บทที่ 340 พี่น้องร่วมสายเลือด

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 340 พี่น้องร่วมสายเลือด

บทที่ 340 พี่น้องร่วมสายเลือด

หรือว่าตอนนี้ขั้นเทพดาราใครก็สามารถเป็นได้? พวกเขาไม่อยากเชื่อความคิดนี้เท่าไร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขาต้องเชื่อ วันนี้อาจเป็นวันที่เหมาะแก่การทะลวงขั้นพลัง เหล่าปรมาจารย์แต่ละนิกายเลยต่างพากันทะลวงระดับพลังกันในวันนี้ เรียกได้ว่าเป็นความบังเอิญในรอบหมื่นกว่าปีเลยก็ว่าได้

แต่ยังมีความเป็นไปได้อีกหนึ่งอย่างก็คือคนเหล่านั้นมาจากนิกายเดียวกัน พอคิดเช่นนี้เหล่าผู้ทรงอิทธิพลหลายนิกายก็ขมวดคิ้วแน่นอย่างอดไม่ได้ เกรงว่าถ้าพวกเขาไม่เตรียมตัวให้ดี อาจโดนบุกโจมตีได้ตลอดเวลาแน่

เหล่าคนที่เพิ่งทะลวงเข้าสู่ขั้นเทพดาราหรือจะเป็นคนของนิกายกิเลนกัน? ถ้าเป็นแบบนั้นอันตรายแน่! ตอนนี้พวกเขาคือนิกายระดับ 1 และนิกายกิเลนเป็นนิกายระดับ 2 ความแตกต่างนี้มากมายมหาศาล แต่ถ้านิกายกิเลนทะลวงระดับได้พร้อมกันจริง ๆ พวกมันต้องมาท้าทายนิยายระดับ 1 อย่างแน่นอน!

แต่มันเป็นไปได้ยังไง? ลูกชายของประมุขนิกายกิเลนหายสาปสูญแถมเหล่าผู้อาวุโสก็อยู่แต่ในนิกาย ส่วนศิษย์ก็กระจายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ แต่ไม่เคยมีข่าวแจ้งมาว่ามีใครโดดเด่นขึ้นมาในหมู่ศิษย์ งั้นคนที่ทะลวงขั้นเทพดาราก็คือผู้แข็งแกร่งอันดับ 1 หรืออันดับ 2 ในนิกายกิเลน!

แต่คนเก่ง ๆ ของนิกายกิเลนตอนนี้ก็แทบจะถูกพวกเขากำจัดไปหมดแล้ว พลังอำนาจของนิกายกิเลนตอนนี้เหลือเพียงแต่เปลือก แม้จะมีเหล่าผู้อาวุโสที่ฝึกฝนมายาวนานอยู่บนเกาะ แต่เหล่าผู้อาวุโสพวกนั้นค้างอยู่ระดับพลังเดินนับร้อยปีแล้ว การจะทะลวงขั้นพลังในทันทีนั้นเป็นไปไม่ได้!

…….

แต่ในความคิดของหยูเหวินเชิงเฟิง พวกเขาเป็นนิกายระดับ 1 มาตลอดไม่เคยอ่อนแอลงแต่อย่างใด แต่พวกเขาต้องซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้เพราะนิกายทรงอำนาจต่าง ๆ แสดงท่าทีว่าจะคุกคามพวกเขา พวกเขาเลยทำได้แต่ต้องซ่อนขุมกำลังเอาไว้

ถ้านิกายระดับ 1 รู้ตัวพวกเขาก็จะกำจัดทิ้ง! เมื่อเป็นเช่นนี้หยูเหวินเชิงเฟิง จึงออกคำสั่งกับศิษย์ในนิกายให้เก็บงำฝีมือตัวเองเอาไว้ เพราะกลัวว่านิกายระดับ 1 จะรู้เข้า!

แน่นอนว่าตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสเลื่อนขั้นพลังได้ 2 ถึง 3 ขั้นในเวลานี้หากว่ามีนิกายทรงอำนาจหน้าไหนกล้ามาหาเรื่องล่ะก็ สุดท้ายไม่แน่ว่าใครจะถูกฆ่ากันแน่ ตอนนี้พวกเขาเริ่มมีความมั่นใจ แต่ก็ต้องปิดข่าวเอาไว้ก่อนห้ามเผยแพร่ออกไป เพราะถ้าวันหนึ่งนิกายใหญ่เหล่านั้นร่วมมือกันเพื่อโจมตีพวกเขา เช่นนั้นนิกายกิเลนของพวกเขาก็คงต้องถึงจุดจบ!

การที่นิกายกิเลนจะขึ้นเป็นนิกายระดับ 1 นั้นต้องวางแผนดี ๆ ถ้าลงมือเร็วเกินไปก็อาจต้องตายกันหมด ที่พวกเขารู้สึกโชคดีก็คือเหล่านิกายระดับ 1 น่าจะยังไม่สงสัยนิกายระดับ 2 อย่างพวกเขา เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเขาก็น่าจะมีเวลาเตรียมตัวเพิ่มขึ้นอีก!

พวกเขาต้องซ่อนตัวในที่ปลอดภัยและเตรียมการให้พร้อมที่จะต่อกรกับนิกายต่าง ๆ แต่ขณะที่ต้องปิดบังความแข็งแกร่งเอาไว้ พวกเขาก็กังวลไม่น้อย หยูเหวินเชิงเฟิงกลัวว่านิกายเหล่านั้นจะรู้เรื่องแล้วและแอบวางแผนรับมือเอาไว้ ถ้าพวกนั้นเป็นแบบนั้นจริง ๆ พวกเขาก็คงไม่มีทางรอดแน่

แต่ยังไงเรื่องมันก็ยังไม่เกิดขึ้น พวกเขาได้แต่ถอนหายใจแล้วกลับมาสนใจการเลื่อนระดับพลังดีกว่า ส่วนเรื่องของอนาคตก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต!

กลับมาที่ ฉู่เหิน

ครั้งนี้ฉู่เหินไม่เพียงแต่ตระหนักรู้ พลังดวงดาวในร่างกายของเขาเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน! เปลี่ยนแปลงเยอะที่สุดเห็นจะสายเลือด เดิมทีสายเลือดของเขาก็ปกติดีเหมือนคนธรรมดา แต่หลังจากที่เขาสื่อสารกับสวรรค์แล้วก็เกิดความลึกลับบางอย่างทำให้สายเลือดของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!

การเปลี่ยนแปลงขั้นต้นที่ยืนยันได้ก็คือสีของเลือด เดิมทีสีของเลือดควรจะเป็นสีแดง ทว่าตอนนี้มันกลับเปลี่ยนเป็นสีทอง พละกำลังของเขาเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไม่ได้มีแค่เขาที่ได้รับประโยชน์ แม้แต่ญาติสายเลือดเดียวกับเขาทุกคนต่างก็ได้รับประโยชน์ด้วยเช่นกัน!

ในเวลาเดียวกัน ณ เมืองหลินอัน ชายชราในวัยเกษียณ กำลังก้มหยิบของจากถังขยะ ด้วยร่างกายเหนื่อยล้า ทำให้แต่ละก้าวที่เดินไปข้างหน้ากะเผลก ๆ ทั้งยังไอไม่หยุด เมื่อยื่นมือออกไปก็มักจะสั่น ๆ ขาทั้งสองข้างเองก็สั่นไม่หยุด ท่าทางแบบนี้ใครเห็นก็ว่าน่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน

ชายชราคนนี้ชื่อว่า ฉู่ตงหลิน เดิมทีเขาเคยมีบ้านที่ทั้งสงบและมีความสุข แต่ใครจะไปคิดว่าเมื่อ 20 ปีก่อน ตอนที่ตัวเองเดินอยู่ข้างนอกบ้านก็เจอการฆ่าล้างแค้น พวกเขาต่อสู้กันอยู่สักพัก ในที่สุดนักฆ่าคนนั้นก็ถูกฆ่าตาย แต่ร่างกายของเขาก็บาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่ใช่เพราะวรยุทธของเขาสูงส่ง เกรงว่าชีวิตนี้คงต้องจบสิ้นแล้ว

ทว่าหลังจากที่เขาสะสางบัญชีแค้นเสร็จแล้ว ก็พบว่าลูกชายในวัย 3 ขวบที่น่าสงสารของเขาหายไปแล้ว! เขาตรวจสอบอย่างละเอียดอยู่พักใหญ่แต่ก็ไม่พบแม้แต่ร่องรอย เขาจึงต้องกลับบ้านอย่างไม่มีทางเลือกแล้วหวังว่าจะหาลูกชายของตัวเองกลับมาได้

บ้านตระกูลฉู่เป็นตระกูลที่ลึกลับ เมื่อหลายร้อยปีก่อนบรรพบุรุษของพวกเขาท่องทะเลไปจนเจอโลกที่ซ่อนอยู่และอยู่อย่างสันโดษที่นั้น พื้นที่ของโลกใบนั้นใหญ่มาก แต่คนตระกูลฉู่กลับน้อยมาก ฉู่ตงหลินเป็นผู้สืบทอดสายเลือดเพียงแค่คนเดียวในรุ่นเท่านั้น

เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้คนตระกูลนี้จึงค่อนข้างเดี่ยวดายและน่าสงสาร! แต่โชคดีที่คนตระกูลทุกคนมีวรยุทธที่แข็งแกร่งเหนือฟ้า แม้แต่นิกายระดับ 1 ก็ยังไม่กล้ายุ่งเกี่ยวจึงทำให้ตระกูลฉู่อยู่อย่างสงบสุขมาโดยตลอดบนท้องทะเลอันกว้างใหญ่

แต่ฉู่ตงหลินก็ได้แต่งงาน เรื่องนี้ทำให้ผู้อาวุโสในตระกูลฉู่พากันดีใจยกใหญ่ เพราะในที่สุดตระกูลฉู่ก็มีความหวังในการสืบเชื้อสายแล้ว

และก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ฉู่ตงหลินในวัย 20 ปีที่แต่งงานมีลูก 1 คน ทั้งยังเป็นลูกชายทำให้คนตระกูลฉู่ยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่ ตอนที่ปู่ย่าตั้งชื่อให้เด็กคนนี้ พวกเขาก็หวังว่าเด็กชายคนนี้จะมีชื่อที่ไพเราะ มีชื่อเสียงดีงามและทิ้งร่องรอยไว้ให้ผู้คนบนโลกได้จดจำ จึงตั้งชื่อเขาว่า ‘เหิน’ เด็กน้อยคนนี้ชื่อ “ฉู่เหิน!”

ทว่าสวรรค์กลับไม่เห็นใจตระกูลฉู่ เรื่องไม่คาดฝันขึ้นระหว่างทางขณะที่

ฉู่ตงหลินพาลูกชายไปบ้านพ่อตา ฉู่ตงหลินได้รับบาดเจ็บนั้นยังไม่เท่าไรแต่เขากลับทำลูกชายหาย พอกลับมาบ้านเขาภรรยาเขาก็ป่วยหนักจนอันตรายถึงชีวิต แต่ก็รอดมาได้

ทำให้ผู้อาวุโสตระกูลฉู่ถอนหายใจกับสวรรค์ เหตุใดพระเจ้าถึงใจร้ายไม่ยุติธรรมกับตระกูลฉู่แบบนี้? พวกเขาออกคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาออกตามหาอย่างไม่หยุดหย่อนตลอด 20 ปี แต่ว่ากลับไม่พบแม้แต่ร่องรอย

ทว่าโชคร้ายเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากฉู่เหินหายตัวไป 3 เดือน ฉู่ตงหลินก็มีลูกคนที่ 2 อีกทั้งยังเป็นลูกชาย! ทำให้บรรยากาศในตระกูลดีขึ้นมาหน่อย แต่เด็กน้อยยังไม่ทันได้ 2 ขวบก็ถูกคนใจดำทำร้ายพร้อมกับวางยาพิษ แม้จะสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่ร่างกายอ่อนแอเหลือเกิน

ตระกูลฉู่เหมือนกับถูกสายฟ้าฟาดซ้ำ พวกเขาจึงออกตามหาคนร้ายทั่วทุกสารทิศ แต่คนร้ายกับกระโดดหายลงไปในทะเลซ้อนตัวหายังไงก็หาไม่เจอ! ส่วนลูกชายคนที่ 3 ของผู้นำตระกูลฉู่ก็มีแต่ลูกสาว นี้ยิ่งทำให้สีหน้าของคนตระกูลฉู่หน้านิ้วคิ้วขมวดยิ่งไปอีก!

ส่วนฉู่ตงหลินไม่พักฟื้นอาการบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย เขาออกไปค้นหาและสอบถามข้อมูลยังโลกกว้าง ไม่มีใครให้ข้อมูลเขาได้เลย ทำให้เงินเก็บถูกใช้จนหมด เขาไม่มีทางเลือกจึงต้องเก็บหาของในกองขยะไปหาลูกชายของเขาไปด้วยเป็นเวลากว่า 20 ปี!

วันนี้เป็นวันที่ 3 เดือนกันยายน ฉู่ตงหลินหยุดแผนที่วางไว้แล้วรีบกลับตระกูลเพื่อไปหาลูกชายคนที่ 2! ลูกชายคนที่ 2 ของเขาโชคดีมากที่รอดมาได้จนถึงตอนนี้ แต่เขากลัวว่าลูกชายของเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกินวันที่ 3 เดือนกันยายน!

ดังนั้นนี้เป็นวันที่ลูกชายของเขาจะอยู่บนโลกเป็นวันสุดท้ายแล้ว เขาต้องกลับไปหาลูกชายของเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องรีบกลับบ้าน

แม้ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขาจะยังไม่หาย แต่เขาก็ยังเป็นผู้ไร้เทียมทานเขาใช้พลังทั้งหมดออกมา เพียง 10 นาทีเขาก็มาถึงเกาะตระกูลฉู่แล้ว!

ฉู่ตงหลินรีบกลับมาก็พบว่าในบ้านคนเต็มไปหมด แม้แต่ผู้อาวุโสที่เก็บตัวฝึกตนอย่างสันโดษเองก็ออกมา! ทุกคนพากันมองท้องฟ้าแล้วถอนหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรง พวกเขาทำได้เพียงมองชายหนุ่มอายุ 20 ปีนอนอยู่บนเตียงด้วยลมหายใจที่รวยรินราวกับจะดับสิ้น