บทที่ 300 วิชายิงธนู

บทที่ 300 วิชายิงธนู

ขณะลูกธนูลอยมา โฉวหย่งเชาก็รู้ถึงสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว สีหน้าในตอนนี้จึงตื่นตกใจ

เรื่องเกินคาดคิด หมู่บ้านเล็กที่ซ่อนในหุบเขาเหตุใดจึงมีนักธนูอยู่ได้? ธนูและลูกธนูเป็นสิ่งต้องห้าม ราชสำนักไม่อนุญาตให้คนนอกถือครองส่วนตัว คนที่มีคุณสมบัติเป็นนักธนูได้จำเป็นต้องรับการฝึกฝนเป็นเวลานานจนเติบโตและเก่งกาจ และเพราะเช่นนั้นกองทัพกบฏทั้งหลายจึงขาดแคลนนักธนูมาก กองทัพภายใต้บัญชาการของเขาสี่ถึงห้าพันคน มีเพียงสิบคนที่มีคันธนูและลูกธนูบนแผ่นหลัง

ทว่าต่อมา เขากลับกลายเป็นแสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม

ลูกธนูที่ยิงออกมาเหล่านี้ มันถูกยิงออกมาอย่างสะเปะสะปะ กว่าครึ่งของลูกธนูพุ่งลงข้างทาง เห็นได้ชัดว่าหมู่บ้านตรงหน้า แม้มีนักธนู แต่ก็เป็นเพียงแค่นักธนูมือใหม่ อัตราการยิงให้ถูกเป้าหมายต่ำเตี้ยจนชวนเวทนา

ดังนั้นโฉวหย่งเชาจึงไม่คิดให้คนของตนเองหาที่กำบัง แต่ให้พวกเขาเก็บกวาดตะปูต่อไป คนอยู่กันอย่างหนาแน่น หากคิดหลบเลี่ยงก็เป็นเรื่องยาก ทั้งยังเสียเวลา ทั้งในใจของโฉวหย่งเชาในยามนี้ ชีวิตของทหารใต้บัญชาการก็ไม่มีค่าให้เก็บรักษาไว้ ในกลียุคเช่นนี้ ตายไปก็หาคนใหม่ได้! ตราบใดที่มีอาหารในครอบครอง ต่อให้คนเหล่านี้ตายจนหมดสิ้น เขาก็ยังสามารถเกณฑ์คนอีกมากมายได้ในระยะเวลาสั้น ๆ

“อ๊าก!”

เสียงแผดร้องดังขึ้น มันไม่ได้ชวนน่าประหลาดใจอีกต่อไป

แม้ลูกธนูที่ยิงออกมาจากทางหมู่บ้านมีโอกาสโดนเป้าหมายค่อนข้างต่ำ แต่อย่างไรพวกเขาก็มีคนกว่าหกสิบ ต่อให้ผลัดใช้คันธนูและยิงลูกธนูออกมาครึ่งหนึ่ง มันก็ยังมีลูกธนูกว่าสามสิบลูกพุ่งออกมา คนของทางฝั่งกองทัพกบฏรวมตัวกันอยู่ ตราบใดที่ลูกธนูพุ่งตรงมาไม่เขวไปทางอื่น มันย่อมต้องถูกใครสักคนเข้า

“ไม่ต้องแตกตื่น! เก็บกวาดต่อไป ใครกล้าหลบหนีจากที่นี่ ก็อย่าหาว่าข้าไร้เมตตา!” เมื่อถูกลูกธนูยิง กลุ่มคนก็แตกตื่นและหวาดกลัว โฉวหย่งเชาจึงต้องขู่พวกเขา ทั้งคนเหล่านี้ก็ทราบดีถึงความโหดร้ายของอีกฝ่าย ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงกล้ำกลืนความหวาดกลัวในใจ ก้มหน้าลงเก็บตะปูเหล็ก โดยหวังและเฝ้าภาวนาอยู่ในใจว่า ขอไม่ให้ลูกธนูนั้นปักลงมาที่ตนเอง

เมื่อเห็นดังนี้ โฉวหย่งเชาก็หันไปบอกกับทหารส่วนตัวของตนเอง “ยิงตอบโต้! ยิงไอ้พวกบัดซบที่อยู่ในหมู่บ้าน!”

ทหารส่วนตัวของโฉวหย่งเชา ย่อมได้รับการฝึกมาอย่างดี เขาใช้ทั้งแรงและเงินไปมากมาย ฝีมือการสู้รบของทหารส่วนตัวเหล่านี้จึงไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากองทัพประจำการแห่งราชสำนัก แม้คนธรรมดาจะไม่มีโอกาสได้มีคันธนูและลูกธนู แต่พวกเขาก็ได้รับการฝึกฝนอยู่นานพอสมควร ฝีมือการยิงจึงไม่ใช่ต่ำเตี้ย

“ข้าอยากเห็นนักว่านักธนูเศษเดนพวกนั้นจะดีกว่า หรือทหารส่วนตัวของข้าจะมีฝีมือดีกว่ากันแน่!” โฉวหย่งเชามองไปที่หมู่บ้านด้วยสายตาเย็นเยียบและมาดมั่น

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!

กลุ่มลูกธนูยิงออกจากฝั่งกองทัพกบฏมุ่งตรงเข้าหาทางหมู่บ้าน

“โล่ป้องกัน!”

อู๋ฝานทราบทันทีที่อีกฝ่ายยิงลูกธนูออกมา ดังนั้นจึงรีบตะโกนเสียงดัง

กลุ่มผู้อพยพกว่าสิบคนต่างก็ถือโล่กันออกมาหน้าหน่วยรักษาการณ์ พวกเขารอลูกธนูมาถึงด้วยใจหวาดกลัว ขณะที่หน่วยรักษาการณ์ก็พยายามซ่อนตัวด้านหลังโล่ที่เหล่าผู้อพยพถือเอาไว้อย่างมิดชิด

“เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!”

เสียงลูกธนูตกกระทบกับโล่ส่งเสียงดัง ร่างของผู้อพยพที่ถือโล่เอาไว้ต้องรับแรงสั่นสะเทือนจากการปะทะ

ฝีมือการยิงธนูของทหารส่วนตัวของโฉวหย่งเชาดีเยี่ยมไม่ใช่น้อย ลูกธนูส่วนใหญ่พุ่งตรงมายังพวกอู๋ฝาน อัตราการยิงถูกเป้าหมาย เรียกได้ว่าสูงกว่าหน่วยรักษาการณ์ของชายหนุ่มอย่างเห็นได้ชัด

แม้ลูกธนูเหล่านี้จะถูกเป้าหมาย แต่มันก็ไม่อาจสร้างบาดแผลให้ใครได้

โล่เหล่านี้อู๋ฝานสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง วัสดุที่ใช้เป็นแร่คุณภาพสูง กล่าวได้ว่าเขาทุ่มเทเงินทองไปมากมายก็ไม่ผิด โล่แต่ละอันต่างก็เป็นไอเทมระดับเงิน ยากที่อาวุธธรรมดาจะมีอำนาจทำลายพวกมันลงได้

แม้ทหารส่วนตัวของโฉวหย่งเชามีคันธนูและลูกธนู แต่มันก็เป็นเพียงแค่ของทั่วไป เป็นอาวุธเริ่มต้นไร้ความพิเศษ จึงไม่ต้องสงสัยว่าหากคิดทำลายการป้องกันของโล่ระดับเงินนั้นจะยากเย็นเพียงใด ยังไม่กล่าวถึงการยิงธนูขณะนี้เกือบสี่ฉื่อบราวนี่ออนไลน์

ทว่าตัวตนของนักธนูเหล่านั้นก็ยังคงเป็นภัยคุกคาม อู๋ฝานหันไปบอกกับทหารของตนเอง “พวกเจ้าเล็งเป้าไปที่นักธนูของฝั่งนั้นและยิง”

อู๋ฝานนำเอาคันธนูยาวของตนเองออกมา เขาวางลูกธนู พลางโน้มคันศรเตรียมยิง ส่วนหน่วยรักษาการณ์เองก็ไม่ได้ว่างเช่นกัน พวกเขายังคงยิงลูกธนูใส่กองทัพกบฏอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยช่องว่างระหว่างโล่ตรงหน้ายิงออกไป

ฝีมือการยิงธนูของทหารผ่านศึกย่อมดียิ่งกว่าหน่วยรักษาการณ์มือใหม่ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ดีเยี่ยมกว่าถึงขนาดนั้น เรื่องนี้อู๋ฝานทราบดี แม้เขาขอให้คนของตนเองยิงธนูใส่นักธนูฝั่งตรงข้าม แต่ก็ไม่ได้หวังว่าพวกเขาจะสามารถเล่นงานอีกฝ่ายที่อยู่ไกลขนาดนี้ได้สำเร็จ

ที่อู๋ฝานคาดหวังและพึ่งพาได้ ย่อมเป็นวิชายิงธนูของตัวเอง!

[วิชายิงธนู ระดับสูง เพิ่มอัตราการยิง 50% เพิ่มความเสียหาย 50% เพิ่มระยะการยิง 50%]

ตอนนี้อู๋ฝานครอบครองวิชายิงธนูระดับสูง หากเทียบเปรียบกับนักธนูทั่วไป วิชายิงธนูระดับสูงมีทั้งอัตราการยิง อัตราความเสียหาย และระยะการยิงที่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด วิชาธนูของเขาในเวลานี้ นับว่ายังห่างไกลจากนักแม่นธนูที่แท้จริงอยู่พอสมควร เพียงแต่หากเทียบกับคนทั้งสองฝั่งในขณะนี้ วิชายิงธนูของชายหนุ่มย่อมดีเยี่ยมที่สุดอย่างไร้ข้อกังขา

“ฟิ่ว!”

หลังอู๋ฝานเล็งเป้าเล็กน้อย ก็ปล่อยลูกธนูในมือออกไป มันพุ่งทะยานไปประหนึ่งสายฟ้า ทะลวงผ่านห้วงอากาศอันว่างเปล่า ตรงเข้าหาเป้าหมาย

เป้าหมายของอู๋ฝานไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นโฉวหย่งเชาที่กำลังอยู่บนหลังม้า!

ทั้งกองทัพกบฏมีคนอยู่บนหลังม้าราวสิบคน อีกทั้งโฉวหย่งเชายังไม่มองลูกธนูที่ยิงออกมาจากทางฝั่งหมู่บ้านจริงจังแต่อย่างใด ดังนั้นเขาและทหารส่วนตัวจึงอยู่แถวหน้าของกองทัพกบฏ เพื่อที่จะมองสถานการณ์ฝั่งคู่ต่อสู้ได้อย่างชัดเจน แน่นอนว่าฝั่งอู๋ฝานเองก็ต้องเห็นเช่นเดียวกัน

จับโจรก็ต้องจับหัวหน้าโจรให้ได้ก่อน อู๋ฝานทราบหลักการนี้เป็นอย่างดี ครั้งก่อนที่เจอกับการดักซุ่มของกองทัพกบฏที่หมายจะปล้นสะดมหน่วยขนส่ง เขาก็จับกุมตัวหัวหน้าของอีกฝ่ายเอาไว้ได้ จนนำไปสู่การสลายกองทัพกบฏที่ไร้ผู้นำ

อู๋ฝานต้องการนำความสำเร็จในครั้งนั้นมาใช้กับครั้งนี้ด้วย!

กองทัพกบฏที่ไร้ซึ่งระเบียบและแบบแผน เมื่อใดหัวหน้าถูกจับกุมหรือถูกสังหาร ทั้งกองทัพจะพังทลายลงได้โดยง่ายดาย เมื่อถึงเวลานั้นจากกำลังทหารห้าพัน อาจกลายเป็นอะไรที่เลวร้ายยิ่งกว่ากองทัพหมูห้าพันตัว นอกจากหลบหนีก็จะมีแต่ถูกจับกุมตัวหรือสังหาร

ดังนั้นการมุ่งเป้าไปยังผู้นำอีกฝ่ายคือสิ่งสำคัญ!

โฉวหย่งเชาไม่รู้ตนในตอนนี้ตกเป็นเป้าหมายของอู๋ฝาน เขาประหลาดใจด้วยซ้ำที่เห็นคนของหมู่บ้านนำโล่หลายสิบอันออกมาใช้ป้องกันตัว

คนของหมู่บ้านพวกนี้ไม่ใช่ทหารจำเป็น แต่เป็นทหารประจำการงั้นหรือ?

ไม่เช่นนั้นแล้วเหตุใดพวกเขาจึงมีทั้งคันธนู ลูกธนู รวมถึงโล่ป้องกัน หน่วยรักษาการณ์ที่จัดตั้งอย่างกะทันหันถึงกับมียุทโธปกรณ์ครบครันเช่นนี้ มันเกินกว่าความเข้าใจต่อคำว่าหน่วยรักษาการณ์ของโฉวหย่งเชาไปมากนัก

ความคิดที่ว่าอีกฝ่ายอาจเป็นกองทัพประจำการจากราชสำนัก ทำให้ใจของโฉวหย่งเชาเต้นรัว พวกเขาเคยพ่ายแพ้กองทัพประจำการของราชสำนัก จนสุดท้ายต้องหลบหนีมายังเมืองใกล้เคียงเทศมณฑลชิงหยวน สำหรับกองทัพประจำการจากราชสำนัก พวกมันถือเป็นเงามืดที่เปรียบดังฝันร้ายสำหรับโฉวหย่งเชาและพรรคพวก