ตอนที่ 300 วางแผน

ตอนที่ 300 วางแผน

ฉินมู่หลานได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เธอหันไปมองผู้หญิงรูปหน้ากลมคนนั้น ก่อนจะเอ่ยถาม “คุณน้า มีช่องทางที่จะนำเอาสินค้าไปวางขายในร้านค้าของพวกคนจีนโพ้นทะเลได้เหรอคะ?”

ในตอนนี้ ถงทิงผิงที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยแนะนำทันที “มู่หลาน นี่คือฮั่วเหม่ยอิน เป็นสะใภ้รองของตะกูลหลิว หลิวเสวียข่ายหลานชายของหล่อนทำงานอยู่ในกระทรวงพาณิชย์ ก็คงมีช่องทางอยู่แล้วล่ะจ้ะ”

หลังจากพูดจบก็หันมองฮั่วเหม่ยอินและเอ่ยถามอย่างช่วยไม่ได้ “เหม่ยอิน เธอให้มู่หลานนำสินค้าพวกนี้ไปวางขายที่ร้านค้าของพวกชาวจีนโพ้นทะเลได้เหรอ?”

“ได้หรือไม่ฉันยังไม่แน่ใจ แต่ก็จะลองดู ถ้าทำได้จริง พวกเราทุกคนก็จะได้หาซื้อได้สะดวก ไม่ต้องมาหยิบเครื่องสำอางพวกนี้กลับไปทีละชิ้นสองชิ้น และฉันเชื่อว่าคงมีหลายคนอยากจะซื้อเพิ่มแน่นอน เพราะเครื่องสำอางพวกนี้มันดีจริง ๆ”

แต่หลังจากพูดจบ หล่อนก็หันมองฉินมู่หลานด้วยความลังเลก่อนจะเอ่ยถาม “มู่หลาน ถ้าวางขายได้แล้ว เธอจะผลิตสินค้าให้พอวางขายได้ไหม?”

ตอนแรกหล่อนไม่คิดจะนำเครื่องสำอางพวกนี้ไปวางขายในร้านค้าของพวกชาวจีนโพ้นทะเลเลย แต่เมื่อได้ยินถงทิงผิงพูดว่าฉินมู่หลานเคยผลิตยาแล้วส่งออกไปขายทั่วประเทศมาแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าเธอมีความสามารถมากแค่ไหน หากเป็นเช่นนั้น เครื่องสำอางของเธอก็ต้องน่าทึ่งมากเช่นกัน และนั่นคือตอนที่หล่อนมีความคิดนี้ขึ้นมา

ฉินมู่หลานได้ยินคำพูดของฮั่วเหม่ยอิน ก็ยิ้มแล้วพยักหน้าบอกตามตรง “ได้แน่นอนค่ะ ถ้าขายตามร้านค้าของพวกชาวจีนโพ้นทะเลได้จริง ฉันรับรองได้ค่ะว่าปริมาณของสินค้ามีเพียงพอแน่นอน”

หลังจากพูด ฉินมู่หลานก็ผุดความคิดอื่นขึ้นมา

“จริง ๆ แล้วเครื่องสำอางพวกนี้เอาไปวางขายในร้านค้าของประเทศเพื่อนบ้านได้เหมือนกัน ถึงตอนนั้นก็จะได้ขายออกพร้อมกันทั้งสองทาง ก็จะสามารถช่วยหารายได้ที่เป็นค่าเงินต่างประเทศได้ด้วย ฉันรับรองได้เลยค่ะว่าเครื่องสำอางของฉันดีกว่าของต่างประเทศแน่นอน” เธอผลิตของพวกนี้ ล้ำหน้ากว่าอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในปัจจุบันทั้งหมดอย่างแน่นอน ตอนนี้เมื่อได้มีโอกาสนี้แล้ว เธอจึงอยากจะทำงานให้ดี

ฮั่วเหม่ยอินรู้สึกสงสัยนิดหน่อยเมื่อได้ยินแบบนี้ เพราะในใจของใครหลายคนในตอนนี้ล้วนคิดว่าสินค้าของต่างประเทศดีกว่าสินค้าในประเทศ หล่อนยอมรับว่าเครื่งสำอางของฉินมู่หลานดีมากก็จริง แต่หากจะบอกว่าดีกว่าของต่างประเทศจริง ๆ หล่อนก็ยังคงมีข้อกังขาอยู่บ้างนิดหน่อย

ฉินมู่หลานมองเห็นความสงสัยของฮั่วเหม่ยอินออกเป็นธรรมดา เธอจึงเอ่ยพูดตามตรงพร้อมรอยยิ้ม “น้าฮั่วคะ เดี๋ยวฉันจะบอกส่วนผสมของเครื่องสำอางพวกนี้ให้ฟังค่ะ”

พูดจบฉินมู่หลานก็เอ่ยแนะนำเครื่องสำอางพวกนี้ทั้งหมด หลังจากนั้นเธอก็หยิบกระจกขึ้นมาแล้ววางเอาไว้ตรงหน้าฮั่วเหม่ยอิน ก่อนจะพูด “น้าฮั่ว น้าลองดูการแต่งแต้มบนใบหน้าของน้าอีกรอบก็ได้ค่ะ ฉันเชื่อว่าพอน้าได้ออกไปพบกับพวกเพื่อนชาวจีนโพ้นทะเลรวมถึงพวกชาวต่างชาติพวกนั้น น้ารู้สึกว่าการแต่งแต้มบนใบหน้าของน้าดูด้อยกว่าของพวกเขาหรือเปล่าล่ะคะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฮั่วเหม่ยอินก็พิจารณาหน้าตาของตัวเองในตอนนี้อย่างถี่ถ้วน

แต่หล่อนต้องยอมรับว่าตัวเองดูสวยขึ้นจริง เหมือนหน้าตาดูเด็กลงประมาณสิบปี ใบหน้าดูเรียบเนียนเกลี้ยงเกลา นอกจากนี้ยังดูมีมิติอยู่ไม่น้อย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพราะเครื่องสำอางของฉินมู่หลาน

ในตอนนี้ หลายคนที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยตาม “เหม่ยอิน เครื่องสำอางพวกนี้ดีกว่าของต่างประเทศแน่นอน เธอเคยเห็นเครื่องสำอางอะไรทำให้หน้าดูเด็กลงได้ขนาดนี้ไหมล่ะ เครื่องสำอางที่ฉินมู่หลานเป็นคนผลิตทำแบบนี้ได้ อีกอย่างเธอลองคิดถึงสิ่งที่ฉินมู่หลานเคยทำก่อนหน้านี้สิ ยาวิเศษพวกนั้นที่เธอทำก็สรรพคุณอัศจรรย์มาก ถ้าอย่างนั้นเครื่องสำอางที่เธอผลิตก็ต้องน่าทึ่งมากเช่นกันแหละ บางทีมันอาจดีต่อผิวของพวกเราด้วยนะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ หลายคนก็หันมองฉินมู่หลาน ก่อนจะเอ่ยถามอย่างช่วยไม่ได้ “มู่หลาน เครื่องสำอางพวกนี้ดีต่อผิวด้วยใช่ไหม?”

ฉินมู่หลานยิ้มแล้วพยักหน้า ก่อนจะบอกกล่าว “ใช่ค่ะ เครื่องสำอางของฉันมีส่วนผสมของสมุนไพรชนิดพิเศษ สามารถบำรุงผิวไปในตัวได้ด้วย เครื่องสำอางบางตัวใช้ไปเรื่อย ๆ ใบหน้าอาจจะขาวผ่องขึ้นได้ แต่อาจจะมีสารอันตรายเจือปนอยู่ด้วย ดังนั้นหลังจากที่บางคนใช้แล้วลบเครื่องสำอางออก ผิวก็จะหมองคล้ำ รูขุมขนกว้างขึ้น และผิวก็จะแย่ลงเรื่อย ๆ ด้วยค่ะ”

ในตอนนี้ หลายคนต่างมองไปทางฉินมู่หลาน

“มู่หลาน ฉันก็เคยได้ยินเรื่องแบบนี้ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะเครื่องสำอางใช่ไหม ผิวของฉันถึงได้แย่ลงเรื่อย ๆ”

“ใช่แล้วๆ ตอนที่ซื้อ ทุกคนต่างว่าดี แต่พอใช้แล้วกลับไม่ใช่แบบนั้นเลย”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้ฉันเองก็เคยผลิตยามาก่อน จึงเข้มงวดกับการทำเครื่องสำอางมาก ฉันใส่ใจทุกขั้นตอนรายละเอียด ตอนแรกฉันไม่คิดจะทำเครื่องสำอางเลยค่ะ แต่ครั้งล่าสุดที่งานแต่งของหรูฮวน ฉันก็พบว่าเครื่องสำอางมีน้อยชิ้นเกินไป เลยคิดที่จะผลิตมันให้หล่อนเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้น ไม่คิดว่าทุกคนจะถูกใจค่ะ”

“มู่หลาน เธอควรจะคิดเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว ดูสิว่าเครื่องสำอางของเธอดีขนาดไหน”

“ใช่แล้ว ๆ ดีมากเลย แต่ว่ามีน้อยไปหน่อย เราอยากซื้อก็หาซื้อไม่ได้”

ในตอนนี้ คนอื่นต่างพากันหันมองฮั่วเหม่ยอิน ก่อนจะตบบ่าหล่อนแล้วพูดว่า “เหม่ยอิน ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเธอแล้ว ถ้าเธอไปโน้มน้าวหลานชายได้ อย่างนั้นต่อไปพวกเราก็จะได้ไปซื้อมาใช้กันได้สะดวก”

ทันใดนั้น ฮั่วเหม่ยอินก็รู้สึกว่าหนทางช่างยาวไกลนัก

“ได้ ฉันจะตั้งใจพยายามอย่างหนักนะ”

ฉินมู่หลานมองฮั่วเหม่ยอินด้วยรอยยิ้มก่อนจะเอ่ย “น้าฮั่วคะ ถ้าจะเสนอสินค้าไปขายที่ร้านค้าของชาวจีนโพ้นทะเลกับทางประเทศเพื่อนบ้าน ก็จะต้องมีแผนธุรกิจค่ะ น้ารอสักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันเขียนแผนเสร็จ แล้วจะฝากให้น้านำไปให้หลานชายของน้า”

ฉินมู่หลานไม่ได้คาดคิดเช่นกันว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนี้จะเป็นธุระของหลิวเสวียข่าย เมื่อวานเพิ่งเห็นเขามาดูตัวกับเริ่นม่านลี่ ช่างเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันเลยจริง ๆ

ฮั่วเหม่ยอินเห็นฉินมู่หลานจะเขียนแผนธุรกิจ จึงรู้สึกว่าเธอมีความเป็นมืออาชีพมาก

“อย่างนั้นก็ดี เดี๋ยวฉันรอเธอเขียนแผนธุรกิจเสร็จ แล้วจะเอาไปเสนอให้หลานชายฟัง แต่เธอจะใช้เวลาเขียนแผนธุรกิจนานแค่ไหนเหรอ?”

ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วเอ่ย “น้าฮั่วไม่ต้องห่วงค่ะ ใช้เวลาไม่นานหรอก ตอนนี้ฉันเริ่มเขียนได้เลย เดี๋ยวเขียนเสร็จจะเอาให้น้าทันทีเลยค่ะ”

หลังจากพูดจบ เธอก็หันไปมองแล้วเอ่ยถามถงทิงผิง “น้าถง มีดินสอกับกระดาษไหมคะ?”

“มี มีอยู่แล้ว”

ถงทิงผิงยิ้มแล้วหยิบปากกากับกระดาษออกมา ก่อนจะส่งให้ฉินมู่หลาน

ฉินมู่หลานรู้แนวทางการตลาดเยอะมาก จึงสามารถเขียนแผนธุรกิจได้อย่างสบาย เธอเขียนวิธีการทั้งหมดที่คิดว่าดีที่สุด ขณะเดียวกันก็เน้นไปที่เรื่องการแนะนำผลิตภัณฑ์ของตัวเองด้วย อย่างในเรื่องการบำรุงผิวและส่วนผสมอันล้ำค่าในเครื่องสำอาง ซึ่งทั้งหมดนี้คือจุดขายของเธอ

หลังจากเขียนเสร็จ ฉินมู่หลานก็ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ส่งมันให้ฮั่วเหม่ยอินแล้วพูดขึ้น “น้าฮั่วคะ ถ้าอย่างนั้นรบกวนน้าด้วยนะคะ แต่ทางที่ดีอย่าเพิ่งล้างเครื่องสำอางบนหน้าออก เอาไว้รอให้หลิวเสวียข่ายเห็นก่อนแล้วค่อยล้างออกก็ได้ค่ะ เพราะปกติคนเราก็ต้องการที่จะทราบผลลัพธ์ของผลิตภัณฑ์อยู่แล้ว”

ฮั่วเหม่ยอินได้ยินแบบนี้ก็หัวเราะขึ้นมา ก่อนจะบอกกล่าว “ไม่ต้องห่วงมู่หลาน ฉันยังไม่ล้างแน่นอน ฉันแทบอยากจะนอนไปทั้งที่แต่งหน้าอยู่นี่เลยล่ะ”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉินมู่หลานก็รีบหันมองทุกคนแล้วพูดขึ้น “คุณน้าที่รักทั้งหลายคะ ถึงแม้ว่าเครื่องสำอางพวกนี้จะมีสารบำรุงผิวก็ตาม แต่กลางคืนก่อนเข้านอนก็ควรล้างหน้าให้สะอาด ไม่อย่างนั้นรูขุมขนจะอุดตันได้นะคะ”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานพูดแบบนั้น หลายคนก็พยักหน้าด้วยความเสียใจ

“แต่ว่า พวกเราจะไปหาแต่งได้อีกที่ไหนล่ะ?”

“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ามีคำถามอะไรก็มาถามฉันได้เลย ตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้านพ่อบุญธรรม อยูตรงถนนซอยแปดค่ะ”

“ได้ พวกเราจะไปหาเธอแน่นอน”

เสิ่นหรูฮวนแวะมาพบฉินมู่หลานในช่วงเวลาสั้น ๆ หลังเขียนแผนเสร็จ และไม่คิดว่าทุกคนจะชอบขนาดนี้ จึงได้แต่รู้สึกว่าเธอเก่งมาก “มู่หลาน เธอเก่งจังเลย”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็ยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “จริง ๆ แล้วมันก็ดีนะ แต่เธอช่วยติดต่อช่างแต่งหน้าเยว่เจินจูที่มาแต่งหน้าให้เธอครั้งล่าสุดเมื่อวันงานแต่งให้หน่อยได้ไหม?”

ถึงจะไม่รู้ว่าเยว่เจินจูจะทำอะไรได้ แต่เสิ่นหรูฮวนก็ยังคงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้สิ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี เดี๋ยวเธอช่วยนัดออกไปเจอกันข้างนอกหน่อย ฉันอยากจะคุยธุระกับหล่อน”

“ได้เลย”

หลังจากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกัยต่ออีกไม่กี่คำ แล้วฉินมู่หลานก็จากไป

และเมื่อฮั่วเหม่ยอินเห็นว่าฉินมู่หลานกลับไปแล้ว หล่อนก็ดำเนินการตามแผนและบอกลาทุกคน “ทุกคน ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะ รอฟังข่าวดีจากฉันด้วยล่ะ”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

แผนธุรกิจเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว แต่ก็เห็นเค้าลางความวุ่นวายแล้วเหมือนกัน

ไหหม่า(海馬)