บทที่ 267 ฉวยโอกาสชัดเจน
บทที่ 267 ฉวยโอกาสชัดเจน
“ท่านเจ้าอารามคงล้อเล่นเป็นแน่ ข้าย่อมมาหาท่าน แต่ก็คิดว่ามาเพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญไปพร้อมกันด้วยเลย” โหลวจวินเหยาว่าพลางหัวเราะ นัยน์ตาสีม่วงน่ามองราวกับมีหมอกหนาปกคลุม ทำให้ไม่อาจล้วงรู้ความคิดได้
ชิงลั่วเยี่ยนสีหน้าไม่เปลี่ยน นางยกมือขึ้นพร้อมกับคลี่ยิ้มมีเสน่ห์ร้อนแรง “ทานอาหารเสร็จค่อยคุยเรื่องเครียดก็ได้กระมัง? พวกเจ้าเดินทางมาไกล ปล่อยให้แขกคุยกันไม่เลี้ยงอาหารไม่ใช่วิธีการต้องรับแขกของอารามศักดิ์สิทธิ์”
“อวี่ชิง เริ่มงานเลี้ยงได้!”
“เจ้าค่ะ ท่านเจ้าอาราม” ชิงอวี่ก้มหัวรับคำ ก่อนจะเดินออกจากห้องโถงใหญ่ไปเรียกผู้ช่วยหญิงที่ยืนรออยู่ด้านนอก
จูเก่อฉงจ้องตามชิงอวี่ไป จากนั้นหันมามองร่างโค้งงดงามของหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามา เขาเอ่ยชมขึ้นไม่ได้ “อารามศักดิ์สิทธิ์เลี้ยงดูคนได้ดีจริง ๆ ไม่เพียงท่านเจ้าอารามที่งามสะดุดตา ผู้ช่วยทั้งหลายของท่านยังมีเสน่ห์ราวกับนางสวรรค์ งดงามจับสายตาจริง!”
“ฮ่า ๆ หัวหน้าสมาพันธ์จูเก่อปากหวานจริง!” ชิงลั่วเยี่ยนหัวเราะเสียงเบา “พวกนางคนใดต้องตาเจ้าหรือไม่? หากชอบ ข้าก็มอบพวกนางสักสองสามคนเป็นของขวัญให้ได้”
จูเก่อฉงโหดเหี้ยมไร้ความปรานี แต่แม้จะหน้าตาดี เขาก็ยังมีจุดอ่อนที่บุรุษหลาย ๆ คนมี นั่นคือความหลงใหลในโลกีย์
แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ที่หลงสตรีงามจนโงหัวไม่ขึ้น ที่เขาชอบที่สุดหลังจากเชยชมเนื้อนุ่มของนวลนางนั้น คือการได้ทดลองยาพิษและคำสาปต่าง ๆ บนร่างพวกนางต่างหาก
บังเอิญว่าเป็นวิธีที่ตรงกันกับวิถีชั่วร้ายของอารามศักดิ์สิทธิ์มาก
ชิงลั่วเยี่ยนว่ามาเช่นนั้น จูเก่อฉงก็นัยน์ตาฉายแววทะมึน หัวเราะชั่วร้ายออกมา “เช่นนั้นข้าจะไม่ปฏิเสธความเมตตาของท่านเจ้าอาราม”
โหลวจวินเหยาได้ยินแล้วก็เหยียดปากเล็กน้อย ไม่คิดสนใจกับเรื่องสกปรกพรรค์นั้น
เมื่ออาหารถูกยกมาหมดแล้ว ชิงลั่วเยี่ยนจึงโบกมือไล่ผู้ช่วยทั้งหลายออกไป เหลือเพียงชิงอวี่ที่คอยรับใช้ด้านข้าง
ด้วยใบหน้ารูปโฉมงดงามเป็นพิเศษของนาง แม้จะสวมชุดธรรมดา ไม่ได้แต้มชาดประแป้ง แต่ความสง่างามที่แผ่ออกมาก็ทำให้แตกต่างจากคนอื่น ๆ ทุกคนที่นั่งอยู่ภายในห้องโถงต่างจับสังเกตนั้นได้
ให้ผู้ช่วยคนอื่น ๆ ออกไป เหลือนางไว้ข้างกายชิงลั่วเยี่ยนเพียงคนเดียวเช่นนี้ ดูท่าชิงอวี่จะเป็นคนที่ชิงลั่วเยี่ยนไว้ใจ
จูเก่อฉงได้เห็นแล้วยิ่งสนใจ เมื่อตอนถูกโหลวจวินเหยาพูดเยาะ เด็กสาวคนนี้กล้ากระทั่งหัวเราะออกมา แต่เมื่อครู่เขาโกรธนักจึงไม่ได้สนใจนางมาก
ตอนนี้มองดูให้ดีจึงเห็นว่านางมีรูปโฉมงดงาม หากแต่งตัวอีกสักหน่อยก็คงไม่แพ้โฉมสะคราญแห่งแดนเมฆาสวรรค์อย่างชิงลั่วเยี่ยนสักเท่าไร
โดยเฉพาะที่เด็กสาวหน้าตาเย้ายวนเช่นนี้ แต่ก็ยังมีกลิ่นอายสูงส่งเย่อหยิ่ง ทำให้เหมือนไกลเกินเอื้อมไปสักนิด เป็นความรู้สึกราวกับนางเล่นตัวเช่นนั้นที่ถูกใจจูเก่อฉงนัก
เป็นตอนชิงอวี่เข้ามารินเหล้าให้จูเก่อฉง ใบหน้าเขาทะมึนลงเล็กน้อย
ก่อนที่มือใหญ่จะฉวยโอกาสเอื้อมออกไปกุมหลังมือเด็กสาวที่กำลังถือขวดเหล้าไว้ ความรู้สึกเย็นเฉียบน้อย ๆ ส่งผลให้เขาลูบหลังมือนั้นเบา ๆ
ชิงอวี่มุ่นคิ้ว ดึงมือกลับแทบจะทันที ขวดเหล้าร่วงลงแตกเพล้ง เหล้าบางส่วนกระเซ็นเลอะชุดจูเก่อฉง
ผู้คนในห้องโถงใหญ่ เผยสีหน้าแตกต่างกันออกไป
โหลวจวินเหยามองตามจิ้งจอกน้อยอยู่ตลอด ย่อมต้องเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่
กลิ่นอายของชายหนุ่มที่มักมีรอยยิ้มไม่สนโลกประดับอยู่บนหน้า พลันเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงน่าอึดอัด ปีศาจน้อยที่อยู่ใกล้ที่สุดเป็นคนแรกที่รู้สึกผิดปกติ อดหันไปมองด้วยนัยน์ตาประหลาดใจไม่ได้
เกิดอะไรขึ้น?
ส่วนจูเก่อฉงที่เหล้าหกเลอะชุด หากเป็นคนอื่น ไม่ว่าจะจงใจหรือไม่ เขาคงไม่ยอมปล่อยไปโดยง่าย แต่ในเมื่อเป็นฝีมือโฉมงามหายากเช่นนาง เขาย่อมไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อย
เห็นสีหน้าเรียบเฉยของนางแล้ว จูเก่อฉงยิ่งกดรอยยิ้มลึก น้ำเสียงยามเอ่ยอ่อนโยนห่วงใยเป็นยิ่งนัก “มีอะไรหรือแม่นางน้อย? เจ้าต้องระวังหน่อย ดีที่ครั้งนี้เป็นเหล้า หากเป็นน้ำร้อนแล้วเจ้าถูกลวกเข้า ผิวสวย ๆ เจ้าคงได้รับบาดเจ็บ กลายเป็นภาพน่าปวดใจได้!?”
ชิงอวี่ได้ยินแล้วก็ส่งสายตาไร้อารมณ์ให้ “ขอบคุณหัวหน้าสมาพันธ์จูเก่อที่เป็นห่วง แต่ขออย่าได้บุ่มบ่ามแตะต้องข้าเช่นนั้นอีก หากติดอะไรแปลก ๆ ไปคงไม่ดี”
เขากล้าฉวยโอกาสแตะตัวนางหรือ? หึ ๆ สงสัยจะอยากตายก่อนวัยอันควร
“อะไรแปลก ๆ?” จูเก่อฉงเขบขันนัก นัยน์ตายิ่งฉายแววสนอกสนใจ “ข้าเป็นหมอผี กล้าพูดได้ว่าไม่มีพิษใดที่จะร้ายไปกว่าตัวข้าแล้ว ยังมีสิ่งใดที่ข้าไม่อาจแตะต้องได้อีกหรือ?”
ชิงลั่วเยี่ยนพลันเอ่ยขึ้น “หรือหัวหน้าสมาพันธ์จูเก่อจะถูกใจแม่นางอวี่ชิง?”
“อะไรหรือ ท่านเจ้าอารามไม่อยากยกนางให้งั้นหรือ?” จูเก่อฉงถามพร้อมรอยยิ้มคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
ชิงลั่วเยี่ยนยกมือปิดปากหัวเราะ “ข้าก็คิดอยู่ว่าทำไมหัวหน้าสมาพันธ์จูเก่อจึงสนใจผู้ช่วยหญิงของอารามศักดิ์สิทธิ์นัก เป็นเพราะต้องตาพวกนางคนหนึ่งนี่เอง แต่ข้าขอบอกว่าอวี่ชิงนั้นไม่ธรรมดา แม้ข้าจะเต็มใจมอบให้ แต่นางอาจไม่เต็มใจ!”
“โอ๋?” จูเก่อฉงพลันเผยรอยยิ้มมุ่งมั่น หันไปมองชิงอวี่อย่างนักล่ามองเหยื่อ “เจ้าเต็มใจไปกับข้าหรือไม่? รูปโฉมงดงามอย่างเจ้า ถึงรั้งอยู่ในแดนเซียนที่มีพลังวิญญาณสมบูรณ์อย่างที่อารามศักดิ์สิทธิ์ แต่หากไร้ความสามารถด้านการบำเพ็ญ อย่างไรก็เป็นได้เป็นหญิงรับใช้ชั้นต่ำ เจ้าเต็มใจจะไปเป็นนายหญิงแห่งสมาพันธ์นักล่าหรือไม่?”
เห็นว่าชิงอวี่ถูกเกี้ยวพาด้วยถ้อยคำหยาบโลนต่อหน้าเช่นนี้ โหลวจวินเหยาไม่ได้คิดเพียงอยากสังหารใครบางคนอีกต่อไป
ใครบางคนผู้นั้นไม่ใช่คนที่มีตัวตนในความทรงจำเขามาก่อน แต่ตอนนี้เขากลับจำอีกฝ่ายได้ขึ้นใจ เพราะแต่นี้ต่อไป อีกฝ่ายจะได้ไปอยู่ในรายชื่อคนที่จะถูกสังหารแล้ว
มันช่างน่าเย้ายวนนัก ได้เป็นถึงนายหญิงของขุมอำนาจหนึ่งบนแดนเมฆาสวรรค์ เป็นฐานะที่สตรีคนอื่น ๆ ต้องอิจฉาแทบสิ้นใจทีเดียว
แต่ไม่ช้าก็รู้ว่าจูเก่อฉงนั้นมั่นใจมากไปหน่อย
เด็กสาวใบหน้างดงามเพียงแต่ยิ้มบาง ขนตายาว นัยน์ตาหงส์หลุบลงเล็กน้อย มองจูเก่อฉงด้วยสีหน้าไม่ยินดียินร้าย
สีหน้าว่างเปล่าของนางพลันทำให้จูเก่อฉงรู้สึกเหมือนกับที่เคยรู้สึกมาตลอดชีวิต ราวกับว่านางมองเขาเป็นตัวตลกตัวหนึ่ง
“เป็นข้อเสนอที่ดีไม่น้อยทีเดียว! ไม่รู้ว่าหัวหน้าสมาพันธ์จูเก่อใช้คำหวานล่อลวงสตรีใสซื่อใจง่ายไปได้กี่คนแล้ว!”
ชิงอวี่ยกยิ้ม สามส่วนเป็นความขบขัน เจ็ดส่วนเป็นความเย็นชา นางค่อย ๆ เดินไปอีกฝั่งของห้องโถง ก่อนจะวางมือทาบลงบนร่างชายหนุ่มที่กำลังพยายามข่มกลิ่นอายตนไว้อยู่ตลอด
คนในห้องโถงใหญ่หลายคนถึงกับสะดุ้ง ไม่รู้ว่าเด็กสาวคิดจะทำอะไรกันแน่
ชิงลั่วเยี่ยนเลิกคิ้วงามขึ้น นัยน์ตาทะมึนอ่านไม่ออก เด็กคนนี้….. เดินไปอยู่ข้างโหลวจวินเหยาจริง ๆ
เขาเป็นที่รู้จักบนแดนเมฆาสวรรค์นักว่ารังเกียจสตรี ไม่ชอบให้ผู้อื่นแตะเนื้อตัว เป็นเรื่องที่คนบนแดนเมฆาสวรรค์ต่างรู้ดี เป็นเส้นแบ่งที่ไม่อาจล้ำเข้ามาได้
หากไปทำเขาอารมณ์ไม่ดีเข้า เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าจะอยู่ที่ใด
อวี่ชิง….. นางคิดจะทำอะไรกัน?
ทุกคนกำลังครุ่นคิดอยู่นั่นเอง ชิงอวี่ก็เอ่ยคำขึ้น แต่คำของนางกลับยิ่งทำให้ผู้คนอ้าปากค้างด้วยความตะลึง
“แต่เกรงว่าข้าคงรับความเสน่หาของหัวหน้าสมาพันธ์จูเก่อไว้ไม่ได้ ด้วยข้ามีคนในใจอยู่แล้ว” ว่าแล้วนางก็เงียบไปเล็กน้อย นางยืนอยู่ตรงมุมที่ทุกคนเห็นสีหน้านางได้ดี หน้าตานางดูเขินอายเป็นยิ่งนัก
นางไม่ได้บอกว่าเป็นใคร แต่ท่าทางเขินอายและมือที่วางทาบลงบนหลังเก้าอี้นั่งของโหลวจวินเหยาเช่นนั้นก็เห็นได้ชัดแล้ว
ว่าคนในใจนางก็คือท่านจอมมารผู้ลึกลับล้ำลึก ผู้มีใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติผู้นี้นั่นเอง
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก เพราะเพียงใบหน้านั่นอย่างเดียวก็พอจะทำคนอื่นใจเต้นได้แล้ว แม้จูเก่อฉงเองก็นับได้ว่าหล่อเหลา แต่เมื่อเทียบกับจอมมารแล้วกลับห่างกันลิบลับ
สีหน้าจูเก่อฉงพลันเปลี่ยน ยามเอ่ยคำก็กลายเป็นเหยียดหยามขึ้นมา “แม่นางน้อย เจ้านี่หวังสูงไม่น้อยเลยนะ? ไม่รู้หรือว่าจอมมารไม่เคยสนใจสตรีใดมาก่อน? เกรงว่าครั้งนี้เจ้าคงสิเน่หาผิดคนเสียแล้ว”
“เรื่องนั้นหาสำคัญไม่” ชิงอวี่ยังยืนยัน ดูมุ่งมั่นนัก “ใครใช้ให้ท่านจอมมารหน้าตาหล่อเหลาเช่นนี้เล่า? แม้เขาจะไม่เหลือบมองข้าสักครา แต่ข้าก็จะยังรู้สึกดังเดิม”
คำของนางหมายความว่าจูเก่อฉงนั้นหน้าตาอัปลักษณ์เกินไป จนนางไม่คิดสนใจ
จูเก่อฉงยิ้มแข็งค้าง แทบยั้งตนไว้ไม่ได้
เขาคิดไปเองหรือไม่?
ทำไมถึงรู้สึกว่ายัยเด็กนี่ปากร้ายเหมือนโหลวจวินเหยานั่นไม่มีผิด? ทุกครั้งที่เอ่ยวาจา ทำให้คนโมโหนัก!
ชิงลั่วเยี่ยนที่นั่งมองปฏิกิริยาของแต่ละคนเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ หรี่ตาลงเงียบ ๆ
โหลวจวินเหยามีท่าทีเช่นนี้ผิดปกตินัก เขาไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้แท้ ๆ กระทั่งลูกน้องที่ทำงานรับใช้มาหลายปียังต้องเว้นระยะห่างไว้ เป็นกฎที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำตาม
หรือเขาจะเปลี่ยนนิสัยแล้วหรือ? ไม่ได้เกลียดชังเรื่องที่คนอื่นมาเข้าใกล้ตนเองแล้ว??
จุดที่ชิงอวี่ยืนอยู่นั้นแยบยลนัก ตัวนางสามารถบังมือนางไว้เสียมิด
แม้มือจะวางอยู่บนเก้าอี้ แต่จริง ๆ แล้วนางกำลังปลอบคนที่กำลังโกรธจนแทบลุกขึ้นมาสังหารโหดอยู่ต่างหาก
นางรู้จักเขาดีว่าเขาไม่สนด้วยซ้ำว่าจะมีแผนการอะไรอย่างไร นางประมาทเกินไปจริง ๆ สุดท้ายก็ถูกจูเก่อฉงเอาเปรียบจนได้ แต่นางเองก็ไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้เป็นเช่นนั้นง่าย ๆ
นางต้องทำให้เขารู้สำนึกว่า ไม่ใช่ดอกไม้ริมทางทุกดอกที่จะเด็ดเล่นได้โดยง่าย เพราะดอกไม้ที่หน้าตาไร้พิษภัยหลายดอกนั้น อาจกลายเป็นดอกไม้กินคนในภายหลังได้เช่นกัน
โหลวจวินเหยานั่งเอนหลังท่าทางเกียจคร้าน มองใบหน้าทะมึนของจูเก่อฉงด้วยรอยยิ้มบางอ่านไม่ออก ยามเอ่ยคำขึ้นเสียงเบา น้ำเสียงก็เจือไปด้วยแววชั่วร้าย “ดูท่าเจ้าจะไม่เป็นที่ชื่นชอบเท่าไหร่นะ”
จูเก่อฉงหัวเราะเหอะออกมา “แล้วอย่างไร? จอมมารเองก็ไม่ใส่ใจสตรีมาก่อนนี่? เมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ให้ข้าได้สมใจ ข้าสนใจแม่นางคนงามผู้นั้น…..”
“น่าเสียดาย”
โหลวจวินเหยากดยิ้มมุมปากลึกขึ้น ก่อนนิ้วมือเรียวจะค่อย ๆ ยกขึ้นกุมมือเด็กสาวไว้ “ที่ข้าเองก็สนใจ”