ตอนที่ 288 ยาวิเศษหญ้าอายุยืน

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 288 ยาวิเศษหญ้าอายุยืน

วันเสาร์ หลังอาหารเช้าก็เตรียมข้าวของและอาหารกลางวันที่ต้องนำเข้าป่า จากนั้นมู่เถาเยา ลู่จือฉิน เย่ว์เลี่ยง และเย่ว์จือกวงก็ออกจากบ้านท่ามกลางสายตาอิจฉาของตี้อู๋เปียน

ไปตรงจุดที่พวกเขาลงจากเขาเมื่อวาน นัดเวลากลับมาแล้วแยกออกเป็นสองกลุ่มเดินไปคนละทาง

หุบเขาลึกแบบนี้ไม่มีเส้นทางที่เป็นกิจจะลักษณะ บางจุดเดินง่าย บางจุดอันตรายมาก

เนื่องจากระยะเวลาที่ผ่านมายาวนานทำให้หินบางจุดมีสภาพผุกร่อน หากเดินไม่ระวังอาจตกหน้าผาได้

“เสี่ยวเยาเยาระวังหน่อยนะ”

“พี่รองยิ่งต้องระวังค่ะ”

“อืม”

เขาหนักกว่าน้องสาว วิชาตัวเบาก็สู้น้องสาวไม่ได้ ต้องระวังมากกว่าจริงๆ

แนวชั้นหินโดยทั่วไปจะกระจายไปตามหน้าผา การที่สมุนไพรบางชนิดสามารถเจริญเติบโตได้ในบริเวณนี้ก็แสดงให้เห็นว่าการก่อตัวของหินในภูเขาไม่หนาแน่น มิฉะนั้นสมุนไพรคงแทรกขึ้นมาไม่ได้

อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นภูเขาที่ต้นไม้หนาทึบ ชั้นหินจะเยอะแค่ไหนก็ไม่มีทางหนาแน่นไปกว่าต้นไม้

“พี่รอง!”

มู่เถาเยาตาดี มองตรงริมหน้าผาปราดเดียวก็เห็นพืชสีเขียวอ่อนที่แทรกตัวออกมาจากชั้นหิน ลักษณะคล้ายลูกบอล เธอดีใจจนแสดงออกมาทางน้ำเสียง

เย่ว์จือกวงหันไปมองพืชที่มีลักษณะทรงกลมสีเขียวอ่อนแล้วถามขึ้น “มันคืออะไรเหรอเสี่ยวเยาเยา”

“หญ้าอายุยืนหรือมีอีกชื่อว่าหญ้าชุบชีวิตค่ะ ตราบใดที่ไม่เด็ดมัน มันก็จะไม่มีทางแก่ตาย ไม่ว่าแดดจะแรงแค่ไหน พายุโหมกระหน่ำเพียงใด จะกี่หมื่นปีมันก็คงสภาพมีชีวิตแบบนี้ไปได้ตลอดค่ะ!”

มู่เถาเยาตื่นเต้นมาก

“อายุยืนเหรอ ชุบชีวิตเหรอ มีประโยชน์อะไร มันรักษาอาการของอู๋เปียนได้เหรอ”

“ไม่ได้ค่ะ แต่มันเป็นยาวิเศษที่ต้านความชราได้ดีที่สุด ยิ่งถ้าผสมกับโสมหลิงเซินที่ช่วยชะลอวัย สรรพคุณจะคูณหลายเท่าเลยค่ะ ถ้ามีมัน อาจารย์ของฉัน รวมถึงคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายก็จะอายุยืนไร้กังวลเลยค่ะ”

ตราบใดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต อย่าว่าแต่อายุร้อยกว่าปีเลย ต่อให้สองร้อยกว่าปีก็เป็นไปได้

มู่เถาเยาพูดด้วยความดีใจชนิดที่เก็บอาการไม่อยู่ “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบนโลกนี้มีหญ้าอายุยืนอยู่จริงๆ ! นี่เป็นพืชดึกดำบรรพ์เลยนะคะ!”

หลังจากที่ได้รู้สรรพคุณของมัน เย่ว์จือกวงก็พลอยดีใจไปด้วย

ใครล่ะจะไม่อยากให้คนในครอบครัวอายุยืน

มู่เถาเยาถอดเข่งเล็กที่สะพายอยู่ไปไว้ด้านข้าง “ฉันจะไปเก็บมัน พี่รองรออยู่ที่นี่นะคะ”

เย่ว์จือกวงขวางน้องสาว “เสี่ยวเยาเยา พี่ไปเก็บเอง”

มู่เถาเยามองตำแหน่งของหญ้าอายุยืนที่ค่อนไปทางด้านบน อีกทั้งชั้นหินก็ค่อนข้างผุกร่อน มีความเป็นไปได้สูงที่จะถอนมาทั้งรากได้ รากของมันก็มีสรรพคุณแบบเดียวกัน เธอไม่อยากปล่อยทิ้งให้เสียดาย

แต่การถอนมาทั้งรากต้องใช้แรงเยอะ เนื่องจากชั้นหินทั้งสองด้านค่อนข้างหนา ไม่มีทางที่รากของมันจะแผ่ขยายไปด้านข้าง ทำได้เพียงชอนไชเข้าไปด้านในตรงๆ

ด้วยวิชาตัวเบาและพละกำลังของเย่ว์จือกวงถอนได้สบายๆ มู่เถาเยาจึงไม่แย่งเขา

หญ้าอายุยืนเป็นสิ่งแปลกสำหรับสัตว์ เพราะมันมักขึ้นตามหน้าผา พวกสัตว์ไม่ค่อยได้เห็น จึงไม่มีสัตว์ร้ายปกป้องไว้ อย่างมากก็แค่งูพิษ

แต่มองหน้าผาปราดเดียวก็รู้ได้ว่าไม่มีอย่างอื่นอีกนอกจากหญ้าอายุยืนต้นนี้

นี่ก็เป็นสาเหตุที่มู่เถาเยาวางใจให้เย่ว์จือกวงไปเก็บ

“พี่รองต้องออกแรงสามส่วน รากของมันลึกมาก พกมีดสั้นไปด้วยนะคะ” เผื่อเอาไว้ก่อน

“พี่เข้าใจแล้วเสี่ยวเยาเยา”

เย่ว์จือกวงปลดเข่งใบเล็กออกจากบ่าวางไว้ด้านข้าง ตรวจเช็กมีดสั้นที่เอวด้านหลัง จากนั้นกระโดดไปทางหน้าผาต่อหน้ามู่เถาเยา

มือข้างหนึ่งถอนหญ้าอายุยืนเสร็จเท้าข้างหนึ่งก็ยันหน้าผาแล้วเหาะขึ้น

ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ราบรื่นเป็นอย่างมาก

“อะ เสี่ยวเยาเยา”

“ขอบคุณค่ะพี่รอง”

มู่เถาเยาถือหญ้าอายุยืนพลางยิ้มแฉ่ง

“ย้ายไปปลูกที่ตำหนักพระจันทร์ก่อน รอได้โสมหลิงเซินมาเมื่อไรค่อยปรุงเป็นยา”

“เสี่ยวเยาเยา ย้ายไปปลูกจะส่งผลต่อการมีชีวิตและสรรพคุณของมันไหม”

“ไม่ค่ะ หญ้าอายุยืนตายยาก ขอแค่มีแดดมีน้ำก็พอ มันไม่เรื่องมากเรื่องดิน แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีเมล็ด ไม่อย่างนั้นคงพอจะหาทางเพาะมันออกมาได้”

“ไม่มีเมล็ดเหรอ แล้วมันเกิดขึ้นมายังไง”

มู่เถาเยาส่ายหน้า “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ในตำราโบราณที่ไปได้มาจากเมืองโบราณครั้งก่อนเขียนไว้แค่สั้นๆ ไว้กลับไปค่อยลองถามอาจารย์ใหญ่กับอาจารย์สาม”

เย่ว์จือกวงพยักหน้า

มู่เถาเยาวางหญ้าอายุยืนลงในเข่งแล้วเอาขึ้นมาสะพาย

“พี่รอง พวกเราเดินต่อค่ะ”

“อืม”

สองพี่น้องมุ่งหน้าเดินต่อ

ตอนที่ใกล้ได้เวลากินข้าวพวกเขาก็เดินถึงน้ำตกเล็กๆ พอดี

ด้านล่างน้ำตกเป็นสระน้ำลึก มีหมอกขาวลอยขึ้น

มู่เถาเยากับเย่ว์จือกวงปลดเข่งลง ไปที่ริมสระน้ำล้างหน้าล้างมือ

“ตรงนี้มีปลาตัวเล็กๆ เยอะแยะเลยค่ะพี่รอง”

“จริงด้วย ทำไมไม่มีปลาตัวใหญ่เลยล่ะ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงได้กินปลาดิบกัน”

ก่อไฟในป่าไม่ได้ ทำปลาดิบกินก็อร่อยไปอีกแบบ

“ฉันไม่กินปลาดิบค่ะ”

เธอไม่กินของดิบยกเว้นพวกผักกับผลไม้ รวมถึงสเต็กเนื้อที่กึ่งสุกกึ่งดิบด้วย จะอร่อยแค่ไหนเธอก็ไม่กิน

เย่ว์จือกวงรู้สึกผิด

เขาจำได้แค่ว่าน้องสาวชอบกิน แต่ไม่รู้เรื่องอื่นเลย

“เสี่ยวเยาเยายังมีอะไรที่ไม่กินหรือไม่ชอบกินอีกไหม”

“กินได้หมดยกเว้นของดิบ เนื้อสุนัข ผักชี ปลาหมึก ไม่มีเลือกกินอะไรเป็นพิเศษค่ะ”

เย่ว์จือกวงจำไว้ เขาถามต่อ “อาหารทะเลอย่างอื่นกินไหม มีแพ้อาหารหรือเปล่า”

“ไม่แพ้ค่ะ กินได้หมดยกเว้นของดิบของดอง”

“ได้ พรุ่งนี้พี่จะให้คนส่งของทะเลเข้ามา ทะเลทางแถบพวกเรามีกั้งใบตาลที่หาได้ยากด้วยนะ และยังมีทูน่าครีบน้ำเงิน เพรียงคอห่าน ปูจักรพรรดิก็อร่อย…หอยนางรม เป๋าฮื้อ และอีกสารพัดหอยก็ตัวใหญ่มาก…”

มู่เถาเยาแอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้ว

เมืองกังตูติดป่าไม่ติดทะเล เมืองเย่ว์ตูเป็นเมืองที่อยู่ใจกลางสุดของประเทศเหยียนหวง ก็ไม่มีทะเลเช่นกัน เธอจึงไม่ค่อยได้กินอาหารทะเลที่เพิ่งจับขึ้นมาสดๆ แล้วนับประสาอะไรกับของทะเลหายากพวกนั้น