ตอนที่ 287 ต่างอิจฉาเขา
หลังจากทั้งสามคนขึ้นเขาไปก็เริ่มหาสมุนไพรตั้งแต่ยอดเขาที่หก
มู่เถาเยา “ตอนกลางวันไม่ค่อยได้ยินเสียงร้องโหยหวนของหมาป่า”
“อืม หมาป่าเป็นสัตว์ที่ออกเคลื่อนไหวตอนกลางคืน ดังนั้นพอพลบค่ำพวกมันก็จะรวมฝูงออกมาหาอาหาร…เว้นเสียแต่จะมีการทะเลาะวิวาทที่ต้องรวมฝูงในเวลากลางวัน มิฉะนั้นพวกมันก็ไม่ค่อยส่งเสียงร้องตอนกลางวันหรอก…”
เย่ว์จือกวงบอกลักษณะนิสัยของหมาป่าให้ทั้งสองคนฟังอย่างละเอียด
อันที่จริงมู่เถาเยากับลู่จือฉินก็พอรู้มาบ้าง อย่างไรเสียหมาป่าก็เป็นสัตว์ที่พบได้บ่อยในยุคโบราณ
“เอ๊ะ พี่รองคะ ที่นี่มีทาคินด้วยเหรอคะ เห็นๆ อยู่ว่าทาคินเป็นสัตว์ป่าที่ราบสูง อยู่ในที่อากาศเย็น ทำไมที่นี่ถึงมีล่ะคะ”
มู่เถาเยามองทาคินที่กำลังกินพืชอยู่ไม่ไกลพลางถามด้วยความประหลาดใจ
ทาคินไม่ใช่วัว แต่เป็นวงศ์ย่อยของตระกูลแกะและแพะ ดูแปลกตา เหมือนวัว แกะ และม้า โดยทั่วไปเรียกว่า ‘ตัวอะไรก็ไม่เชิง’
มันเป็นสัตว์คุ้มครองอันดับหนึ่งของประเทศ อีกทั้งยังใกล้สูญพันธุ์เต็มที
“มีอยู่ตลอด ความสูงจากระดับน้ำทะเลของที่นี่กับสภาพอากาศอาจจะค่อนข้างเหมาะแก่การอยู่อาศัยของพวกมันหรือเปล่า มีหลายเรื่องที่อธิบายไม่ได้”
มู่เถาเยาถามด้วยความสงสัย “เหมือนฉันจะจำได้ว่าทาคินชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง ทำไมตรงนี้มีอยู่ตัวเดียวล่ะ”
ลู่จือฉินยิ้มพูด “พวกเธอไม่รู้สึกเหรอว่ามันกำลังโมโห ถึงมันกำลังกินอาหารอยู่ แต่เดี๋ยวก็กัดหญ้าอ่อน เดี๋ยวก็กัดเปลือกไม้ เห็นได้ชัดว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี”
มู่เถาเยาพยักหน้า “นั่นสิคะ เป็นแบบนั้นจริงด้วย แต่ทำไมล่ะ มันมาโกรธอะไรอยู่ตรงนี้”
“มันอาจเป็นทาคินเร่ร่อนที่ขวิดแพ้มาก็ได้”
“หืม?”
“หน้าร้อนเป็นช่วงติดสัดของทาคิน”
พอลู่จือฉินพูดแบบนี้ มู่เถาเยากับเย่ว์จือกวงก็เข้าใจแล้ว
นี่ก็หมายความว่าทาคินตัวเมียเลือกตัวผู้ที่จะผสมพันธุ์ด้วยวิธี ‘คัดพ่อพันธุ์ชั้นดี’ ทาคินตัวผู้ที่ขวิดชนะเท่านั้นถึงจะได้ ‘แต่งงาน’ มีลูกกับมัน
“พวกเราเดินออกไปไกลหน่อย ผู้แพ้ที่อยู่ลำพังแบบนี้มักอารมณ์ร้อน จะทำร้ายคนอื่นได้ง่าย”
ถึงแม้มันจะทำร้ายพวกเขาไม่ได้ แต่หากมันคิดจะทำร้ายก็อาจต้องเป็นฝ่ายเจ็บตัวเสียเอง
เดิมทีขวิดแพ้มาก็น่าสงสารมากพอแล้ว อย่าให้มันต้องเจ็บตัวอีกดีกว่า
มู่เถาเยาพูดเสริม “ค่ะ พวกเราเดินไปข้างหน้าอีกหน่อย พยายามไม่ให้มันเห็น”
ทำร้ายคนไม่ดี ทำร้ายสัตว์เล็กๆ ก็ไม่ดี เลี่ยงได้ก็เลี่ยง
ทั้งสามคนรีบออกไปจากตรงนั้นอย่างเงียบๆ พออยู่ห่างจากทาคินตัวนี้ไปแล้วก็เริ่มตั้งใจหาสมุนไพรอีกครั้ง
จนกระทั่งตอนเที่ยงก็ยังไม่เจอสมุนไพรที่ต้องการ
แต่ก็อยู่ในความคาดหมาย
กินอาหารกลางวันง่ายๆ อย่างเนื้อแห้งเสร็จก็หาที่เรียบๆ กว้างหน่อยนั่งหันหลังชนกันพักผ่อนครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยเดินเข้าไปด้านในต่อ
พบเจอสัตว์ป่าอยู่ไม่น้อย ก็แค่ไม่เจอหมาป่า
“พี่รองคะ พี่รองไม่เคยมาบนยอดเขาแถบนี้ใช่ไหมคะ”
“ไม่เคย พี่แค่เคยอ่านจากข้อมูลที่มีคนรวบรวมมาให้” เขามีเวลาว่างมาเข้าป่าที่ไหนกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะน้องสาว เขาไม่มีทางเป็นฝ่ายไปทำความเข้าใจเรื่องพวกนี้ที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจเลยสักนิด อย่างไรเสียหน้าที่หลักที่เขารับผิดชอบก็คือสร้างอาณาจักรธุรกิจที่แข็งแกร่ง
“งั้นตอนเย็นฉันขออ่านข้อมูลพวกนั้นหน่อยนะคะ ถ้าพี่รองงานยุ่ง ฉันกับอาจารย์มากันสองคนได้ค่ะ”
“ไม่ยุ่ง” ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการมาเป็นเพื่อนน้องสาว
ขนาดพ่อกับพี่ใหญ่ยังอิจฉาเขาเลย!
“ค่ะ”
ทั้งสามคนเดินไปทางหน้าผา เก็บสมุนไพรหายากได้ไม่น้อย พอถึงเวลาห้าโมงเย็น ไม่เพียงแต่เข่งของแต่ละคนจะมีสมุนไพรอยู่เต็ม ยังได้ใช้กิ่งไม้อ่อนมามัดเป็นกำใหญ่ด้วย
ลู่จือฉินยิ้มกว้าง “เสี่ยวเยาเยา พวกเรากลับกันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”
“ค่ะ”
ทั้งสามคนใช้วิชาตัวเบาลงจากเขา
บนยอดเขาสูงแบบนี้เหมาะแก่การใช้วิชาตัวเบามากที่สุดแล้ว
พวกเขากลับถึงตำหนักพระจันทร์ตอนประมาณหกโมงครึ่ง
เย่ว์เลี่ยง เย่ว์หลั่ง เย่ว์จือเหิงเลิกงานกลับมากันหมดแล้ว
ย่าเย่ว์ยิ้มกว้างมองทั้งสามคน “กลับมาได้เวลาพอดี รีบล้างมือเตรียมกินข้าวนะ กินเสร็จค่อยคุยกัน”
เธอกังวลอยู่ว่าทั้งสามคนไม่ได้กินอาหารกลางวันดีๆ
ไม่มีใครถามว่าเจอสมุนไพรไหม เพราะต่างรู้ว่าไม่ง่าย
กินอาหารเย็นเสร็จดวงอาทิตย์ยังอยู่เหนือหลังคา
เผ่าหมาป่าพระจันทร์ในหน้าร้อนฟ้ามืดตอนสองทุ่มกว่า
มู่เถาเยากับลู่จือฉินจัดการสมุนไพรที่เก็บมา
เย่ว์หลั่งนั่งยองมองพวกเธอทำงาน
“เสี่ยวเยาเยา พ่อให้คนสร้างหอยาเลียนแบบห้องปรุงยาของลูกที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน เดี๋ยวไปดูหน่อยไหม”
มู่เถาเยาอึ้งไปชั่วครู่แล้วถึงตอบ “ค่ะ”
ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอก เธอเลยไม่รู้ว่าที่นี่มีห้องยาด้วย ยังคิดอยู่ว่าจะต้องไปยืมห้องปรุงยาของตระกูลปาแล้ว
เย่ว์เลี่ยง “เสี่ยวเยาเยา พรุ่งนี้ยังไปที่เขายอดหมาป่าอีกไหม”
“ค่ะ พรุ่งนี้ไปอีกวัน ส่วนวันมะรืน รอพรุ่งนี้กลับมาค่อยว่ากันค่ะ”
เพราะเช้าวันมะรืนต้องฝังเข็มให้ตี้อู๋เปียน มีเวลาแค่ตอนบ่าย รอดูพรุ่งนี้ก่อนว่าเดินเก็บได้ถึงไหนค่อยว่ากัน
“พ่อคะ อาคะ หนูกะว่าวันจันทร์จะไปป่าพิษหมาป่า อยู่ในนั้นทั้งสัปดาห์ กลับมาวันเสาร์หน้าค่ะ”
คนตระกูลเย่ว์อดแสดงสีหน้าเป็นห่วงไม่ได้
เป็นหมอเหมือนกัน เด็กบ้านอื่นไม่เคยขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร แต่ลูกหลานของพวกเขากลับแทบอยากไปอาศัยอยู่ในป่า…
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ หนูเข้าออกป่าเซียนโหยวตั้งแต่เด็ก ประสบการณ์ค้างแรมในป่าสูงมาก”
คนตระกูลเย่ว์ยิ่งปวดใจเข้าไปใหญ่
ทำไมสาวน้อยของพวกเขาถึงไม่รู้จักการเที่ยวเล่นสนุกเลยสักนิด…
แต่ปวดใจก็ส่วนปวดใจ ห้ามไม่ได้แทรกแซงก็ไม่ได้
“อากวง ดูแลน้องสาวกับอาจารย์ของน้องให้ดีๆ นะ”
ในความเป็นจริงเย่ว์เลี่ยงไม่รู้สึกว่าสองคนนั้นลำบาก
เพราะสองคนนั้นชอบชีวิตแบบนี้มากที่สุด อีกทั้งยังเป็นสภาวะปกติ
เย่ว์จือกวงรับรองต่อหน้าทุกคนว่าจะดูแลผู้หญิงสองคนให้ดี