ตอนที่ 365 เมินเฉยไม่ใส่ใจ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 365 เมินเฉยไม่ใส่ใจ

ฉินหลิวซีลอบคำนวณดวงชะตาเกิดของนายท่านฉินสาม แม้ผลที่ออกมาจะแย่ ทว่าไม่ถึงแก่ความตาย จึงเพิกเฉย

คิดว่าต้องไปบอกสะใภ้หวังเรื่องออกจากบ้านสักหน่อย จึงเลี้ยวมุ่งหน้าไปยังเรือนของสะใภ้หวัง ยังไม่ทันเข้าไป ก็มองเห็นอนุวั่นเดินออกมาอย่างรีบร้อน เพียงมองเห็นดาวมารน้อยพุ่งมาก็เหมือนหนูเห็นแมวอย่างไรอย่างนั้น กำลังคิดหันหลังกลับ

ฉินหลิวซีกระแอมไอ

เท้าที่กำลังจะหมุนตัวของอนุวั่นหยุดชะงัก มองดูนางเดินเข้ามาด้วยท่าทางหงอยๆ เอ่ยตะกุกตะกัก “เจ้า เจ้ามาได้อย่างไร”

“สีหน้าดูร้อนใจ เกิดเรื่องใดขึ้นหรือ”

อนุวั่นเอ่ย “อนุพานป่วยใกล้ตายแล้ว ข้าต้องไปดูสักหน่อย”

ฉินหลิวซีขมวดคิ้ว เอ่ย “ไปด้วยกันเถิด”

เดินนำอยู่ด้านหน้านาง อนุวั่นเดินตามหลังนางอยู่ด้านหลังราวกับลูกน้อง ปากแดงเล็กพร่ำบ่นไม่หยุด

ฉินหลิวซีรู้แล้วว่าอนุพานผู้นั้นไยจึงป่วยหนัก

อนุพานเป็นมารดาฉินหมิงมู่บุตรชายคนโตบ้านรอง ตระกูลฉินมีการเปลี่ยนแปลง อนุภรรยาคนอื่นๆ ของบ้านรองต่างก็แยกย้ายแล้ว นางผู้มีบุตรชายได้ตามกลับมายังบ้านเก่า อยู่อย่างสงบเสงี่ยม เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ใช่คนเรื่องมาก มองออกได้ง่ายๆ ไม่เป็นที่สะดุดตา หากไม่ใช่อนุวั่นเอ่ยถึง ฉินหลิวซีก็ไม่รู้ว่ายังมีคนผู้นี้อยู่

แม้อนุพานไม่ได้สวยโดดเด่น แต่เมื่อเทียบกับอนุวั่นที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ความกังวลของนางมีมากกว่า บุตรชายเพียงคนเดียวถูกเนรเทศไปยังซีเป่ย นางผู้เป็นมารดาแน่นอนว่าย่อมทุกข์ใจ กลัดกลุ้มอมทุกข์ บวกกับคนตระกูลเวินมาถอนหมั้น นางโกรธจนล้มป่วย

สะใภ้เซี่ยไม่ได้ใจกว้างอย่างสะใภ้หวัง ที่จะดูแลอนุภรรยาเหมือนดูแลน้องสาว สายตาที่มองอนุพานนั้นราวกับมีเข็มคอยทิ่ม การป่วยของอีกฝ่าย นางไม่ลุกขึ้นมากระโดดตบไม้ตบมือก็นับว่าใจดีแล้ว ไหนเลยจะคอยเป็นห่วงเป็นใย คอยดูและรักษาอย่างหมอได้

เพราะเช่นนี้ อนุพานจึงป่วยทรมานลากยาวมานาน จนกระทั่งป่วยหนักจนไม่สามารถลงจากเตียงได้แล้ว หากไม่ใช่เพราะอนุวั่นเป็นห่วงนาง คนตายไปแล้วคงไม่รู้ว่าตายไปตั้งแต่เมื่อใด

เพียงฉินหลิวซีก้าวเข้ามาในเรือนเล็กของอนุพานพลันต้องปิดจมูก กลิ่นเน่าเปื่อยในห้องนี้ หนักยิ่งกว่าเรือนนางฉินผู้เฒ่าเสียอีก

เดินมาถึงห้องด้านใน สิ่งที่เข้าสู่สายตาคือร่างสตรีซูบผอมจนเห็นกระดูกผู้หนึ่ง

มวยผมสองข้างของนางเป็นสีขาว รอบดวงตาดำคล้ำ แก้มทั้งสองข้างตอบลงไป กลิ่นความเจ็บป่วยกระจายไปทั่วร่าง กลิ่นความตายเข้มข้น

อนุวั่นเอ่ยไม่ผิด นางป่วยใกล้ตายแล้ว

“อนุพาน คุณหนูใหญ่มาดูอาการป่วยของเจ้าแล้ว” อนุวั่นเดินเข้าไป ประคองอนุพานขึ้นมา พิงไว้กับร่างของตน

ฉินหลิวซีเห็นนางไม่มีท่าทีรังเกียจ ดวงตามีความอ่อนโยนขึ้น

โง่ก็โง่ไปบ้าง ทว่าจิตใจดี มิน่าจึงพอมีบุญอยู่บ้าง

พลังชีวิตของอนุพานบางเบา มองไปยังฉินหลิวซี น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ย “คุณหนูใหญ่หรือเจ้าคะ”

ฉินหลิวซีเดินเข้าไป จับข้อมือนางตรวจชีพจร เมื่อสัมผัส หัวคิ้วพลันขมวดแน่นขึ้น

พลังชีวิตของคนผู้นี้ถูกปิดกั้นไปกว่าครึ่ง โอกาสมีชีวิตถูกตัดไปกะทันหัน เพราะอวัยวะภายในทั้งหมดของนางเสียหายไปมากเกินไป หากไม่สนใจ อีกไม่กี่วันนางคงได้ตายไปจริงๆ

และคนผู้นี้ เป็นตัวนางเองที่ทำให้ตนเองเป็นเช่นนี้

ฉินหลิวซีเย็นชาและโกรธเล็กน้อย ป่วยก็ส่วนป่วย แต่ตัวเองทำตัวเอง ปล่อยน้ำมันตะเกียงให้แห้ง นางโกรธคนเช่นนี้ยิ่งนัก

“เป็นอย่างไร ต้องกินยาใดหรือ” อนุวั่นเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

ฉินหลิวซีเย็นชาปรายตามองอนุพาน เอ่ย “นางไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ยังจะกินยาไปทำไมกัน เปลืองเงินเปลืองสมุนไพรไปทำไมกัน”

อนุวั่นส่งเสียงอ๋าเบาๆ มองไปยังอนุพานที่อยู่ในอ้อมแขน เอ่ยถามคำถามโง่ๆ หนึ่งประโยค “อนุพาน เจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือ”

อนุพานตัวแข็งทื่อ “…”

ฉินหลิวซีกุมขมับ

“ไยจึงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วเล่า เจ้าบอกว่าจะรอนายน้อยใหญ่กลับมามิใช่หรือ เจ้ายังทำพื้นรองเท้าให้เขามากมายเพียงนั้น ไม่เสียดายหรือ” อนุวั่นเอ่ยออกมาด้วยความเสียดาย

อนุพาน เจ้ารีบหุบปากเถิด

หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ไม่เหมาะสม ฉินหลิวซีคงอยากหัวเราะออกมาแล้ว อนุวั่นช่างทำให้คนโกรธได้โดยไม่รู้ตัว อยากให้มีดสับลงไปโดยไม่เสียดาย

ฉินหลิวซีมองอนุพานที่หลับตาลง จึงเอ่ย “ยาสามารถรักษาอาการป่วย ทว่าไม่สามารถรักษาจิตใจได้ นางป่วยใจ ปล่อยให้ร่างกายของตนเองกลายเป็นเช่นนี้ การกระทำเช่นนี้เท่ากับทำร้ายตนเอง ดังนั้นต่อให้กินยาก็ไม่อาจช่วยได้”

อนุวั่นหันไปมองอนุพานทันใด ริมฝีปากกระตุก

“ใจป่วยยังต้องรักษา อนุพาน อาการป่วยนี้ของเจ้า ยาเดียวที่จะช่วยเจ้าได้คือบุตรชายของเจ้า” ฉินหลิวซีจ้องอนุพานเขม็ง เอ่ย “ไยเจ้าจึงทำให้เขาเป็นยาพิษแทนที่จะเป็นยาดี”

อนุพานลืมตาขึ้นมาทันใด ดวงตามีน้ำตาไหลลงมา

“ถูกเนรเทศเท่านั้น มิใช่ตัดศีรษะ ต้องมีความหวังว่าสักวันจะได้พ้นโทษ ต่อให้ไม่มี เขาก็ยังมีชีวิตอยู่มิใช่หรือ อีกอย่างการถอนหมั้น นี่เป็นเรื่องใหญ่จนรับไม่ได้เลยหรือ เขาเพิ่งอายุเท่าใด สตรีบนโลกมีมากมาย เจ้ายังกลัวเขาจะโดดเดี่ยวอยู่อีกหรือ” ฉินหลิวซีสีหน้าเรียบนิ่ง “เจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ เมื่ออยู่ต่อหน้าความตายแล้วก็กลายเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”

อนุพานถูกพูดจนร้องไห้เสียงดังออกมา

“หากเจ้ายังอยากเห็นเขากลับมา ก็คิดว่าเขาเป็นความหวัง ใช้ชีวิตให้ดี มิเช่นนั้นหากเจ้าไม่อยู่แล้ว จะคาดหวังให้ผู้ใดดูแลฉินหมิงมู่แทนเจ้าได้ อาสะใภ้รองหรือ”

คาดหวังกับสะใภ้เซี่ย มิสู้ขอร้องทวยเทพจะดีกว่า

อนุพานเงยหน้าขึ้นมา กุมหน้าอกที่กำลังเจ็บปวด ดิ้นรนอยากโขกศีรษะให้กับฉินหลิวซี เสียงแหบแห้ง “คุณหนูใหญ่ ข้าไม่กล้าทำร้ายตนเองอีกแล้ว ท่านช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ”

“เจ้าไม่ต้องทรมาน หากดิ้นรนต่อไปอาจต้องตายจริงๆ เทพเซียนยากจะช่วยได้ คุณหนูใหญ่นางช่วยได้…” อนุวั่นลังเลชั่วครู่ หันมองฉินหลิวซี “หรือไม่”

ฉินหลิวซีนวดหัวคิ้วอีกครั้ง คนยังไม่ตาย แต่จะตายเพราะโกรธเจ้านี่แหละ

นางไม่ได้สนใจคำพูดของอนุวั่น เพียงนั่งลงหยิบกระดาษพู่กันมาเขียนใบสั่งยา

สะใภ้หวังที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกได้ข่าวจากเสิ่นหมัวหมัวก็มาพอดี มองเห็นอนุพานที่ซูบผอมเยี่ยงนั้น สูดหายใจเข้าลึก จากนั้นต่อว่าไปหนึ่งรอบ

อนุวั่นที่เห็นสะใภ้หวังอารมณ์มั่นคงมาตลอดกำลังโมโห แทบอยากหดตัวทำให้ตนเองเท่าเม็ดข้าวโพด

สวรรค์ ที่แท้นายหญิงก็มีด้านน่ากลัวอย่างนี้เช่นกัน โชคดีที่ข้าไม่มีความคิดอยากแย่งชิงเหมือนคนอื่น มิฉะนั้นนางคงได้จัดการไปแล้ว

ข้าฉลาดจริงๆ

เมื่อสะใภ้หวังระเบิดอารมณ์เสร็จแล้ว แม้จะไม่ดั่งใจแต่ก็ยังให้เสิ่นหมัวหมัวสั่งพ่อบ้านหลี่ไปปรุงยา เรียกเสวี่ยเอ๋อร์มาคอยดูแลจนกว่านางจะหายดี

“อนุพาน หากเจ้ายังอยากเห็นเจ้าเด็กหมิงมู่นั่น ต้องรักษาสุขภาพตนเองให้ดี หากเจ้าตายไป มีผู้ใดบ้างจะช่วยดูแลลูกเจ้าได้” สะใภ้หวังเอ่ยเสียงหนักอีกครั้ง

อนุพานตกใจ เช็ดน้ำตา เอ่ย “ข้าเพียงอดไม่ได้ ข้ากลัวว่าเขาอยู่ที่นั่นจะใช้ชีวิตไม่ดี”

“ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าว่า ข้าคงไม่ควรกลัวมากกว่าเจ้าหรือ เยี่ยนเอ๋อร์อายุน้อยกว่าหมิงมู่หลายปีด้วยซ้ำ” สะใภ้หวังกระบอกตาแดงขึ้นมา

อนุพานเห็นว่าไปแตะต้องเรื่องในใจของนางเข้า จึงรีบเอ่ยบอกว่าตนจะไม่คิดเหลวไหลอีก จะดูแลร่างกายให้ดี

นางตัวสั่นเหลือบมองฉินหลิวซีเล็กน้อย

ฉินหลิวซีไม่ปรายตามองนางแม้เพียงนิด เห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้วจึงเดินออกไป เห็นแล้วหงุดหงิด ทำเป็นเมินเฉยไม่ใส่ใจ