ตอนที่ 285 ชิงดีชิงเด่นตัดหน้า
พอเดินเลี้ยวไปมู่เถาเยาก็แบมือออก เส้นผมสั้นๆ สองสามเส้นที่ยังมีรากผมติดอยู่ก็ปรากฏในมือของเธอ
ลู่จือฉินก็แบมือออก ในมือของเธอก็มีเส้นผมที่ไม่สั้นไม่ยาวเช่นกัน
อวิ๋นไป๋หลุดขำ “เสี่ยวเยาเยาเป็นคนโยนลูกแก้วนั่นเหรอ น้าก็ว่าอยู่ทำไมจะออกมากันแล้ว”
มู่เถาเยาพยักหน้า
“ถูกดึงเส้นผมจะรู้สึกตัวได้ โดยเฉพาะคนฝึกวรยุทธจะรู้สึกไวต่อร่างกายเป็นพิเศษ มีแค่ตอนสถานการณ์ฉุกละหุกเท่านั้นถึงจะมองข้ามความรู้สึกเล็กน้อยไปได้”
ลู่จือฉินเอาเส้นผมที่เธอกับมู่เถาเยาดึงมาได้แยกเก็บใส่ซองที่เตรียมไว้ จากนั้นก็เอาใส่กระเป๋าเป้ของมู่เถาเยา
“คืนนี้ก็ให้คำตอบหันซูได้แล้ว”
“ค่ะ”
อวิ๋นไป๋ “งั้นตอนนี้พวกเรากลับเลยไหม หรือยังอยากเดินเล่นต่อ หรือลองไปดูบ้านลุงใหญ่ของเหมียวอวี้ดี”
มู่เถาเยา “เดินออกทางนี้กลับตำหนักพระจันทร์แล้วกันค่ะ ไว้วันอื่นมีเวลาค่อยไปบ้านลุงใหญ่ของน้าเหมียว”
ตอนนี้ใกล้ได้เวลากินข้าวแล้ว ถ้ากลับไปช้า คนในครอบครัวก็จะรอจนกว่าเธอกลับไปถึงจะกินข้าว
กินเสร็จค่อยขอให้ปาเฝ่ยช่วยตรวจดีเอ็นเอ
“ได้ งั้นพวกเรากลับกัน”
ทั้งสามคนเดินไปทางหน้าหมู่บ้าน
บ้านเดิมของลุงใหญ่เหมียวอวี้อยู่ข้างบ้านพ่อแม่ของเหมียวอวี้ แต่เขาย้ายไปอยู่หมู่บ้านเหมียวไจ้ตั้งแต่มีครอบครัวแล้ว ตอนนี้อาศัยอยู่บ้านลูกชายคนโตที่ในเมือง
บ้านในเมืองแตกต่างจากหมู่บ้านชนบท คนแปลกหน้าคิดจะเข้าไปไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่สร้างสถานการณ์บังเอิญก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่เรื่องนี้ไม่รีบ
ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือหาสมุนไพรถอนพิษ มิฉะนั้นต่อให้ตอนนี้หาตัวคนร้ายได้ก็ไม่มีประโยชน์ต่ออาการถูกพิษของเหมียวอวี้
ดังนั้นค่อยๆ ดำเนินการไปตามลำดับความหนักเบาดีกว่า อย่างไรเสียครอบครัวลุงใหญ่ของเหมียวอวี้ก็หนีไปจากเผ่าไม่พ้น
ตอนที่พวกมู่เถาเยาสามคนกลับถึงตำหนักพระจันทร์ ตี้อู๋เปียนกำลังพูดคุยกับผู้อาวุโสทั้งสี่ตั้งแต่เรื่องสมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน
อย่ามองว่าเขาอายุยังน้อย แต่อ่านตำราประวัติศาสตร์มาเยอะ จะคุยเรื่องสมัยราชวงศ์ไหนเขาก็ได้หมด รวมถึงประวัติของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ด้วย
มู่เถาเยาเห็นสีหน้าของบรรดาผู้อาวุโสก็รู้ได้ว่าพวกเขาคุยกับตี้อู๋เปียนอย่างออกรสออกชาติ
ย่าเย่ว์กวักมือเรียกมู่เถาเยาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มใจดี
มู่เถาเยาถอดแว่นกันแดด หมวก กระเป๋าเป้ แล้วไปนั่งข้างย่าเย่ว์
ลุงหลานพ่อบ้านของตำหนักพระจันทร์กับลุงจงพ่อบ้านของตี้อู๋เปียนแย่งกันเอาขนมเครื่องดื่มมาให้พวกมู่เถาเยา
ลุงหลานขวางลุงจง “คุณมาอยู่ตำหนักพระจันทร์ในฐานะแขก ทำไมมาแย่งงานผมล่ะ”
อุตส่าห์รอให้หัวหน้าเผ่าน้อยกลับมาตั้งนาน เขาแทบอยากตามประกบคอยปรนนิบัติรับใช้ มีเหรอจะปล่อยให้คนอื่นมาแย่งงานไปได้!
พ่อบ้านจง “…ผมทำงานนี้จนชินแล้ว ร่างกายพาไปโดยอัตโนมัติ”
เขาไม่มีทางบอกไปว่าเขาก็อยากปรนนิบัติพวกมู่เถาเยา แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างยกขนมไปให้แบบนี้ก็ตาม
มู่เถาเยายิ้มพูด “ลุงจงนั่งเถอะค่ะ ลุงหลานพูดถูก ลุงจงเป็นแขกนะคะ”
พ่อบ้านจงจำต้องทำตาม
ลุงหลานถือขนมกับน้ำชายามบ่ายเข้าไปให้ด้วยตัวเองอย่างมีความสุข
เป็นขนมเค้กชิ้นเล็กๆ กับน้ำผลนมหมาป่าที่ปั่นเข้ากับนมสดสามแก้ว
มู่เถาเยาดวงตาเปล่งประกาย
ยายหลานยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยา อีกหนึ่งชั่วโมงก็กินข้าวเย็นแล้ว ตอนนี้หลานกินขนมเค้กได้แค่ชิ้นเดียวนะ ถ้าชอบก็รอกินข้าวเสร็จค่อยกินต่อ”
“คุณยายคะ ของหวานหลังอาหารหนูอยากกินไอศกรีมรสผลนมหมาป่าค่ะ”
ลุงหลานพูดขึ้นทันที “ผมจะไปสั่งให้เสี่ยวอวิ๋นทำครับ”
“ขอบคุณค่ะลุงหลาน ป้าหลาน”
เชฟทำขนมของตำหนักพระจันทร์คือหยางเสี่ยวอวิ๋น ภรรยาของลุงหลาน
สาวน้อยพูดขอบคุณเสียงอ่อนหวาน ลุงหลานรู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองจะละลาย จากนั้นเขาก็ก้าวเท้าเดินไปยังห้องทำขนม
ย่าเย่ว์เรียกให้ทุกคนมากินขนม
ตี้อู๋เปียนมองมู่เถาเยาที่กินอย่างมีความสุข “ซาลาเปาน้อย เรื่องเรียบร้อยแล้วเหรอ”
มู่เถาเยาพยักหน้า “เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวกินข้าวเย็นเสร็จจะให้ปาเฝ่ยช่วยตรวจดีเอ็นเอ”
สิ้นเสียงพูดปาเฝ่ยก็มาถึงพอดี
ย่าเย่ว์เรียกให้มาดื่มน้ำผลไม้
“ผมดื่มชาก็พอครับ ไม่ต้องน้ำผลไม้”
บนโต๊ะก็มีน้ำชา ปาเฝ่ยเข้าไปรินให้ตัวเองหนึ่งแก้ว
ยายหลานยิ้มพูด “ทำไมเสี่ยวอินกับอันนั่วไม่มาด้วยกันล่ะ”
“สองคนนั้นจะมาจากบ้านยายเล็ก นี่เดี๋ยวก็น่าจะถึงแล้วครับ”
ทุกคนพยักหน้า
มู่เถาเยาหยิบเส้นผมสองซองที่อยู่ในกระเป๋าออกมาให้ปาเฝ่ย บอกเขาว่าซองไหนเป็นของใคร จากนั้นถึงไปหยิบเส้นผมของแม่ศิษย์น้องที่อยู่ในห้องออกมาให้เขา
เวลานี้เสี่ยวอินกับเฉิงอันนั่วเข้าประตูมาแล้ว
“พรุ่งนี้อาจารย์อาเล็กจะไปเก็บสมุนไพรกันแล้วเหรอครับ”
“อืม ถ้านายอยากไปก็ให้เสี่ยวอินพาไปตรงเขาที่ไม่ค่อยอันตราย สถานที่ที่พี่รองจะพาฉันกับอาจารย์สามไปพวกนายไปไม่ได้”
ปาอินตบหน้าอกพลางพูด “เสี่ยวเยาเยาวางใจได้เลย ฉันจะดูแลเสี่ยวเฉิงอย่างดี…” บลาๆๆ
ปาเฝ่ยมองน้องสาวตัวเองด้วยความรู้สึกหมดคำจะพูด ทำตัวเป็นผู้ปกครองของเสี่ยวเฉิงไปได้
มู่เถาเยา “…ลำบากเธอแล้วนะ”
“ไม่เป็นไรเลย”
“อาจารย์อาเล็กครับ งั้นตอนเที่ยงจะไม่กลับมากันใช่ไหมครับ”
“อืม ตอนเย็นก็อาจไม่กลับ ช่วงสองวันนี้จะหารือเรื่องเส้นทางกับพี่รองและอาจารย์สามก่อน”
ย่าเย่ว์ “เสี่ยวเยาเยา ทำไมตอนเย็นก็จะไม่กลับล่ะ แล้วเรื่องกินข้าวจะทำยังไง จะกินพวกอาหารแห้งไปตลอดก็ไม่ได้หรือเปล่า”
ยายหลานพูดเสริม “นั่นสิ เสี่ยวเยาเยา หลานเพิ่งจะอายุสิบกว่า ยังอยู่ในช่วงเจริญเติบโตนะ”
“ช่วงสองสามวันนี้จะกลับมาค่ะ พวกเราไปใกล้ๆ ก่อน เพราะสุดสัปดาห์ต้องฝังเข็มให้ตี้อู๋เปียน คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ หนูมียาบำรุง ไม่ต้องพกอาหารแห้งไปก็ได้ค่ะ”
ยาบำรุงที่เธอคิดค้นอยู่บนพื้นฐานของยาบำรุงของอาจารย์ใหญ่ เป็นเวอร์ชันที่ดีกว่า เหมาะสำหรับคนฝึกวรยุทธกินเท่านั้น
ออกไปข้างนอก กินยาบำรุงตัวนี้สะดวกกว่ากินอาหารแห้งเยอะ
แน่นอนว่าก็ยังต้องพกพวกเนื้อแห้งหรือช็อกโกแลตไปบ้าง อย่างไรเสียเธอก็ชอบกิน
ยาบำรุงช่วยรับประกันเรื่องสารอาหาร อีกทั้งไม่มีทางเกิดความหิว แต่ใครใช้ให้เธอชอบกินล่ะ แถมพวกเนื้อแห้งกับช็อกโกแลตก็ไม่ได้หนักมาก ไม่กินเนื้อที่ด้วย
เยี่ยมจะตาย!