ตอนที่ 282 ชาติที่แล้วโง่มาก ตอนที่ 283 แบบเฉพาะของเผ่าหมาป่าพระจันทร์

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 282 ชาติที่แล้วโง่มาก / ตอนที่ 283 แบบเฉพาะของเผ่าหมาป่าพระจันทร์

ตอนที่ 282 ชาติที่แล้วโง่มาก

หลังจากกินอาหารกลางวันและพักผ่อนเสร็จแล้ว อวิ๋นไป๋ก็เป็นคนขับรถให้มู่เถาเยากับลู่จือฉิน

คนตระกูลเย่ว์มองพวกเขานั่งรถที่ไม่สะดุดตาคันหนึ่งออกไป

พวกเขาก็อยากไปเป็นเพื่อนมู่เถาเยาเหมือนกัน!

มู่เถาเยาหันกลับไปมองทุกคนที่ยังคงยืนอยู่ตรงประตูมองส่งพวกเธอออกไปไกล ได้แต่ปลงอยู่ในใจ

ลู่จือฉินก็หันไปมอง ยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยา มีคิดไว้ไหมว่าจะกลับมาเมื่อไร”

เธอรู้แล้วว่าลูกศิษย์เป็นว่าที่หัวหน้าเผ่า อีกทั้งคนตระกูลเย่ว์ก็กำลังสร้างศูนย์วิจัยให้เสี่ยวเยาเยา และกำลังรวบรวมหมอชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลก…ยังมีของขวัญเป็นบ้านอีกมากมาย…

ถึงแม้หลายปีมานี้เสี่ยวเยาเยาจะไม่อยู่ แต่พวกเขาก็ทำเหมือนเธอยังอยู่ เทศกาลของทุกปีไม่ว่าจะวันเกิด ปีใหม่ เป็นต้น ต่างเก็บของขวัญเอาไว้ให้เธอ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบ้านพักตากอากาศ เกาะ และเงินฝาก

ทรัพย์สินส่วนตัวของเสี่ยวเยาเยาเพียงพอให้เธอซื้อประเทศที่ร่ำรวยได้แล้ว

แม้แต่ไป๋อวิ๋นเห็นแล้วยังต้องร้องว่าสู้ไม่ได้

คนตระกูลเย่ว์กับตระกูลเป่ยทุ่มเทให้ไม่น้อยไปกว่าหมอเทวดาหยวนกับเจ้าสำนักซย่าโหว

มู่เถาเยาครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น “อีกห้าปีน่าจะมาอยู่ระยะหนึ่งค่ะ”

พอถึงตอนนั้น ตี้อู๋เปียนคงหายดีแล้ว หรืออาจจะอยู่ต่อได้อีกระยะหนึ่งเพราะดอกไม้สองชีวิต หรืออาจจะ…เสียแล้ว

อวิ๋นไป๋กับลู่จือฉินต่างรู้ว่าทำไมถึงต้องอีกห้าปี

“หลานน้า พยายามให้เต็มที่ก็พอนะ”

ไม่ว่าจะดีหรือร้าย คนตระกูลตี้กับตระกูลอวิ๋นต่างจดจำบุญคุณครั้งนี้ไว้

“ค่ะ”

ก็คงได้แค่แบบนี้

ยาวิเศษใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ

คงต้องพึ่งดวงกับดูว่าชะตาถึงฆาตหรือยัง

ทำในสิ่งที่ทำได้ให้ดีที่สุด ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของสวรรค์ลิขิต

“น้าเล็กอวิ๋นมาที่เผ่าตอนอายุยี่สิบเหรอคะ”

“ไม่ใช่ น้าเคยมากับพ่อแม่ก่อนหน้านั้นอีก ตอนอายุยี่สิบมาพร้อมพี่สาวกับพี่เขย เจอคุณอาของหนูเป็นครั้งแรก”

เขายังจำได้ชัดเจน ความรู้สึกตะลึงที่เห็นเย่ว์เลี่ยงในตอนนั้น

ลู่จือฉินยิ้มพูด “ตั้งยี่สิบปีแล้วคุณก็ยังหนักแน่น”

เธอดีใจแทนเพื่อนจริงๆ ขณะเดียวกันก็แอบร้อนใจ

จักรพรรดิมู่สร้างบาดแผลไว้ให้เย่ว์เลี่ยงลึกเหลือเกิน ด้วยเหตุนี้เย่ว์เลี่ยงถึงไม่เชื่อในความรักบนโลกอีก

อันที่จริงมุมมองของเธอไม่เหมือนกัน

จะใช้ชีวิตคนเดียวหรือสองคนไม่ใช่ปัญหา สิ่งสำคัญคืออยู่คนเดียวมีความสุขหรืออยู่สองคนแล้วมีความสุข

มนุษย์มาอยู่บนโลกก็เพื่อแสวงหาความสุขไม่ใช่เหรอ

เจอคนเลวบ้างมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

กินปลาแล้วถูกก้างปลาแทงเหงือกจะไม่กินปลาอีกแล้วหรือเปล่าล่ะ

แต่ลู่จือฉินก็เข้าใจเย่ว์เลี่ยง รู้ว่าเย่ว์เลี่ยงไม่ได้แค่กลัวว่าจะเกิดปัญหาอีก แต่ยังคงค้างคาใจที่ตอนนั้นตายไปโดยทิ้งลูกๆ ไว้

ตอนนี้มาลองคิดดู ไม่สู้ตอนนั้นแข็งใจไว้ก็คงดี เสี่ยวเยาเยากับน้องชายจะได้ไม่ต้องลำบากขนาดนั้น

มาประเทศเหยียนหวง เธอต้องคิดแน่นอนว่าชาติที่แล้วตัวเองโง่มาก!

ลู่จือฉินแอบถอนหายใจอยู่ลึกๆ

ยังดีที่เสี่ยวเยาเยาก็มาโลกนี้ด้วย ไม่อย่างนั้นใครก็แก้ปมในใจของเธอไม่ได้

“ชีวิตนี้ผมชอบแค่เย่ว์เลี่ยง เธอไม่แต่งผมก็ไม่แต่ง”

พออวิ๋นไป๋พูดถึงเย่ว์เลี่ยง เขาก็เหมือนมีแสงเปล่งประกายทั้งตัว

ลู่จือฉินไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

มู่เถาเยายิ้มบางอย่างอารมณ์ดี “น้าเล็กอวิ๋น ยี่สิบปีก็ไม่ใช่เวลาสั้นๆ แล้วนะคะ”

“ทั้งชีวิตก็ไม่ถือว่ายาวนาน”

“หนูสนับสนุนน้าเล็กนะคะ อย่าเพิ่งถอดใจง่ายๆ ล่ะ”

อวิ๋นไป๋พูดด้วยความดีใจ “ไม่มีทาง”

เขาร่วมงานกับเย่ว์จือกวงอย่างเหนียวแน่น ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากอยู่ที่เผ่าได้นานหน่อย

ลู่จือฉินพอใจมากหลังจากที่เจออวิ๋นไป๋

อย่าว่าแต่เสี่ยวเยาเยาเลย เธอเองก็สนับสนุนให้เย่ว์เลี่ยงแต่งงานกับเขา

ผู้ชายดีๆ ที่หาได้ยาก

ทั้งสามคนคุยแต่เรื่องของเย่ว์เลี่ยงไปตลอดทาง

“อาจารย์สาม เสี่ยวเยาเยา ครอบครัวเหมียวอยู่หมู่บ้านข้างหน้านี้ หมู่บ้านแห่งนี้ทิวทัศน์ใช้ได้ เพราะด้านหลังติดป่าพิษหมาป่า ไม่งั้นพวกเราจอดรถตรงนี้แล้วแสร้งทำเป็นนักท่องเที่ยวเดินเข้าไปดีไหม”

ทั้งสองคนพยักหน้า

ก่อนหน้านี้พวกเธอก็คิดไว้แบบนี้

อวิ๋นไป๋ขับรถไปจอดที่ลานจอดรถนักท่องเที่ยว

ทั้งสามคนลงจากรถ สวมแว่นกันแดดและหมวก เดินเข้าไปจากทางเข้าหมู่บ้าน

หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการพัฒนาอย่างดี ระหว่างทางเป็นร้านรวงต่างๆ ที่มีการตกแต่งอย่างเป็นระเบียบ เช่น ร้านอาหาร ร้านของฝาก ร้านขายผลิตภัณฑ์งานฝีมือ เป็นต้น

มู่เถาเยากับลู่จือฉินเดินไปกินไปตลอดทางเพื่อให้เนียนเหมือนเป็นนักท่องเที่ยว ทั้งยังคุยด้วยว่าอันไหนรสชาติถูกปาก

อวิ๋นไป๋ก็คอยตามจ่ายเงินอย่างมีความสุข

บ้านของครอบครัวเหมียวอยู่ในหมู่บ้าน ไม่ค่อยติดถนน เปิดเป็นที่พักเล็กๆ

สามีภรรยาที่ดูเหมือนอายุหกสิบกว่านั่งคุยเรื่อยเปื่อยอยู่ตรงห้องโถง

พวกมู่เถาเยาสามคนเคยเห็นรูปถ่ายมาก่อน รู้ว่าสองคนนี้ก็คือพ่อแม่ของเหมียวอวี้

“คุณป้ามีไอศกรีมขายไหมคะ” มู่เถาเยาเห็นตู้เย็น

“แม่หนู พวกเราไม่มีไอศกรีมขายหรอก แต่มีนมอัดแท่ง รสนมหมาป่า”

“ผลนมหมาป่าอร่อยมาก! พวกเราเอาสามแท่งค่ะคุณป้า”

“ได้จ้ะ รอเดี๋ยวนะ”

เถ้าแก่ชายยิ้มถาม “เป็นนักท่องเที่ยวกันใช่ไหม”

“ใช่ค่ะคุณลุง หนูกับคุณน้าคุณอามาจากประเทศเหยียนหวง เผ่าหมาป่าพระจันทร์ทิวทัศน์สวยมากเลยค่ะ ผู้คนก็เป็นมิตร”

ชายชราดีใจมาก

“ประเทศเหยียนหวงเหรอ! ลุงเคยทำงานที่นั่นอยู่ยี่สิบปี!”

“จริงเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นคุณลุงว่าประเทศเหยียนหวงเป็นยังไงบ้างคะ”

“ใช้ได้ๆ ! ถ้าไม่ติดว่า…เฮ้อ คนเราแก่แล้วก็อยากกลับบ้านเกิด”

รอยยิ้มบนใบหน้าของชายชราหายไป

ตอนที่ 283 แบบเฉพาะของเผ่าหมาป่าพระจันทร์

“นี่จ้ะ นมอัดแท่ง”

เถ้าแก่หญิงหยิบนมอัดแท่งออกมาสามแท่งยื่นให้พวกมู่เถาเยา

อวิ๋นไป๋ถามราคาแล้วจ่ายเงิน

“พวกเราขอนั่งที่นี่สักพักได้ไหมคะคุณป้า ข้างนอกแดดแรงมากเลย”

“เอาสิ อยากนั่งนานแค่ไหนก็ตามสบายเลยจ้ะ”

“ขอบคุณค่ะ”

เถ้าแก่หญิงยิ้มพูดอย่างอารมณ์ดี “มาเยือนก็คือแขก ไม่ต้องเกรงใจจ้ะ”

พวกมู่เถาเยากินนมอัดแท่งพลางพยักหน้าชมใหญ่

ลู่จือฉิน “กลิ่นนมหอมมาก รวมกับกลิ่นหวานแบบเฉพาะของผลนมหมาป่า เข้ากันได้ดีสุดๆ” แม้แต่เธอที่ไม่ค่อยชอบกินของเย็นๆ ก็ยังรู้สึกว่าอร่อยมาก

รสชาติแบบนี้ ไม่ว่าจะคนอายุเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นคนกินยากขนาดไหน ก็ยอมรับได้ง่ายๆ

มู่เถาเยากินอย่างเอร็ดอร่อย

นมอัดแท่งแบบนี้ดีกว่าแบบที่เป็นนมล้วนหรือรสผลไม้ล้วนเยอะ เพราะไม่มีอะไรที่เข้ากับนมได้ดีไปกว่าผลนมหมาป่าอีกแล้ว!

เธอกินหมดแท่งก็อยากกินอีก แต่ลู่จือฉินไม่ให้กิน

ต่อให้เป็นฤดูร้อน แต่การกินของเย็นมากๆ ในคราวเดียวก็ไม่ดี โดยเฉพาะผู้หญิง

เถ้าแก่หญิงเห็นสายตาโหยหาของมู่เถาเยาจึงยิ้มพูด “แม่หนู ถ้าชอบกินผลนมหมาป่าล่ะก็ ป้ามีอยู่หน่อย เอาไปกินสิ” ชี้ไปที่จานผลไม้บนโต๊ะ

เด็กคนนี้หน้าตาน่าเอ็นดู เธอเห็นปุ๊บก็รู้สึกถูกชะตาทันที

“ขอบคุณค่ะคุณป้า ช่วงสองวันมานี้พวกเราก็กินไปเยอะแล้ว ผลนมหมาป่าอร่อยจริงๆ ค่ะ แต่น่าเสียดายที่ไม่ส่งออก”

ถ้าส่งออก คนที่บ้านคงไม่ต้องลงทุนลงแรงส่งไปให้เธอ

ใช้เครื่องบินขนมาโดยเฉพาะต้นทุนสูงมาก

เถ้าแก่ชายยิ้มพูด “ของกินในเผ่าเราส่วนใหญ่ไม่ส่งออก เว้นเสียแต่จะมีเยอะเกินไป คนในเผ่ากินเองไม่ไหว”

อย่างพวกรังนกที่เดิมทีก็มีน้อยอยู่แล้ว คนท้องถิ่นยังจะไม่พอกิน แล้วจะส่งออกได้อย่างไร

ผลนมหมาป่ามีเยอะก็จริง แต่คนท้องถิ่นชอบกิน ตัดใจส่งออกไม่ลง อย่างไรเสียก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน

พวกมู่เถาเยาเข้าใจ

เถ้าแก่หญิงยิ้มพูด “แต่พวกหนูสามคนซื้อพวกของฝากกลับไปได้นะ ก็แค่มีการจำกัดจำนวน แต่ละอย่างซื้อกลับนิดหน่อยไปให้คนในครอบครัวลองชิมก็พอได้อยู่ ในหมู่บ้านเรามีร้านขายของฝากเยอะพอควร ราคายุติธรรม ไม่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว ดังนั้นซื้อร้านไหนก็เหมือนกัน”

มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมนพูดขอบคุณ

ลู่จือฉิน “ระหว่างทางที่พวกเราเดินมาได้รู้ว่าที่นี่ชื่อหมู่บ้านเหมียวไจ้ คนในหมู่บ้านแซ่เหมียวกันทั้งนั้นเหรอคะ”

เถ้าแก่ชายพยักหน้า “ใช่แล้ว ที่นี่เป็นหมู่บ้านใหญ่ มีเกือบหมื่นคนได้”

อวิ๋นไป๋ “งั้นก็ใหญ่จริงๆ ครับ หมู่บ้านทั่วไปมีแค่สองสามพันคน สี่ห้าพันคนก็ถือว่าเยอะแล้ว”

“อืม หมู่บ้านเราสภาพแวดล้อมดีมาก ตอนนี้พัฒนาเป็นหมู่บ้านเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศแล้ว”

มู่เถาเยามองเถ้าแก่ชายที่รูปร่างสูงใหญ่ “คุณลุงคะ หนูสังเกตเห็นว่าคนในเผ่ารูปร่างสูงใหญ่กันทั้งนั้น ต่อให้เป็นผู้หญิงก็ไม่ค่อยเห็นคนสูงต่ำกว่าหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซนติเมตร แต่ว่าอาหารการกินของคนที่นี่ก็ไม่เห็นจะต่างจากคนประเทศเหยียนหวงเท่าไร”

ของที่กินได้ส่วนใหญ่เหมือนกัน ก็แค่วิธีทำต่างกัน คุณภาพวัตถุดิบไม่เหมือนกัน

อันที่จริงมู่เถาเยารู้สาเหตุ ที่ถามออกไปก็เพื่อหาเรื่องชวนคุย

พวกเธอกินของหวานหมดแล้ว จะไปเลยไม่ได้ เพราะยังไม่บรรลุเป้าหมาย

เถ้าแก่ชายได้ฟังก็ยิ่งอารมณ์ดี “นักท่องเที่ยวอย่างพวกหนูอาจไม่รู้ โรงเรียนของเผ่าเราสอนทั้งบุ๋นและบู๊ ฝึกกันตั้งแต่เด็ก รูปร่างก็ต้องสูงใหญ่เป็นธรรมดา”

เถ้าแก่หญิงก็ยิ้ม พูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจ “ทั่วทั้งโลกก็มีแค่เผ่าหมาป่าพระจันทร์ของพวกเรานี่แหละที่เป็นแบบนี้”

ลู่จือฉินพยักหน้า “นั่นสิคะ ได้ยินว่าคนในเผ่าไม่ชอบไปข้างนอก และก็ไม่ชอบให้คนนอกเข้ามา”

“พวกเรามีไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยนะ ก็แค่ไม่ชอบไปอาศัยอยู่ข้างนอกนานๆ นี่ที่ลุงเขาไปอยู่นานก็เพราะบริษัทส่งไปประเทศเหยียนหวง”

เถ้าแก่ชายยิ้มพลางพูด “บริษัทของคนในเผ่ามีหลายกิจการอยู่ที่ประเทศรอบๆ มักจะส่งคนท้องถิ่นไปนั่งในตำแหน่งสำคัญ”

มู่เถาเยาก็รู้ กิจการที่เป็นของเผ่าจะมีคนในเผ่าหนึ่งคนหรือสองสามคนไปคุมอยู่

“ตอนนี้คุณลุงเกษียณแล้วเหรอคะ”

“…อืม อายุมากแล้ว กลับมาเปิดที่พักเล็กๆ ใช้ชีวิตเกษียณไป”

ลู่จือฉินยิ้มบาง “ประเทศเราก็มีแนวคิดเรื่องกลับสู่ถิ่นค่ะ ไม่ว่าจะทำงานที่ไหน เกษียณแล้วก็ชอบกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด ไม่อยากเพิ่มภาระให้ลูกหลาน สุดท้ายสามีภรรยาก็ดูแลกันเองยามแก่เฒ่าค่ะ”

เถ้าแก่หญิงเห็นด้วย “ใช่จ้ะ ถึงแม้ลูกชายของป้าก็อยู่ที่เผ่า แต่พวกเราไม่อยากพักอยู่กับเขา ตอนนี้หลานสาวก็เรียนประถมแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้พวกเราช่วยเลี้ยง ก็เลยว่างๆ จ้ะ”

อวิ๋นไป๋ “มิน่าล่ะ ตลอดทางพวกเราเห็นเด็กๆ วิ่งเล่นกันเยอะแยะ แต่ที่นี่กลับเงียบมาก ที่แท้ก็ไม่มีเด็กอยู่ในบ้าน”

ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมหน้าร้อน โรงเรียนปิดกันหมด ในหมู่บ้านมีเด็กหลายคนที่อายุต่างกันช่วยผู้ใหญ่เฝ้าร้านหรือไม่ก็เล่นกัน

จะเข้าประเด็นแล้ว มู่เถาเยาแสร้งทำเป็นพูดขึ้นเหมือนไม่ตั้งใจ “ประเทศเหยียนหวงของเราแต่ละครอบครัวจะมีลูกคนสองคนเป็นส่วนใหญ่ สามคนเป็นส่วนน้อย เท่าที่หนูรู้มา เผ่าหมาป่าพระจันทร์พื้นที่กว้างแต่ประชากรน้อย ทางรัฐบาลก็เลยอยากให้แต่ละครอบครัวมีลูกสามคนขึ้นไป คุณป้ากับคุณลุงมีลูกกี่คนเหรอคะ”

“…ลูกชายแค่คนเดียว”

รอยยิ้มของผู้สูงวัยทั้งสองดูฝืนๆ