บทที่ 268 ทำไมกลายเป็นท่าน?
บทที่ 268 ทำไมกลายเป็นท่าน?
บรรยากาศในห้องโถงใหญ่เงียบสนิททันที
สีหน้าชิงลั่วเยี่ยนที่คงความสง่างามไว้ตลอดพลันเปลี่ยนเป็นแข็งค้าง
ส่วนจูเก่อฉงที่ทำหน้าเหยียดก็ชะงักไปอึดใจหนึ่งเช่นเดียวกัน
ปีศาจน้อยรู้สึกมาก่อนหน้าแล้วว่ามีเรื่องผิดปกติ เมื่อเห็นการกระทำของโหลวจวินเหยา เขาจึงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดในพลัน
เด็กสาวคนนี้….. หรือจะเป็นคนที่มาจากแดนต่ำ คนที่อยู่ในใจโหลวจวินเหยาตลอดเวลา คนที่ทำให้อีกฝ่ายยอมกระทำขัดกับหลักการตนอยู่หลายครั้งกระมัง?
หากเป็นเช่นนั้น เรื่องก็จะสมเหตุสมผลขึ้นมาทันที
ตอนนางเดินเข้ามาข้าง ๆ ก่อนเอ่ยคำพูดแสดงความรักใคร่เช่นนั้นออกมา เท่าที่เขาเข้าใจคนบางคน มีหรือที่อีกฝ่ายจะไม่มีปฏิกิริยาใด? เรื่องเมื่อครั้งที่เขาจัดการกับสตรีนางหนึ่งอย่างโหดร้ายเมื่อครานั้น ทำให้สตรีทั้งหลายไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบมองเขาอยู่นานทีเดียว
เห็นว่าเด็กสาวยังอยู่ดีมีสุข เขาจึงสรุปได้ว่าคงมีอะไรมากกว่าที่ตาเห็นกระมัง
ทว่า…..
ปีศาจน้อยมองชายด้านข้างแปลก ๆ ก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายจับมือเด็กสาวไว้แน่น ราวกับจะแสดงว่าตนมีสิทธิ์ครองนางเพียงคนเดียว
เด็กสาวคงพยายามดึงมือกลับแล้ว ทว่าเมื่อคนบางคนปักใจแล้วก็เปลี่ยนได้ยากนัก ดังนั้นไม่ว่านางจะใช้แรงต่อต้านมากมายเท่าไรก็ไม่อาจหลุดออกจากกรงเล็บนั้นได้ สีหน้านางทั้งประหลาดใจทั้งจนใจ ทั้งยังเริ่มฉายแววโกรธอีกต่างหาก
มุมปากปีศาจน้อยยกขึ้นเล็กน้อย มองบุรุษข้าง ๆ ด้วยสายตารู้เท่าทัน
อืม….. น่าสนใจ
ชั่วเวลาหลายอึดใจผ่านไป ชิงลั่วเยี่ยนจึงเอ่ยคำขึ้นทำลายความเงียบงันอันน่าอึดอัด นางหรี่ตาลงน้อย ๆ มองมือชิงอวี่ที่ถูกโหลวจวินเหยากุมไว้ จากนั้นก็คลายคิ้วที่ขมวดอยู่แล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “หากผู้ชายตัวโตเช่นพวกเจ้าอยากแข่งขันกัน ไยต้องลากผู้ช่วยน้อยของข้าเข้าไปเกี่ยว? อย่าทำให้นางกลัวไปมากกว่านี้เลย จอมมารปล่อยนางเถอะ ไม่เห็นหรือว่านางถูกแกล้งจนแทบจะร้องไห้เต็มทีแล้ว?”
โหลวจวินเหยาได้ยินแล้วก็คลายมือ เพิ่งจะปล่อยมือไป ที่หลังก็พลันรู้สึกเจ็บด้วยถูกหยิกอย่างโหดเหี้ยม เกือบคงสีหน้ายิ้มไม่ใส่ใจโลกไว้ไม่ได้ทีเดียว
คนตัวเล็กโจมตีรุนแรงนัก เดี๋ยวนางจะได้เห็นกันว่าคืนนี้เขาจะจัดการนางอย่างไร
ชิงอวี่เดินก้มหน้ากลับไปอยู่ข้างชิงลั่วเยี่ยน ไม่เอ่ยคำใด เห็นแล้วชิงลั่วเยี่ยนจึงเงยหน้าขึ้นน้อย ๆ น้ำเสียงจนใจอยู่บ้าง “เป็นอย่างไร? เสียใจงั้นหรือ? บอกเจ้าแล้วว่าจอมมารไม่เหมือนบุรุษคนอื่น เขาไม่กระทั่งรักษามารยาทกับเจ้าอารามอย่างข้าด้วยซ้ำ คงรู้แล้วว่าต้องยอมแพ้ใช่หรือไม่?”
ชิงลั่วเยี่ยนคิดว่าการกระทำแปลกประหลาดของโหลวจวินเหยานั้น ทำไปเพียงเพราะต้องการยั่วโมโหจูเก่อฉง ไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงอะไร เพราะอย่างไรการที่จู่ ๆ เขาจะเกิดสนใจสตรีขึ้นมาก็คงน่าขันเกินไป
แต่ที่นางไม่รู้คือคนทั้งคู่รู้จักกันมานานแล้วเมื่อครั้งอยู่แดนต่ำ อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกว่าที่นางคิดไว้มาก
ชิงอวี่มีท่าทีอย่างที่นางคิดไว้ เด็กสาวดูผิดหวังเสียใจ “ข้าเพียงเพ้อฝันไปเองเท่านั้น ขอท่านเจ้าอารามจงเมตตา อภัยที่ข้ากระทำการข้ามเส้น”
ในสายตาชิงลั่วเยี่ยน ชิงอวี่เป็นเพียงแม่นางที่ดูลึกลับและฉลาดเฉลียวกว่าคนอื่นนิดหน่อยก็เท่านั้น
ทว่าเด็กสาวคนนี้ก็มีฝีมือเป็นเอกลักษณ์ ทำให้นางชื่นชมไม่น้อย
แต่นางยังเด็กนัก เป็นเพียงเด็กสาวที่เพิ่งจะเริ่มผลิบาน อารมณ์โหยหาในรักเพิ่งจะเป็นดอกตูม ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีความคิดเพ้อฝันเช่นเด็กสาว ชิงลั่วเยี่ยนชื่นชอบคนมีความสามารถมาแต่ไหนแต่ไร นางย่อมไม่เก็บเอามาใส่ใจ
คิดได้ดังนั้น ชิงลั่วเยี่ยนจึงหัวเราะ “ไม่เป็นไร เจ้าอารามอย่างข้าชอบคนมีความตั้งใจ”
ว่าแล้วนัยน์ตาเจ้าเสน่ห์ของชิงลั่วเยี่ยนก็หันมองโหลวจวินเหยาทำเป็นโกรธ “เห็นหรือไม่ว่าทำอะไรลงไป? เจ้าทำร้ายหัวใจผู้ช่วยตัวน้อยของข้าเสียแล้ว”
จูเก่อฉงได้ยินจึงรีบเอ่ยคำทันที “ท่านจอมมารไม่รู้จักถนอมของล้ำค่า เจ้ายังมีข้าอยู่! คนงามตัวน้อย เจ้าอย่าได้มองแต่หน้าตาคนเลย ถึงข้าจะไม่หล่อเหลาเท่าเขา แต่ข้าก็รู้จักรักทะนุถนอมสตรีกว่าเขามาก! ไยไม่ลองหันมาชอบข้าบ้างเล่า?”
จูเก่อฉงยังไม่ยอมแพ้ ด้วยในสายตาเขา สมบัติเช่นนี้คงไม่อาจพบเจอได้อีก หากพลาดโอกาสไปก็คงไม่มีอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงพยายามเกลี้ยกล่อมนางก่อนเป็นอันดับแรก
เมื่อจูเก่อฉงเอ่ยเช่นนั้น ปีศาจน้อยก็พลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่พยายามกดข่มไว้ของคนข้าง ๆ มันเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นจนแทบเยือกแข็งทีเดียว
ได้แต่อดสงสารจูเก่อฉงอยู่ในใจไม่ได้
นายท่านไม่เคยเอาเรื่องยามจูเก่อฉงทรยศแคว้นมาร ไม่เคยไประรานพวกเขา เพราะคนอย่างจูเก่อฉงไม่ควรค่าแก่ความสนใจด้วยซ้ำ แต่กลับทำให้นายท่านสนใจเพราะแรงหึงหวงเช่นนี้ นับว่าจูเก่อฉงติดป้ายสังหารให้กลางหน้าผากตนเองเสียแล้ว
หากวันใดวันหนึ่งจูเก่อฉงเกิดตายกะทันหันขึ้นมา ก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองตายได้อย่างไร
ชิงอวี่ได้ยินคำที่เต็มไปด้วยความสิเน่หาของจูเก่อฉงแล้ว ในท้องพลันปั่นป่วน เริ่มรู้สึกคลื่นเหียน ขมับนางเต้นตุบ แอบชำเลืองไปทางโหลวจวินเหยาคราหนึ่ง
มองไปแค่แวบเดียว….. เยี่ยมไปเลย….. รู้สึกได้เลยว่าคืนนี้นางคงไม่รอดแน่
ก่อนหน้านี้ที่ถูกลูบมือ ก็ทำให้คนขี้หวงคนนี้ไม่พอใจอย่างใหญ่หลวงแล้ว แล้วเจ้าบัดซบจูเก่อฉงดูท่าจะไม่อยากตายดี ยังตามตอแยนางไม่เลิกราจนกว่าจะเอาชนะใจนางได้
โชคดีที่ชิงลั่วเยี่ยนเข้าใจชิงอวี่อย่างหาได้ยาก นางยิ้มให้จูเก่อฉงแล้วเอ่ย “ข้าว่าหัวหน้าสมาพันธ์จูเก่อไม่ควรกดดันนาง อวี่ชิงอย่างไรก็เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของข้า หากเป็นคนอื่นยังคุยกันได้ แต่แม่นางน้อยคนนี้….. ข้ามอบนางให้ไม่ได้จริง ๆ”
แค่เรื่องที่หากชิงอวี่ไปแล้ว โรคนอนไม่หลับของนางจะกลับมา นางยิ่งเห็นค่าชิงอวี่มากขึ้นกว่าอะไร
ในเมื่อชิงลั่วเยี่ยนปฏิเสธไปแล้ว อีกทั้งนางยังออกปากเอง จูเก่อฉงย่อมรู้ว่าไม่อาจยื้อเรื่องได้ต่อ ดังนั้นจึงได้แต่ส่งสายตานักล่าไปทางชิงอวี่ ก่อนถอนหายใจยอมจำนน “น่าเสียดายนัก…..”
ของหายากโดยแท้ ไม่ว่าจะหน้าตาหรือนิสัย แม่นางน้อยก็มีตรงกับความชอบเขาทุกประการ หากเขาได้นางมาจริง ๆ ก็เป็นไปได้ว่าเขาอาจไม่กล้าหักใจแตะต้องนางด้วยซ้ำ!
แต่แน่นอนว่าเขาต้องไว้หน้าชิงลั่วเยี่ยน ดังนั้นจึงได้แต่ล้มเลิกความคิดไป
ชิงลั่วเยี่ยนจึงยกมือขึ้นโบกเบา ๆ ชิงอวี่ ก้มศีรษะลง ก่อนจะเดินถอยออกจากห้องโถงไป
นางออกไปได้ไม่นาน คนหน้าตาไม่โดดเด่นข้างกายจูเก่อฉงที่นั่งเงียบมาตลอดก็ออกไปเช่นกัน
เมื่อเห็นดังนั้น โหลวจวินเหยาก็นัยน์ตาทะมึนลงเล็กน้อย นัยน์ตาสีม่วงราวกับมีแววบางอย่างวาดผ่าน พริบตาต่อมา เสียงอ่อนโยนก็เอ่ยขึ้น “ตอนนี้เราคุยเรื่องจริงจังกันได้แล้ว”
“ข้าว่า ข้าพอเดาออกว่าจอมมารจะคุยเรื่องอะไร” ชิงลั่วเยี่ยนว่า นางเหยียดร่างนอนท่าทางเกียจคร้านอยู่บนแท่นกว้าง นัยน์ตาเย้ายวนหรี่ลงน้อย ๆ “เรื่องยอดเขาใจสงบกระมัง?”
—————————————–
“มีคนติดตามเจ้ามา”
ชื่อเยว่ที่หลบอยู่ในมิติส่วนตัวของชิงอวี่พลันเอ่ย “เป็นคนจากสมาพันธ์นักล่า”
ชิงอวี่ก้าวย่างแผ่วเบาไม่รีบร้อน ยังมุ่งหน้าเดินต่อไป ไม่หันกลับไปมอง ราวกับไม่รู้เรื่องรู้ราว นางได้ยินแล้วก็ตอบเสียงเบา “ข้ารู้ว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ข้าไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร”
“หึ คนจากสมาพันธ์นักล่าไม่ซื่อตรงหรือมีเกียรติมากมายนัก ท่านเห็นจูเก่อฉงแล้วนี่ คนต่ำช้าน่ารังเกียจที่ใคร่ในสตรีอยู่ทุกเวลา เขาชอบทดลองและค้นคว้าผลของพิษกับเด็กสาว ๆ ปลิดชีพคนบริสุทธิ์ไปมากมาย หากวันนี้เขาขอคนอื่นไป นางก็คงไม่รอดไปจากกรงเล็บปีศาจของเขา” ชื่อเยว่เอ่ยเสียงเย็น เต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์
ชิงอวี่ยิ้มเอ่ย “ท่านไม่ต้องโกรธหรอก หมองใจเพราะคนต่ำช้าเช่นนั้นหาคุ้มค่าไม่ วันนี้เขายังมีชีวิตอยู่ต่อได้ชั่วคราว ต่อไปต้องรับผลกรรมที่เคยกระทำไว้แน่นอน”
ฝีเท้านางเร่งให้เร็วขึ้นเล็กน้อย กระทั่งใช้วิชาเร่งความเร็วจนคนที่แอบตามมาเดินตามไม่ทันอยู่ชั่วขณะ
คนผู้นั้นจึงตัดสินใจไม่ปิดบังตนอีก เผยกายออกใสทันใด ฝีเท้ามั่นคง ใกล้เป้าหมายเข้ามาเรื่อย ๆ
ชิงอวี่ยกยิ้มเหยียด นางพลันหยุดฝีเท้าตอนที่เขาตามทันพอดิบพอดี นางสะบัดมือไปด้านหลัง เข็มทองคมกริบที่ปลายนิ้วเกือบจะแทงลงลำคออีกฝ่ายอยู่รอมร่อ
เข็มที่จ่อปลายคอนั้นไม่ธรรมดา นางสกัดพิษมาจากแมลงที่นางจับได้ในอารามเมื่อหลายวันก่อน
เพียงหยดหนึ่งก็ทำให้คนตัวโตเลือดออกทวารทั้งเจ็ด สังหารได้ในพริบตา นับว่าเป็นพิษร้ายเหลือคณา
เข็มพิษจ่อตรงจุดสำคัญเช่นนี้ น่าแปลกที่เขาไม่คิดต่อต้านขัดขืน ใบหน้าสงบอย่างน่าประหลาดเพียงแต่ดูตื่นเต้น จับจ้องชิงอวี่ไม่วางตา
ชิงอวี่มุ่นคิ้วเอ่ยคำ “ตามข้ามาทำไม? ท่านเจ้าอารามก็ปฏิเสธเจ้านายเจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือ? เอาชนะเปิดเผยไม่ได้ เลยคิดจะใช้วิธีหมาลอบกัด บังคับเอาตัวข้าไปหรือ?!”
อีกฝ่ายขยับริมฝีปาก ราวกับอยากพูด แต่ถูกเสียงแข็งของนางดักไว้ “ข้าจะบอกอะไรให้ อย่าลงมือผลีผลามดีกว่า ไม่เช่นนั้นจะเอาชีวิตมาทิ้งเสียเปล่า ข้าไม่ใช่คนที่คนอย่างจูเก่อฉงจะมาจินตนาการอะไรหรือคิดจะเป็นศัตรูด้วยได้!”
“เขาย่อมไม่คู่ควรกับเจ้า ไม่ควรมีความคิดใด ๆ ต่อเจ้าจริง ๆ”
น้ำเสียงใสไพเราะน่าฟัง ตัดกับใบหน้าธรรมดาเช่นนี้ ทำให้ดูประหลาดอยู่บ้าง
เสียงนี้….. นางเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนนะ?
น้ำเสียงเขาทะมึนลงเล็กน้อย ราวกับกำลังใคร่ครวญบางอย่าง คิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ยกมือขึ้นมาข้างใบหน้า ก่อนเสียงเหมือนอะไรถูกฉีกจะดังขึ้น ราวกับกำลังดึงอะไรบางอย่างออกจากใบหน้า
ชิงอวี่ยืนอึ้งเมื่อเห็นใบหน้าไร้ความโดดเด่นไม่คุ้นตา พลันเปลี่ยนเป็นคนละคน
ใบหน้างดงาม พร้อมด้วยนัยน์ตากระจ่างแฉลบขึ้น ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนที่เม้มเข้าหากัน ดูหล่อเหลาทว่าเย็นชาเล็กน้อย มีบุปผาสีดำขนาดเท่าเล็บนิ้วมือประดับอยู่มุมตาซ้าย
เขาเป็นคนผ่านทาง ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอหน้ากันอีก แต่ครั้งนี้กลับพบหน้ากันเป็นครั้งที่สามแล้ว
พบกันครั้งนี้ ตัวตนของเขาดูจะซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
ชิงอวี่เผยนัยน์ตาประหลาดไม่อาจอธิบายได้ นางค่อย ๆ เก็บมือกลับมา เผยริมฝีปากเรียกชื่อไม่คุ้นเคยออกมา
“ซีจ้านเฉิน…..”
“ทำไมท่าน….. มาอยู่นี่ได้?”
มาปรากฏตัวในอีกตัวตนที่นี่ได้ ทั้งยังมาในใบหน้าไม่คุ้นตานั่นอีก
นับตั้งแต่เรื่องเมื่อครั้งปราการเมฆาคล้อยในหุบเขาไร้กังวล เมื่อหลายเดือนก่อน นางก็ไม่ได้เห็นเขาอีก ทั้งยังไม่ได้ยินข่าวคราวใด ๆ อีกเลย