บทที่ 264 นกแก้วหัวขโมย

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 264 นกแก้วหัวขโมย

บทที่ 264 นกแก้วหัวขโมย

แทนที่จะลงไปส่งที่ชั้นล่าง ซีชิงอิ่งกลับยืนอยู่ที่หน้าต่างสำนักงานบนชั้นสาม สายตามองดูโจวอี้และจ้านฉีเดินออกจากโรงน้ำชาและขึ้นแท็กซี่

อ่านใจ!

เธอคิดว่าความสามารถมหัศจรรย์นี้มีอยู่ในเฉพาะนิทาน เรื่องเล่า หรือไม่ก็ละครโทรทัศน์ แต่กลับกลายเป็นว่าลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยของเธอดันมีความสามารถนั้น

มันทั้งช็อก…และน่ากลัว

ตอนนี้เองที่เธอตระหนักได้ว่าเธอจะไร้ซึ่งความเป็นส่วนตัวอย่างสิ้นเชิง ถ้าหากอยู่ต่อหน้าลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยของเธอคนนี้

สำหรับโจวอี้…

เธอชอบเขาไหม?

เธอรู้ตัวดีว่าเธอชอบเขามาก

ไม่มีชายหนุ่มคนไหนที่ดีไปกว่าโจวอี้ ถ้าต้องหาผู้ชายสักคนมาแต่งงานด้วย โจวอี้คือตัวเลือกที่ดีที่สุด

แต่มันน่าเสียดาย

ดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว

ซีชิงอิ่งถอนหายใจและทอดสายตามองออกไปในระยะไกล

ตอนเย็น

ฉู่เทียนฮุ่ยมาถึงวิลล่าของโจวอี้ด้วยท่าทางรีบร้อน

สิ่งที่ทำให้โจวอี้ประหลาดใจอย่างมากคืออาจารย์ผู้สง่างามเสมอมา ทว่าตอนนี้กลับมีใบหน้าที่เหนื่อยล้าและมีกลิ่นเลือดจาง ๆ

แม้ว่าโจวอี้จะไม่ได้วินิจฉัยชีพจรของอาจารย์ แต่เขาก็สามารถบอกได้ว่าฉู่เทียนฮุ่ยได้รับบาดเจ็บ

บาดเจ็บได้อย่างไร?

เกิดอะไรขึ้น?

โจวอี้มองอาจารย์ของเขาอย่างเงียบ ๆ และไม่ได้ถามอะไร เขารู้จักอาจารย์ของตัวเองดี ถ้าเขาจำเป็นต้องรู้ อาจารย์จะบอกเขาโดยไม่ต้องถาม แต่ถ้าเขาไม่จำเป็นต้องรู้ ต่อให้ถามก็คงไม่ได้รับคำตอบ

“เด็กคนนี้เหรอ?” ฉู่เทียนฮุ่ยถามพลางชี้ไปที่จ้านฉี

โจวอี้พยักหน้า ก่อนจะมองจ้านฉีที่กำลังแสดงท่าทีไม่สบายใจ เขาตบหลังเด็กหญิงตัวน้อยเพื่อปลอบโยนแล้วพูดว่า “อาจารย์ เธอชื่อว่าจ้านฉี และพลังของเธอคือการอ่านใจ เธอไม่ได้ยินความคิดของผม แต่เธอสามารถได้ยินความคิดของคนทั่วไป”

“มันเป็นพลังที่พิเศษและทรงพลังมาก” ฉู่เทียนฮุ่ยยิ้มด้วยสีหน้าอ่อนโยน เธอมองดูจ้านฉีแล้วถามว่า “เด็กน้อย ฉันได้ยินเรื่องของเธอมาหมดแล้ว ความจริงแล้วความสามารถพิเศษของเธอไม่ใช่โรค แต่เธอแค่ยังไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์และไม่รู้วิธีใช้มัน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมมันถึงได้รบกวนเธอ คนรอบตัวฉันสามารถสอนทักษะให้เธอ และทำให้เธอควบคุมความสามารถนี้ได้ตามต้องการ เธออยากไปกับฉันไหม?”

“หนูต้องรับคุณเป็นอาจารย์ของหนูใช่ไหม?” จ้านฉีถามอย่างเขินอาย

“ใช่ เธอจะต้องยอมรับฉันเป็นอาจารย์ของเธอ” ฉู่เทียนฮุ่ยยิ้ม

“ได้!”

อันที่จริงจ้านฉีตัดสินใจได้ตั้งนานแล้ว ดังนั้นเมื่อเห็นท่าทางอันอบอุ่นใจดีของฉู่เทียนฮุ่ย เธอจึงไม่ลังเลที่จะตอบตกลง

ฉู่เทียนฮุ่ยพอใจมาก

เธอรู้สึกว่าโจวอี้เป็นดาวนำโชคของเธอ ไม่สิ เป็นดาวนำโชคของสำนักโอสถ!

นานแค่ไหนกันแล้วนะ?

โจวอี้พบเด็กถึงสามคนที่มีความสามารถควบคุมพลังธาตุแบบไม่คาดคิด ซึ่งมันน่าทึ่งมาก

“ฉันได้ยินมาจากแม่เฒ่าเทียนจี้ นายทะลวงระดับกลายเป็นปรมาจารย์แล้วใช่ไหม?” ฉู่เทียนฮุ่ยถาม

“ผมแค่โชคดีน่ะอาจารย์” โจวอี้ยิ้ม

“การก้าวข้ามคือความก้าวหน้า ไม่ว่านายจะใช้วิธีไหน ไม่ว่าจะโชคดีแค่ไหน การก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ก็เท่ากับเป็นการก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกยุทธ์อย่างแท้จริง ในอนาคตนายต้องหมั่นเพียรให้มากกว่าเดิมเพื่อทะลวงสู่ระดับผสานเต๋าให้ได้โดยเร็วที่สุด” ฉู่เทียนฮุ่ยกล่าว

ระดับผสานเต๋า?

โจวอี้ตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะและไม่ได้พูดอะไร

เขาเพิ่งทะลวงเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ และยังมีระดับเซียนที่รออยู่ กล่าวง่าย ๆ ก็คือมีเพียงการข้ามผ่านระดับเซียนไปแล้วเท่านั้นที่จะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับผสานเต๋าได้

นี่เป็นหนทางที่ยาวไกลสำหรับเขา!

ทันใดนั้น เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาลังเลและถามว่า “อาจารย์ ผมมีเรื่องจะปรึกษา ผมไม่เข้าใจบางอย่าง ผมต้องปรึกษาอาจารย์”

“ได้!”

พวกเขามอบจ้านฉีให้แม่เฒ่าเทียนจี้และถงหู่ที่อยู่ในห้องโถงดูแลแทน จากนั้นพวกเขาก็ไปที่ห้องหนังสือที่ชั้นสอง

“เอาเลย! ต้องการถามคำถามอะไรบ้าง” ฉู่เทียนฮุ่ยนั่งลงบนเก้าอี้

“ผมมีปัญหากับร่างกายของผม ก่อนหน้านี้…”

“เดี๋ยวก่อนนะ” จู่ ๆ ฉู่เทียนฮุ่ยก็ลุกขึ้นและเดินไปที่กรงนกแก้ว

เธอมองนกแก้วสองตัวในกรงด้วยสายตาดุดัน นกแก้วสองตัวกรีดร้องและถูกกระแสลมที่มองไม่เห็นดึงออกมาจากกรง จากนั้นพวกมันก็ลอยค้างอยู่ตรงหน้าฉู่เทียนฮุ่ย

“ปลุกสติปัญญาได้แล้วใช่ไหม?”

“ไม่!”

“ไม่!”

นกแก้วสองตัวอ้าปากพูด

พวกมันต้องการดิ้นรนและหลบหนี แต่พลังที่มองไม่เห็นตรึงร่างพวกมันอยู่ ทำให้ความพยายามทั้งหมดไร้ผล ดังนั้นพวกมันจึงได้แต่ปฏิเสธด้วยความกลัว

อย่างไรก็ตาม การปฏิเสธนี้เองที่พิสูจน์ว่าพวกมันเบิกสติปัญญาแล้วจริง ๆ

โจวอี้เดินเข้ามามองนกแก้วสองตัวที่อยู่ข้างหน้า แววตาของเขาฉายความเหลือเชื่อ

เขาเติบโตมาในภูเขาและป่าตั้งแต่ยังเด็ก ฟ้าคือผ้าห่ม ผืนดินคือเสื่อ มีนกและสัตว์ร้ายเป็นเพื่อน เขารู้ว่านกและสัตว์ร้ายสามารถเบิกสติปัญญาได้ แต่พวกมันต้องการโชควาสนาหรือยาวิเศษเท่านั้น

แต่นกแก้วสองตัวนี้…

เขาเป็นคนซื้อพวกมันมาเอง ดังนั้นพวกมันจะเบิกสติปัญญาเองได้ยังไง?

อย่างดีที่สุด ถ้าเขาให้พวกมันกินยาสักชนิดหนึ่งที่เขาทำขึ้นมา พวกมันก็คงสามารถพูดได้สักสองสามคำ

เดี๋ยวนะ!

ยา?

โจวอี้หันไปที่ชั้นหนังสือและมองไปที่ขวดหยกใส

เขารีบวิ่งไปที่ชั้นหนังสือ หยิบขวดหยกลงมา เปิดฝาขวดและตรวจดูยาที่อยู่ในนั้น

สิ่งที่ทำให้สีหน้าของเขาดูย่ำแย่ก็คือปริมาณยาในขวดหยกแต่ละขวดมีน้อยลง!

“ไอ้สารเลว พวกแกขโมยยาของฉันเหรอ?!” โจวอี้ถามด้วยความโกรธพลางจ้องมองไปที่นกแก้วสองตัว

“ไม่!”

“ไม่!”

นกแก้วสองตัวหดหัวแล้วปฏิเสธทันที

“ปฏิเสธเหรอ? ถ้างั้นยาที่ฉันหลอมมาอยู่ที่ไหน? ยาที่ฉันหลอมมาอยู่ที่ไหน!? ไอ้สารเลวเดรัจฉานสองตัวนี้ พวกแกรู้ไหมว่ายาที่พวกแกขโมยกินไปมีค่าแค่ไหน!?” โจวอี้ดุด่าด้วยความโกรธ

“ไม่รู้…แต่มันอร่อย” นกแก้วตัวหนึ่งก้มหัวลงและพึมพำเสียงสั่น

“กินลุงของแกเถอะ! ไอ้หัวขโมยสองตัวนี้! พวกแกเชื่อไหมว่าฉันจะถอนขนพวกแกออกจนหมดแล้วโยนใส่เตาหลอม!” โจวอี้กล่าวอย่างโกรธเคือง

นกแก้วทั้งสองก้มหน้าลงไม่กล้าพูดอีก ตอนนี้พวกมันกลัวมาก

“ช่างพวกมันเถอะ! พวกมันขโมยยากินซึ่งมันก็เท่ากับเป็นโชควาสนาของพวกมันด้วย แม้ว่านายจะฆ่าพวกมัน นายก็ไม่ได้ยาคืนมาอยู่ดี” ฉู่เทียนฮุ่ยส่ายหัว จ้องมองนกแก้วทั้งสองตัวด้วยสายตาขบขัน

เธอควบคุมการไหลเวียนของอากาศ ม้วนตัวพวกมันกลับเข้าไปในกรง จากนั้นก็พูดว่า “นายต้องการยาอะไรก็บอกแม่เฒ่าเทียนจี้ แล้วฉันจะส่งคนให้เอามาให้”

“ไม่เป็นไร” โจวอี้รู้สึกหดหู่ใจและยังคงจ้องมองนกแก้วสองตัวด้วยความหงุดหงิด

ร่างของพวกมันสั่นเทา พวกมันยืนนิ่งอยู่ในกรงราวกับเด็กที่เพิ่งทำผิดและถูกพ่อแม่จับได้

ฉู่เทียนฮุ่ยมองไปที่นกแก้วสองตัว “เอาล่ะ ตอนนี้พวกแกได้เบิกสติปัญญาแล้ว ดังนั้นพวกแกจะต้องมีความสามารถพิเศษตามสายเลือดบรรพบุรุษของพวกแกใช่ไหม? พวกแกทำอะไรได้บ้าง ไหนลองบอกมาซิ?”

นกแก้วทั้งสองสบตากัน จากนั้นจึงตะโกนอย่างภาคภูมิใจ

“ฉันสามารถพ่นไฟ…”

“ฉันพ่นน้ำได้ โฮ่ โฮ่…”

โจวอี้หนังตากระตุก เขามองพวกมันและตวาดว่า “พวกแกไม่ใช่สัตว์อสูร พวกแกจะทำแบบนั้นได้ยังไง? ฉันจะให้พวกแกกินยาพิษถ้าพวกแกยังไม่เลิกพูดเพ้อเจ้อ!”

ทันใดนั้น นกแก้วทั้งสองก็พับปีกปิดปากตัวเอง

“พ่นน้ำ? พ่นไฟ? น่าสนใจดีนี่” ฉู่เทียนฮุ่ยยิ้มเล็กน้อยและชี้ไปที่นกแก้วตัวที่บอกว่ามันสามารถพ่นไฟได้ “ฉันจะเอาตัวนี้ไปให้ถังเสี่ยวถังเพื่อให้เด็กน้อยคนนั้นรับเลี้ยง ส่วนอีกตัวที่พ่นน้ำได้ นายก็ให้ถังเสี่ยวรุ่ยเลี้ยงมันก็แล้วกัน สองพี่น้องคู่นี้ คนหนึ่งควบคุมไฟ และอีกคนสามารถควบคุมน้ำได้ ซึ่งมันก็สอดคล้องกับนกแก้วพวกนี้”

“ได้ครับอาจารย์!” โจวอี้พยักหน้า