บทที่ 301 สูญเสียหนักหนา

บทที่ 301 สูญเสียหนักหนา

จนถึงตอนนี้ โฉวหย่งเชาไม่ได้ตระหนักว่าสถานการณ์ผิดปกติ

หากคนของอีกฝ่ายเป็นกองทัพประจำการจากราชสำนักจริงแล้วละก็ เป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะมีจำนวนคนน้อยกว่า ทั้งยังเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านไม่ยอมออกมา เพราะอย่างไรกองทัพประจำการแห่งราชสำนักก็ไม่เคยกลัวเกรงกองทัพกบฏ

ยิ่งไปกว่านั้น โฉวหย่งเชายังเพิ่งได้เห็นฝีมือการยิงธนูของคนในหมู่บ้าน หากเป็นกองทัพประจำการของจริง ไฉนจึงฝีมือเลวร้ายขนาดนี้ได้?

“บัดซบ! เกือบถูกมันหลอกแล้ว!” โฉวหย่งเชาสบถอยู่ในใจเสียงดังลั่น เขานึกขอบคุณที่ตนเองไม่ได้ออกคำสั่งถอยทัพ หากถูกแค่หน่วยรักษาการณ์ทำให้หวาดกลัวจนถอยหนี หากข่าวคราวนี้แพร่ออกไป เมื่อนั้นเขาจะยังเอาไปนำกองทัพกบฏอีกได้อย่างไร? เกรงว่าผู้ใต้บัญชาคงหมดสิ้นความเชื่อถือในตัวเขา

ส่วนเรื่องคนในหมู่บ้านครอบครองคันธนู ลูกธนู และโล่ได้อย่างไรนั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญ ตราบใดที่ไม่ใช่กองทัพประจำการแห่งราชสำนัก โฉวหย่งเชาก็ไม่มีอะไรต้องกลัว!

อีกทั้งหลังได้ทราบจนแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ใช่กองทัพประจำการแห่งราชสำนัก รวมถึงรู้ว่าอีกฝ่ายครอบครองอาวุธดี ๆ โฉวหย่งเชามุ่งมั่นที่จะพิชิตที่นี่ให้จงได้!

ตราบใดที่พิชิตสถานที่แห่งนี้ได้ อาวุธทั้งหมดนั่นจะเป็นของพวกเขา! กำลังรบของพวกเขาจะแข็งแกร่งมากขึ้น! ตอนนั้นจะเป็นโอกาสที่ได้พิชิตเทศมณฑลชิงหยวน!

“เร่งมือเข้า! อย่าเกียจคร้าน!” โฉวหย่งเชาตะโกนเร่ง

เขารอไม่ไหวแล้วที่จะเข้าหมู่บ้านและสังหารคน จากนั้นก็ยึดครองอาวุธมาเสีย!

ตอนนี้เองที่ลูกธนูอีกชุดหนึ่งพุ่งทะยานเข้ามา เพราะพบเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง โฉวหย่งเชาจึงไม่เก็บลูกธนูเหล่านี้มาใส่ใจ มันก็แค่ห่าฝนลูกธนูที่ทำให้ดูน่าหวาดกลัว แต่ในความเป็นจริง อำนาจคุกคามของพวกมันมีจำกัด

ด้วยเหตุนั้น โฉวหย่งเชาจึงไม่ได้สั่งให้คนของตนเองหลบ แต่เลือกที่จะเร่งพวกเขาให้เพิ่มความเร็วในการจัดการสะสางตะปูเหล็ก

ขณะที่กองทัพกบฏต่างก็โล่งใจเมื่อเห็นลูกธนูส่วนใหญ่พลาดเป้าอีกครั้งหนึ่ง ทว่าเพื่อไม่ให้เป็นเป้ามีชีวิตของอีกฝ่าย พวกเขาจึงเร่งทำความสะอาดทางให้เร็วมากขึ้น

แต่กลุ่มคนหาได้คาดคิดไม่ว่าลูกธนูที่ยิงมาระลอกนี้จะมีลูกธนูที่พิเศษปะปนมา มันเร็วกว่าลูกธนูอื่นอย่างเห็นได้ชัด เพียงแค่ชั่วพริบตา มันก็มาถึงตรงหน้ากลุ่มคน เป้าหมายของลูกธนูนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นโฉวหย่งเชาที่นั่งอยู่ด้านบนหลังม้า

ขณะลูกธนูเข้ามาใกล้ โฉวหย่งเชาที่ไม่ได้เก็บลูกธนูเหล่านี้มาใส่ใจ จึงเพิ่งได้รับรู้ถึงอันตรายวาบขึ้นมาในหัวใจ เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นจุดสีดำมุ่งตรงเข้ามาตรงหน้าเสียแล้ว

โฉวหย่งเชาหวาดกลัว ร่างกายตอบสนองไปโดยสัญชาตญาณ มันเป็นการเบี่ยงข้างหลบ ทว่าช่วงสั้น ๆ เพียงเสี้ยววินาที ลูกธนูก็เข้ามาใกล้ร่างกายของเขาแล้ว

“ฟึ่บ!”

ลูกธนูพุ่งใส่โฉวหย่งเชาอย่างแม่นยำ แต่เขาหลบเลี่ยง รักษาเอาชีวิตรอดมาได้ อย่างน้อยก็หลบเลี่ยงจุดตาย แม้ว่าลูกธนูปักเข้าร่างตนเอง แต่ก็เพียงแค่ที่ไหล่ด้านซ้าย

แม้เป็นแบบนั้น โฉวหย่งเชาก็ตระหนักดีว่าพละกำลังที่มาพร้อมกับลูกธนูดอกนี้มากมายเพียงใด หลังยิงปักเข้าร่างแล้ว ความแรงจากการเคลื่อนตัวของมันก็มากจนเสริมอำนาจทะลุทะลวง มันปักทะลุผ่านไหล่ของโฉวหย่งเชา พร้อมทั้งเลือดที่พรั่งพรูออกมา

“อ๊าก!”

ความเจ็บปวดโลดแล่นไปทั่วทั้งกายของโฉวหย่งเชา เสียงแผดร้องนี้ดังชวนน่าสมเพชเวทนา สีหน้าซีดขาว เม็ดเหงื่อผุดขนาดเท่าเมล็ดถั่วปรากฏทั่วหน้าผาก

โทสะพวยพุ่งในใจโฉวหย่งเชา เขามองไปยังทิศทางที่หมู่บ้านตั้งอยู่ ทว่าก็ไม่เห็นฝีมือคนร้ายที่ยิงลูกธนูดอกนี้ได้ แต่เขากลับได้เห็นลูกธนูอีกดอกหนึ่ง มันทะยานพุ่งเข้าหา ทั้งยังรวดเร็ว สัญชาตญาณของเขากู่ร้องลั่นทั่วทั้งกายยามรับรู้ได้ถึงวิกฤต

โฉวหย่งเชาไม่เสียเวลาคิดอะไรอีกต่อไป เอี้ยวตัวหลบจนร่วงลงจากหลังม้าไปทั้งอย่างนั้น

เพียงชั่วอึดใจที่ร่างของโฉวหย่งเชาร่วงจากหลังม้า เขาก็ได้เห็นลูกธนูที่พุ่งตรงมายังตำแหน่งที่ตนเองนั่งอยู่บนหลังม้าเมื่อครู่ หากเขาช้ากว่านี้คงกลายเป็นร่างไร้วิญญาณไปเรียบร้อยแล้ว

“อ๊าก!”

โฉวหย่งเชาหลบลูกธนูมาได้ก็จริง แต่ทหารส่วนตัวของเขาที่อยู่ถัดไปด้านหลังไม่ได้โชคดีถึงเพียงนั้น ลูกธนูที่โฉวหย่งเชาหลบเลี่ยง มันไม่ได้หยุดลงแต่อย่างใด ตอนนี้จึงปักใส่ร่างของทหารที่อยู่ด้านหลัง ลูกธนูปักลงยังตำแหน่งหัวใจโดยตรง ด้วยแรงอันมากมายมหาศาลที่มากับลูกธนู ร่างของทหารนายนั้นจึงถูกแทงทะลุ

“ตึง!”

ร่างของทหารนายนั้นร่วงหล่นลงจากหลังม้า ตกกระทบกับพื้นเสียงดัง ส่งเสียงร้องอยู่ไม่กี่ครั้ง สุดท้ายก็สิ้นลมหายใจไป

ตายคาที่!

โฉวหย่งเชามองร่างทหารนายนั้น ในใจตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว หากเขาตอบสนองช้ากว่านี้สักนิด คนที่ตายอย่างอนาถเช่นที่เห็นก็คือตัวเขาเอง

ในหมู่บ้านนั้นมีธนูยอดฝีมืออยู่จริงงั้นหรือ?!

โฉวหย่งเชายังไม่ลุกขึ้นทันที แต่กึ่งหมอบอยู่กับพื้น มือพยายามกดแผลห้ามเลือด สายตามองไปยังทางเข้าหมู่บ้านด้วยสีหน้าที่หวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

แน่นอนว่าเขาย่อมไม่เห็นอะไรอื่นนอกจากแผ่นหลังคนของตนเอง

“ฟึ่บ!”

“ตึง!”

ขณะโฉวหย่งเชากำลังกลัวว่าภายในหมู่บ้านจะมีนักธนูฝีมือเก่งกาจอยู่นั้นเอง ทหารส่วนตัวของเขาอีกสองคนก็ถูกลูกธนูปักเข้าใส่ ร่วงหล่นลงจากหลังม้า หนึ่งตายคาที่ อีกหนึ่งบาดเจ็บสาหัส!

“รีบลงมา! ลงจากหลังม้าเดี๋ยวนี้!” โฉวหย่งเชาร้องตะโกนด้วยความร้อนรน

เห็นชัดว่าผู้ที่อยู่ด้านในหมู่บ้านเป็นยอดฝีมือนักแม่นธนู ที่สามารถเล่นงานพวกเขาซึ่งอยู่บนหลังม้าได้ หากพวกเขายังคงขี่ม้ากันต่อไป ทหารส่วนตัวทั้งหมดของเขาคงถูกสังหารทีละชีวิตโดยฝีมืออีกฝ่าย

ท่ามกลางกลุ่มคนที่หมอบคลานเก็บกวาดของบนพื้น การอยู่บนหลังม้าย่อมเป็นอะไรที่โดดเด่นสะดุดตา

หากฝีมือการยิงของผู้คนในหมู่บ้านต่างก็เป็นเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น โฉวหย่งเชาก็คงไม่กังวลว่าจะตกเป็นเป้ายิง ต่อให้เขานั่งบนหลังม้าไม่ขยับเคลื่อนไหว อีกฝ่ายที่อยู่ในหมู่บ้านก็ไม่มีทางยิงโดน

แต่สถานการณ์ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เช่นที่เคยคิด ในบรรดามือธนูในหมู่บ้าน มันมียอดฝีมืออยู่คนหนึ่ง อีกฝ่ายมีฝีมือยอดเยี่ยม ความแม่นยำสูง หากพวกเขายังนั่งบนหลังม้ากันต่อไป ก็จะมีแต่ชะตากลายเป็นร่างไร้ชีวิต

หลังได้ยินคำพูดของโฉวหย่งเชา ทหารส่วนตัวคนที่เหลือต่างแตกตื่น พวกเขาคิดหลบจากหลังม้ามาซ่อนในฝูงชน แต่การเคลื่อนไหวของพวกเขาช้าเกินไป ตอนนี้สภาพของพวกเขาเลวร้ายกว่าคนก่อนหน้า ลูกธนูปักตรงเข้ากลางศีรษะ ทะลวงผ่านกะโหลกทะลุถึงด้านหลัง เมื่อได้เห็นสภาพก็ไม่จำเป็นต้องครุ่นคิดว่าเป็นหรือตาย!

คนที่ยังเหลือรอดต่างติดตามโฉวหย่งเชาซ่อนตัวในกลุ่มคน ถึงขนาดไม่กล้าเงยศีรษะกันขึ้นมา อีกทั้งยังแสดงสีหน้าแตกตื่นเป็นอย่างมาก

โฉวหย่งเชาในตอนนี้ทั้งหวาดกลัวและโกรธแค้น!

วิชายิงธนูของอีกฝ่ายร้ายกาจและแข็งแกร่ง เรื่องนี้ทำให้โฉวหย่งเชาไม่อาจนิ่งนอนใจ ถึงขนาดไม่กล้าเงยหน้าขึ้นอีกพักหนึ่งเลยทีเดียว ทหารส่วนตัวที่เคยอยู่เคียงข้างเขา สามคนเสียชีวิต หนึ่งคนบาดเจ็บ เรียกได้ว่าเสียไปเกือบครึ่งหนึ่งที่มี สถานการณ์เช่นนี้เป็นเหตุให้ดวงตาโฉวหย่งเชาแทบปรากฏเพลิงโทสะพวยพุ่ง

เดิมนั้นเขามีทหารส่วนตัวอยู่สิบคน ที่ทั้งทุ่มเทเรี่ยวแรงและเงินทองมอบการฝึกฝนให้ ลงทุนลงแรงไปอย่างมหาศาล พวกเขาทุกคนต่างก็มีอนาคตไกล ศึกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ยังแสดงศักยภาพออกมาได้ดีไม่แพ้ทหารประจำการจากราชสำนัก กระทั่งว่าดีกว่าทหารประจำการทั่วไปเสียด้วยซ้ำ พวกเขาที่รับใช้ปกป้องโฉวหย่งเชา เปรียบดังดาบอันคมกล้าที่พร้อมจะเหวี่ยงสะบัด ทั้งยังเป็นโล่อันแข็งแกร่งด้วยเช่นเดียวกัน

ตอนนี้ ที่นี่ และวันนี้ ต่อหน้าหมู่บ้านที่ไม่มีใครรู้จัก ทหารที่เขาไว้ใจที่สุดต้องสิ้นชีวิตก่อนจะทันได้เจอศัตรูเสียด้วยซ้ำ เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น โฉวหย่งเชาจะยอมรับได้อย่างไร?