ตอนที่ 286 เขาจะถูกเอาคืน
วันต่อมาเป็นวันศุกร์
หลังจากมู่เถาเยากินข้าวกับคนตระกูลเย่ว์แล้ว เย่ว์จือกวงก็ให้คนหยิบเข่งใบเล็กออกมาสี่ใบ
เข่งสี่ใบนี้มีขนาดและรูปแบบไม่ต่างจากเข่งที่มู่เถาเยาสะพายตอนอยู่เมืองเย่ว์ตูกับหมู่บ้านเถาหยวนซาน ถึงขั้นที่แม้แต่ลายสานก็ยังพอๆ กัน
วันนี้เย่ว์เลี่ยงต้องทำงาน เย่ว์จือกวงจึงพามู่เถาเยากับลู่จือฉินไปเขายอดหมาป่าที่อยู่ใกล้ตำหนักพระจันทร์มากที่สุด
ชื่อภูเขาในเผ่าส่วนใหญ่จะมีคำว่า ‘หมาป่า’ เพราะชาวเผ่าทุกคนศรัทธาในหมาป่ามาก
ภูเขาทุกลูกในเผ่าหมาป่าพระจันทร์จะมีร่องรอยการอาศัยอยู่ของหมาป่า
นอกจากพวกสัตว์ป่าที่มีอยู่เดิมบนภูเขาแล้ว หน่วยงานกำกับดูแลป่าเขาของเผ่าก็จะซื้อพวกสัตว์ต่างๆ เข้ามาจำนวนมาก เช่น ไก่ กระต่าย หมู นำมาปล่อยตามช่องทางเข้าป่าหลายจุด ด้วยเหตุนี้หมาป่าจึงไม่เคยขาดแคลนอาหาร
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ต่อให้เป็นป่าเขาที่อยู่ใกล้ที่พักอาศัยก็จะไม่มีทางเกิดเหตุการณ์หมาป่าวิ่งลงจากเขามากินคน
ต่อให้มีหมาป่าลงมาบ้างก็ไม่มีทางทำร้ายหรือกินคน
ชาวเผ่าหมาป่าพระจันทร์เห็นหมาป่าจนชินแล้ว ก็เหมือนกับคนที่เห็นสัตว์ป่าที่มีอยู่เยอะในป่าดงดิบของประเทศตัวเอง
หนังหมาป่าเป็นสิ่งต้องห้ามภายในเผ่า หากถูกพบจะมีโทษหนัก
ต่อให้กับหมาป่าที่แก่ตายก็ห้ามมีพฤติกรรมที่ไม่เคารพ แล้วนับประสาอะไรกับการถลกหนัง
คนในเผ่าต่างมีศรัทธา จึงไม่มีใครแอบล่า
เย่ว์จือกวงขับรถด้วยตัวเอง
ลู่จือฉินมองทิวทัศน์ข้างทาง “จากความเป็นเมืองเปลี่ยนไปสู่ภูเขาสายน้ำ ความรู้สึกต่างกันมากจริงๆ แต่กลับกลมกลืนอย่างเป็นธรรมชาติ”
เนื่องจากพื้นที่กว้างขวางประชากรน้อย กอปรกับลักษณะเด่นของคนท้องถิ่นที่มีความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ในเมืองจึงให้ความรู้สึกหนักแน่น แข็งแกร่ง แต่ยิ่งเข้าใกล้ภูเขาก็จะยิ่งสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของธรรมชาติ
มู่เถาเยา “จะภูเขาที่ไหนก็น่าจะเหมือนกันหมดหรือเปล่าคะ”
เย่ว์จือกวง “ไม่ต่างกันมาก สิ่งที่ต่างกันคือ สัตว์ป่าของภูเขาเผ่าเราส่วนใหญ่จะเป็นหมาป่า”
“พี่รองคะ พิษอื่นๆ ในป่าพิษหมาป่าก็เยอะมากใช่ไหมคะ”
“พิษน่ะไม่เยอะหรอก แต่พวกสัตว์ดุร้ายน่ะมีไม่น้อย แต่ก็ต้องยอมให้ในอาณาเขตของหมาป่า อย่างพวกเสือ สิงโต อะไรทำนองนี้เป็นต้องหลีกทางให้พวกมันหมด ป่าพิษหมาป่าเป็นเทือกเขาที่อันตรายสุดในเผ่าแล้ว พอๆ กับป่าเซียนโหยว”
ชายแดนสองประเทศทางด้านนี้เป็นกำแพงธรรมชาติ ข้ามไปไม่ได้
แม้แต่ความสามารถระดับมู่เถาเยากับลู่จือฉินก็ใช่ว่าจะข้ามป่าดึกดำบรรพ์สองแห่งนี้ไปได้ง่ายๆ
ต่อให้วิชาตัวเบาล้ำเลิศแค่ไหนก็ยังต้องใช้กำลังภายในช่วย แต่การใช้กำลังภายในนานๆ ก็อาจหมดลงได้
ลู่จือฉิน “ป่าเซียนโหยวกว้างเกินไป คิดจะเดินเองให้ทั่วทุกซอกมุมเป็นไปไม่ได้ คุณชายเล็กตี้กับเหมียวเหมียวคงต้องพึ่งดวงอย่างเดียว”
“อาจารย์สามคะ ฝังเข็มล่ะ” ถ้าพวกเธอคิดค้นวิธีได้ก็มีความเป็นไปได้หรือเปล่า
“เสี่ยวเยาเยา เธอต้องรู้นะว่าร่างกายของคุณชายเล็กไม่ใช่โรคภัย แต่มันคือโชคชะตา ฝืนลิขิตสวรรค์ไม่ได้ ไม่เพียงแต่เขาจะถูกเอาคืน พวกเราก็ด้วย”
ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากช่วย แต่นี่มันเกินกว่ากำลังคนจะต้านไหว
สิ่งที่พวกเธอทำได้ก็แค่สุดความสามารถของมนุษย์ ส่วนที่เหลือต้องฟังลิขิตสวรรค์
โลกนี้มีกฎสวรรค์ มิฉะนั้นเธอ เสี่ยวเยาเยา และเย่ว์เลี่ยงคงไม่มีทางมาถึงที่นี่
ฟ้าต้องยุติธรรมแน่นอน
“…หนูรู้ค่ะ”
ใช่ว่ามู่เถาเยาจะไม่เข้าใจ ก็แค่อยากช่วย
ลู่จือฉินลูบศีรษะลูกศิษย์ด้วยความเอ็นดู “เสี่ยวเยาเยา คนตระกูลตี้มีปราณมังกรคุ้มร่าง คุณชายเล็กไม่มีทางเป็นอะไร”
เกี่ยวกับปราณมังกรคุ้มร่าง มู่เถาเยาไม่รู้ว่าเย่ว์จือกวงที่ขับรถอยู่ด้านหน้าจะเชื่อหรือไม่ แต่เธอเชื่อ
คนที่มีปราณมังกรคุ้มร่างก็คงหนีไม่พ้นคนสามประเภทนี้
หนึ่งคือ รุ่นบรรพบุรุษมีบารมีสูงส่ง รวมถึงบ้านเรือนอยู่ในฮวงจุ้ยของชีพจรมังกร นานวันเข้าสุขภาพของสมาชิกในครอบครัวก็จะมีปราณมังกรก่อเกิดในร่างกาย ทำให้คนในครอบครัวนี้เคราะห์น้อย อายุยืน โชคดี
ส่วนใหญ่คนที่อยู่ในประเภทนี้ครอบครัวจะสั่งสมบารมีไว้มาก
สองคือ เมื่อชาติก่อนเป็นเชื้อพระวงศ์
ตอนนี้ตี้อู๋เปียนก็ใช่ ไม่จำเป็นต้องใช้ของชาติที่แล้ว
สามคือ โชคชะตาบันดาลฟ้าลิขิตให้มังกรแท้มาจุติเป็นมนุษย์
ประเภทนี้ไม่ต้องคิดให้เสียเวลาเลย เพราะโชคชะตาบันดาลไม่ใช่ว่าใครก็มีได้ แม้แต่คนอย่างตี้อู๋เปียนยังไม่มี ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้
“ค่ะ พวกเราจะทำให้เต็มที่ ที่เหลือก็แล้วแต่สวรรค์ลิขิต”
เย่ว์จือกวงมองน้องสาวสุดที่รักผ่านกระจกมองหลังภายในรถ “เสี่ยวเยาเยา น้องก็มีปราณมังกรคุ้มร่างนะ”
ไม่อย่างนั้นขนาดเหมียวอวี้ยังมีสภาพน่าเวทนาแบบนั้น น้องสาวเขาเป็นเด็กทารกที่เพิ่งเกิดยังจะหนีรอดได้อีกเหรอ
แค่คิดก็ขนลุกแล้ว
มู่เถาเยายิ้ม ที่แท้พี่รองก็เชื่อเรื่องพวกนี้ด้วย
นั่นสินะ น่าจะเป็นเพราะเย่ว์จืออิ๋งคนนี้กลับมาแล้ว
คนตระกูลเย่ว์เปลี่ยนไปไม่น้อยเพราะเธอ
ได้ยินพี่รองบอกว่า เมื่อก่อนไม่เคยเห็นคุณพ่อร้องไห้ แต่เธอกลับเห็นบ่อย
ความหวาดกลัวและความดีใจของพ่อล้วนอยู่ในหยดน้ำตา
“ถูกต้อง เสี่ยวเยาเยาของเราก็เป็นคนที่มีปราณชั้นดีอยู่ในตัว”
“อืมๆ”
“อาจารย์สามครับ เสี่ยวเยาเยา ข้างหน้านี่ก็เขายอดหมาป่าแล้ว พวกเราต้องจอดรถที่นี่แล้วเดินไป”
“ได้”
พอลงจากรถมู่เถาเยาก็เงยหน้า
ลู่จือฉิน “เทือกเขาบริเวณนี้ดูยิ่งใหญ่ดีนะ”
เย่ว์จือกวงแนะนำเทือกเขาแห่งนี้แก่ทั้งสองคน “เขายอดหมาป่าประกอบด้วยยอดเขาสามสิบเก้าลูกตั้งแต่ตะวันตกไปตะวันออก ยอดเขาที่สูงที่สุดอยู่ห่างจากระดับน้ำทะเลห้าพันเมตร แต่ละยอดมีรูปร่างแตกต่างกัน มีชื่อเรียกคือ เจวี๋ยปี้ เฟิงหลิน เหยียนเฉียง…”
“…ที่นี่มีหมาป่าไม่มาก ร่องรอยความเคลื่อนไหวของพวกมันส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่างยอดเขาที่สิบห้าถึงยอดเขาที่ยี่สิบห้า…ปกตินักเก็บสมุนไพรจะไปเก็บที่ห้ายอดแรกกับห้ายอดหลัง ระหว่างห้ายอดแรกและหลังไปจนถึงยอดที่สิบจะมีสัตว์ป่าชนิดอื่นอยู่มาก…”