมาพักอาศัยที่คฤหาสน์แห่งนี้ครับ”
สือมูเฉินพยักหน้าและมองดูเวลา: “เดี๋ยวผมจะถามสีเกอเองว่าจะทานข้าวด้วยกันไหม”
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นเฉียวโยวโยวกำลังเดินมา ดังนั้นเขาจึงถามอีกครั้งว่า: “โยวโยว มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
ก่อนอื่นเฉียวโยวโยวกล่าวขอบคุณสือมูเฉินก่อน แล้วจึงรีบไปหาเสี่ยวหู: “พี่หูคะ วันนี้รบกวนจริง ๆที่ช่วยฉันย้ายบ้าน นี่คือของฝากที่คุณแม่ของฉันออกไปทำธุรกิจแล้วซื้อมาฝากค่ะ มันไม่ได้มีราคาอะไรมากมาย น้ำใจเล็ก ๆน้อย ๆนี้พี่ลองเอากลับไปชิมดูหน่อยนะคะ!”
เสี่ยวหูพูดด้วยความเกรงใจ จากนั้นเขาจึงรับของนั้นมา
ในเวลานี้ สือมูเฉินโทรหาฟู่สีเกอ: “สีเกอ นี่นายอยู่ที่คฤหาสน์หนิงเจียงหรือเปล่า?อยู่คนเดียวหรือเปล่า?ถ้าหากอยู่คนเดียวแล้วล่ะก็คืนนี้มาทานข้าวด้วยกันไหม!”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนฟู่สีเกอก็จะมาทันที แต่คืนนี้คุณพ่อและคุณแม่ของเขากำลังจะมา และไม่รู้ว่าพวกเขาจะพูดอะไรกับเขา ดังนั้นเขาจึงพูดว่า: “อาเฉิน ไว้วันหลังแล้วกันนะ คืนนี้ฉันมีธุระนิดหน่อย วันหลังค่อยรวมตัวใหม่แล้วกันนะ”
“โอเค” สือมูเฉินกล่าว:“ประจวบเหมาะเสี่ยวถางตั้งครรภ์พอดี เราไม่สามารถทานอาหารแสลงได้ ถ้านายมานายก็ไม่ชินกับอาหารแบบนี้อยู่ดี ”
“อะไรนะ เสี่ยวถางกำลังตั้งครรภ์อยู่?” ฟู่สีเกอลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความตื่นเต้น: “อาเฉิน ทำไมนายถึงไม่บอกฉันล่ะ?! กล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่นายกำลังจะเป็นพ่อคนแล้วสิ?”
มุมปากของสือมูเฉินยกขึ้น: “ใช่สิ แต่ในช่วงสามเดือนแรกอาการยังไม่คงที่ ดังนั้นจึงต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ต่อไปนี้เราก็จะพักอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ถ้านายว่างเมื่อไหร่นายก็มาเที่ยวหาได้ตลอดเวลาเลยนะ ”
“เอาล่ะ วันหลังฉันจะไปเยี่ยมพี่สะใภ้อย่างแน่นอน!” ฟู่สีเกอกล่าว