ตอนที่ 284 หมาป่าจะกินคน
พวกมู่เถาเยาสามคนทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้
ช่วยไม่ได้ แต่ก็ต้องทนจี้ถามต่อ
ถ้าถอนพิษให้เหมียวอวี้ได้ พวกเขาก็ย่อมมีวันได้กลับมาหากัน
“คนเผ่าหมาป่าพระจันทร์สุขภาพแข็งแรง ไม่ขัดสนเงินทองเลี้ยงดูลูก คุณป้าชอบความสงบเหรอคะถึงได้ไม่อยากมีลูกเยอะๆ”
เถ้าแก่หญิงเหม่อลอย ราวกับไม่ได้ยินคำถามของมู่เถาเยา
เถ้าแก่ชายตอบ “ก็ไม่เชิงหรอก เดิมทีพวกเรามีลูกสาวด้วย แต่ต่อมา…ก็ตาย ยังไม่ได้แต่งงานด้วยซ้ำ ทั้งที่อายุยังน้อยขนาดนั้น…”
น้ำเสียงเศร้ามาก ขอบตาก็เริ่มแดง
แม้จะผ่านมาสิบแปดปีแล้ว แต่พอพวกเขานึกถึงลูกสาวก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวดหายใจไม่ออก
ไม่เพียงแต่เสียใจ ยังรู้สึกตำหนิตัวเองด้วย
พวกเขาเป็นพ่อแม่ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ ถึงได้เกิดเรื่องน่าเศร้าแบบนี้
พวกมู่เถาเยาสามคนก็พลอยมีอารมณ์เศร้าตามไปด้วย
“ขอโทษค่ะ”
เถ้าแก่ชายส่ายมือ “ต้องโทษลุงกับป้า ตอนนั้นควรพาลูกไปประเทศเหยียนหวงด้วย ก็แค่คิดว่าประเทศเหยียนหวงไม่มีสอนวิชาป้องกันตัว พวกเราก็เลยเอาลูกไปฝากบ้านพี่ชายคนโตของลุงเลี้ยง…”
ทุกครั้งที่พวกเขาโทรกลับมาลูกสาวจะบอกว่าสบายดี กลับมาเยี่ยมปีละสองสามครั้งก็เห็นสุขสบายดี จึงไม่คิดอะไรมาก
จนถึงตอนนี้เขาคิดแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ชายแท้ๆ ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมากับเขาถึงได้ทำกับลูกสาวของเขาแบบนี้ ครอบครัวก็ไม่ได้ขัดสนเงินทอง ยิ่งไปกว่านั้นทุกปีเขาจะฝากเงินเข้าบัญชีพี่ชายเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของลูกสาวเขา…
ส่วนลูกชายเกิดที่ประเทศเหยียนหวง ยังเด็กมากจึงไปฝากเลี้ยงไม่ได้ พวกเขาก็เลยต้องเลี้ยงเอง
และก็โชคดีที่เลี้ยงเอง ไม่อย่างนั้นเขาไม่กล้าคิดเลยว่าถ้าลูกทั้งสองคนเกิดเรื่อง พวกเขาจะเป็นบ้ากันไปเลยหรือเปล่า
มู่เถาเยา “ถ้าอย่างนั้นพี่ชายคุณลุงดีกับหลานสาวตัวเองไหมคะ ระหว่างนั้นคุณลุงคุณป้าไม่ได้กลับมาเลยเหรอคะ”
“กลับมาทุกปี ดูผิวเผินก็ปกติดี พวกเราเลยไม่ได้คิดอะไรมาก”
ไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่าลูกสาวจะมีชีวิตที่แย่ในบ้านลุงแท้ๆ ของตัวเอง
จนกระทั่งตอนเธออายุสิบเจ็ดปีก็เกิดปัญหาใหญ่ พวกเขาถึงเริ่มคิดแล้วว่าลูกสาวใช้ชีวิตมาอย่างไร
เด็กคนนั้นไม่ยอมบอกพ่อแม่เลยสักนิด แค่คิดก็รู้ว่ากดดันตัวเองขนาดไหน
มิน่าเด็กที่ตอนเด็กๆ ร่าเริงกลับพูดน้อยลงเรื่อยๆ เดิมทีพวกเขาคิดว่าเพราะต้องห่างกันก็เลยไม่สนิทกับพ่อแม่แล้ว…
หลังจากบาดแผลครั้งนั้นหายดี เดิมทีอยากพาไปอยู่ประเทศเหยียนหวงด้วยกัน ใครจะไปคิดว่าลูกไม่ยอม
พวกเขาก็จนปัญญา ทำได้เพียงปล่อยให้อยู่บ้านตระกูลเป่ย
นับแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่เชื่อใจพี่ชายอีกเลย ถึงขั้นที่เคียดแค้นด้วยซ้ำ
ถึงแม้ลูกสาวจะไม่บอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังไงก็หนีไม่พ้นความเกี่ยวข้องกับครอบครัวของพี่ชายเขาแน่นอน ไม่อย่างนั้นเด็กสาวคนหนึ่งทำไมถึงไม่อยากกลับไปบ้านลุงใหญ่ของตัวเองอีก แต่กลับขออยู่เป็นคนรับใช้บ้านที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตัวเองเลยสักนิด
ลูกสาวไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่มีหลักฐาน สุดท้ายก็จำต้องปล่อยเรื่องนี้ไป
นับแต่นั้นเป็นต้นมาพี่น้องก็ไม่ติดต่อกันอีก
พอนึกถึงเรื่องในอดีต สองสามีภรรยาก็ทั้งเสียใจทั้งตำหนิตัวเอง อย่างไรเสียคนที่ทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้ก็คือพวกเขาเอง
ยังไม่ทันที่พวกเขาจะกลับมาชดเชยให้ลูกสาว…เธอก็หายไปพร้อมกับเจ้าหญิงน้อยเสียก่อน…
แม้จะไม่รู้สาเหตุ แต่พวกเขาเชื่อว่าลูกสาวตัวเองไม่มีทางคิดร้ายต่อเจ้าหญิงน้อย
จนถึงทุกวันนี้ลูกสาวของพวกเขากับเจ้าหญิงน้อยเป็นหรือตายก็ไม่รู้…
ถ้าเป็นไปได้ พวกเขาอยากเอาชีวิตของตัวเองแลกให้ลูกสาวกับเจ้าหญิงน้อยกลับมา
“คุณ…พี่เขาตายได้ยังไงคะ ในเผ่ามีหมอเทวดาไม่ใช่เหรอคะ คุณอาของหนูเป็นหมอ หนูเองก็เรียนหมอ เลยรู้จักหมอดังตระกูลปาของเผ่านี้ค่ะ”
จะเรียกคุณน้าตามความเคยชิน แต่เธอเพิ่งเรียกแม่ของเหมียวอวี้ว่าคุณป้าไป เลยต้องเปลี่ยนคำเรียก
เถ้าแก่หญิงขอบตาแดงก่ำ ส่ายหน้า “ไม่ได้ตายหรอก แต่หายตัวไป”
ขนาดตระกูลของหัวหน้าเผ่ายังตามหาคนไม่เจอ ถึงแม้ในความรู้สึกพวกเขาจะไม่อยากเชื่อว่าลูกสาวไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว แต่สติกลับรู้และเข้าใจว่าโอกาสรอดมีไม่มาก ไม่อย่างนั้นทำไมลูกสาวถึงไม่กลับมาล่ะ
ต่อให้พ่อแม่ไม่ดีก็ยังมีตระกูลเป่ยที่ดีต่อเธอ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเจ้าหญิงน้อยอีก…ลูกสาวไม่มีทางทำร้ายเจ้าหญิงน้อย!
พวกเขาเฝ้ารอ ความหวังมอดลงไปทุกวัน สุดท้ายจำต้องฝืนยอมรับว่าตัวเองสูญเสียลูกสาวไปแล้ว
ลูกสาวหายไปจากตำหนักพระจันทร์ พวกเขาจะตำหนิทางนั้นก็ไม่ได้ เพราะขณะเดียวกันเจ้าหญิงน้อยก็หายไปด้วย
หัวหน้าเผ่าไม่พาลโกรธพวกเขาก็เพราะสืบดูแล้วว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องอย่างสิ้นเชิง
เถ้าแก่ชายถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว เลิกพูดเถอะ”
มู่เถาเยาจึงเปลี่ยนเรื่องคุยทันที ถามเกี่ยวกับที่เที่ยวแล้วเตรียมออก
เถ้าแก่หญิง “พวกหนูไปเที่ยวกันห้ามเข้าป่าดงดิบด้านหลังนี่นะ ในนั้นมีหมาป่า มันจะกินคน”
ถึงแม้หมู่บ้านอยู่ห่างจากป่าไกลพอสมควร แต่ก็ต้องเตือนไว้ก่อน
“ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณลุงคุณป้า”
พวกมู่เถาเยาลุกจากโซฟาแล้วเดินออกไป
เถ้าแก่ชายหญิงลุกออกมาส่ง
มู่เถาเยากับลู่จือฉินมองหน้ากัน
“คุณลุงคะ ทางแยกพวกนี้คือยังไงเหรอคะ”
“เดินตรงไปจะเป็นป่าดงดิบ”
เถ้าแก่ชายเดินขึ้นหน้าสองก้าว “ไอ๊หยา…”
มู่เถาเยากับลู่จือฉิน รวมถึงเถ้าแก่หญิงยื่นมือออกไปพร้อมกัน
“เป็นอะไรไป อยู่ดีๆ ทำไมถึงล้มได้ โชคดีไม่หน้าคะมำ…”
“เหยียบถูกก้อนหินเล็กๆ…” เถ้าแก่ชายหันกลับไปมองพื้น
เถ้าแก่หญิงหันตาม และก็เห็นลูกแก้วหนึ่งลูกอยู่ไม่ไกล จึงเก็บขึ้นมา
“เด็กคนไหนทำตกไว้สินะ อันตรายจริงๆ !”
เถ้าแก่ชาย “ขอบใจทั้งสองคนนะ”
ลู่จือฉินยิ้มพูด “ไม่บาดเจ็บก็ดีแล้วค่ะ พวกเราไปก่อนนะคะ”
“อืม ห้ามเข้าไปในป่าดงดิบโดยพลการเชียวนะ เดี๋ยวถูกหมาป่ากิน ลุงไม่ได้ล้อเล่น”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณลุงคุณป้า มีโอกาสพวกเราจะมาใหม่ค่ะ”
เถ้าแก่หญิงพยักหน้า “เที่ยวให้สนุกจ้ะ ไว้เจอกันนะ”
“ไว้เจอกันค่ะ”