บทที่ 263 สอบถามลูกพี่ลูกน้อง
บทที่ 263 สอบถามลูกพี่ลูกน้อง
ณ โรงอาหารของโรงพยาบาล
โจวอี้และเฉินเจี้ยนหรงกำลังนั่งอยู่ที่นี่ การมาถึงของพวกเขาทำให้แพทย์และพยาบาลหลายคนที่อยู่ในโรงอาหารพากันจ้องมอง
“โจวอี้ เด็กคนนี้คือ?” เฉินเจี้ยนหรงมองไปที่จ้านฉีและถามด้วยความแปลกใจ
“เธอเป็นศิษย์น้องของผมเอง” โจวอี้ตอบด้วยรอยยิ้ม
ศิษย์น้อง?
ศิษย์น้องของโจวอี้?
ศิษย์ของฉู่เทียนฮุ่ยอีกคน?
เฉินเจี้ยนหรงตกตะลึง ทันใดนั้นก็เผยรอยยิ้มที่สดใส สายตาของเขาที่มองไปยังจ้านฉีนั้นดูอ่อนโยนขึ้นมาก
ในขณะที่เฉินเจี้ยนหรงกำลังมองมาที่เธอ จ้านฉีก็มองไปที่อีกฝ่ายเช่นกันและฟังเสียงในใจของเขา
เธอพบว่าอีกฝ่ายมีความสุขมาก และยังมีความรู้สึกที่จริงใจกับเธอ
เธอได้ยินแม้กระทั่งว่าอีกฝ่ายพูดในใจว่าเธอจะกลายเป็นแพทย์แผนจีนที่ยอดเยี่ยมมากในอนาคต เธอจะเป็นแพทย์อีกคนที่สามารถช่วยเหลือโลกและรักษาเหล่าคนเจ็บป่วยได้
‘เขาเป็นคนดี’
จ้านฉียอมรับเฉินเจี้ยนหรง จากนั้นเธอก็มองไปที่โจวอี้อีกครั้ง
เด็กน้อยพบว่าหมอโจว… ไม่สิ ศิษย์พี่และเพื่อนของเขาคนนี้ก็เป็นคนดี
เมื่อเห็นเช่นนี้ เธอจึงนึกถึงประโยคหนึ่งที่ผู้คนพูดกันว่า ‘นกชนิดเดียวกันก็จะอยู่ในฝูงเดียวกัน’ ดังนั้นถ้าเพื่อนของศิษย์พี่เป็นคนดี ศิษย์พี่ก็ต้องเป็นคนดีเช่นกัน
“ผู้อำนวยการเฉิน ผมได้ยินมาว่าคุณได้รับการเลื่อนตำแหน่ง?”
“ฮ่า ฮ่า เรื่องนี้ต้องขอบคุณหมอโจวนั่นแหละ ถ้าไม่ได้คุณ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะได้เลื่อนตำแหน่งเร็วขนาดนี้” เฉินเจี้ยนหรงกล่าวอย่างมีความสุข
“อย่ายกยอผมขนาดนี้เลย ผมไม่กล้ายอมรับหรอก” โจวอี้ยิ้มแล้วถามว่า “ว่าแต่คุณมีธุระอะไรรึเปล่าถึงได้อยากพบผม?”
“ใช่ มีเรื่องสำคัญมากที่ผมต้องคุยกับคุณ” การแสดงออกของเฉินเจี้ยนหรงกลายเป็นจริงจังขึ้นมา เขามองไปรอบ ๆ ก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้เคียง จากนั้นจึงพูดเสียงเบาว่า
“หนึ่งร้อยล้านหยวนที่คุณบริจาคให้กับโรงพยาบาลของเราถูกใช้ไปแล้ว เพราะผู้ป่วยจำนวนมากมาจากครอบครัวที่ยากจน ดังนั้นผมจึงมีความคิดว่าอยากจะขอเอาเรื่องนี้ประกาศออกไปเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้คนอื่น ๆ มาบริจาคเพิ่ม คุณคิดว่ายังไง?”
“ไม่”
โจวอี้ปฏิเสธทันที
เขาไม่ต้องการให้คนอื่น ๆ มากมายรู้ว่าเขาบริจาค
เขายินดีทำบุญแต่จะไม่ยอมออกชื่อ
“โจวอี้ ผมรู้ว่าคุณไม่ได้แสวงหาชื่อเสียงหรือกำไร แต่ต้องการช่วยเหลือผู้ป่วยที่มาจากครอบครัวยากจนจริง ๆ ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวล เราขอแค่ประชาสัมพันธ์เรื่องการบริจาคออกไปเท่านั้น ส่วนชื่อของคุณที่เป็นผู้บริจาคเงินร้อยล้านหยวนให้กับโรงพยาบาลจะไม่ได้ถูกเปิดเผย แบบนี้คุณคิดว่าโอเคไหม?” เฉินเจี้ยนหรงถาม
“ถ้าแบบนี้ก็ไม่เป็นไร” โจวอี้พยักหน้า
“เยี่ยม ผมกลัวจริง ๆ ว่าคุณจะไม่ตกลง!” เฉินเจี้ยนหรงกล่าวอย่างมีความสุข
“ถ้าเราสามารถดึงทุนการกุศลได้ เราก็สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยจากครอบครัวยากจนได้มากขึ้น ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่ดี ตราบใดที่ไม่ให้ผมไปออกหน้า ผมก็ไม่สนใจหรอก” โจวอี้หัวเราะ
“งั้นก็เอาตามนี้แล้วกัน”
“กินข้าวก่อนไหม?”
“ไม่ ผมขอไปจัดการเรื่องนี้ก่อนจะดีกว่า” เฉินเจี้ยนหรงจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเหลือเพียงโจวอี้และจ้านฉีอยู่ที่โต๊ะอาหาร จ้านฉีก็พูดว่า “ศิษย์พี่… ในใจของผู้อำนวยการเฉินยกย่องพี่มากเลย!”
“จริงเหรอ?” โจวอี้ถามด้วยรอยยิ้ม
“ในใจของเขาพูดว่า… โจวอี้เป็นดาวนำโชคสำหรับผู้ป่วยครอบครัวยากจนอย่างแท้จริง เป็นหมอที่ใจดีและไม่ได้แสวงหาชื่อเสียงและความมั่งคั่ง ทุกอย่างทำไปเพื่อการกุศลอย่างแท้จริงเป็นคนที่มีหัวใจบริสุทธิ์ดุจดั่งทองคำ…”
“ฮ่า ๆ ภาพลักษณ์ของฉันในความคิดของผู้อำนวยการเฉินสูงส่งขนาดนี้เลยเหรอ!” โจวอี้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“หนูก็คิดว่าศิษย์พี่ยอดเยี่ยมเหมือนกัน” จ้านฉีพยักหน้าและมองไปที่โจวอี้ด้วยความเคารพ
โจวอี้ยิ้ม
เขายิ้มกว้างเลยทีเดียว
ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบหัวเล็ก ๆ ของจ้านฉี “กินเถอะ! ถ้าเราอิ่มแล้ว ฉันจะพาเธอไปที่โรงน้ำชาปาซานเพื่อไปหาซีชิงอิ่ง”
“ศิษย์พี่จะทำอะไร?” จ้านฉีถาม
“ชิงอิ่งเป็นญาติของเธอนี่นา ฉันต้องไปบอกกล่าวเพื่อให้ชิงอิ่งสบายใจ” โจวอี้ยิ้ม
“อื้ม!” จ้านฉีพยักหน้า
ณ โรงน้ำชาปาซาน
ซีชิงอิ่งห่อตัวด้วยผ้าห่มบาง ๆ และกำลังนั่งอย่างง่วงงุนบนโซฟา
เมื่อวานนี้เธอได้รับแรงบันดาลใจและกำลังเขียนเพลงใหม่จนเธอไม่ได้นอนทั้งคืน
เธอพอใจกับบทเพลงใหม่มาก
เธอยังเชื่อด้วยซ้ำว่าเมื่อเพลงนี้ถูกปล่อยด้วยฝีมือการร้องของนักร้องสักคน เพลงนี้จะได้รับเสียงปรบมือมากมาย
ก๊อก ก๊อก….
โจวอี้จูงมือเล็ก ๆ ของจ้านฉีไว้และเคาะประตูห้องสำนักงาน
ซีชิงอิ่งลืมตา หลังจากเห็นโจวอี้และจ้านฉีเดินจูงมือกันเข้ามา เธอก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วถามว่า “รู้จักกันได้ยังไง?”
“มันเป็นโชคชะตา” โจวอี้ยิ้มและมองจ้านฉีดูที่ประหม่าเล็กน้อย เขาตบไหล่จ้านฉีเบา ๆ
เมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้น เขาก็ยิ้มและส่ายหัวเพื่อแสดงว่าเธอไม่ควรประหม่า
“ชิงอิ่ง ชงชาให้ที”
“ได้!”
ซีชิงอิ่งสะกดความสงสัยของเธอไว้และไปต้มชา และในไม่ช้าก็ปรุงชาอันหอมกรุ่นออกมา
โจวอี้นั่งบนโซฟาถัดจากจ้านฉี เฝ้าดูกระบวนการชงชาที่ปราณีตงดงามของซีชิงอิ่ง จากนั้นก็โน้มตัวไปกระซิบถามที่ข้างหูจ้านฉี “ศิษย์น้อง ไหนบอกศิษย์พี่หน่อยได้ไหมว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอกำลังคิดอะไรอยู่? ”
“เธอสงสัยว่าทำไมเราถึงรู้จักกัน ทำไมเราถึงอยู่ด้วยกัน และเธอรู้สึกโล่งใจที่หนูอยู่กับพี่ และคิดว่าศิษย์พี่เป็นคนดี…” หลังจากที่จ้านฉีตอบกลับเสียงเบา ต่อมาสีหน้าของเด็กหญิงตัวน้อยก็แปลกไป
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงทำหน้าตาแบบนี้?” โจวอี้ถาม
“หนู…” จ้านฉีเปิดปาก แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากชงชาเสร็จ ซีชิงอิ่งก็มองมาที่โจวอี้และจ้านฉีด้วยความประหลาดใจ “กำลังคุยอะไรกัน? แล้วก็คุณยังไม่ได้ตอบคำถามก่อนหน้านี้ของฉันเลยนะ”
“เราเพิ่งพบกันวันนี้ จ้านฉีมาที่โรงพยาบาล เธอหวังว่าผมจะสามารถรักษาเธอได้ ผมตรวจร่างกายของเธอแล้วพบว่าเธอไม่ได้ป่วย แต่กลับกลายเป็นว่าเธอพิเศษมาก” โจวอี้ยิ้ม
“พิเศษยังไง?” ซีชิงอิ๋งถาม
“เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับ แต่ผมพาเธอมาที่นี่เพื่อขออนุญาตจากคุณก่อน”
“ความลับ…อะไร?” ซีชิงอิ่งถาม
“ค่ำนี้อาจารย์ของผมจะมาที่จินหลิงเพื่อรับจ้านฉีไปดูแลในฐานะลูกศิษย์”
“อาจารย์ของคุณ?” ซีชิงอิ๋งตกตะลึงจนเกือบจะอ้าปากค้าง
เธอรู้ว่าโจวอี้เป็นศิษย์ของสำนักโอสถ และตัวตนอาจารย์ของโจวอี้นั้นพิเศษมาก หากหญิงชราคนนั้นยินดีรับจ้านฉีเป็นศิษย์ อนาคตของจ้านฉีจะไร้จำกัดทันที
ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากจ้านฉียินดีที่จะติดตามโจวอี้มาที่นี่เพื่อพบเธอ นั่นแสดงว่าจ้านฉีเองก็เต็มใจ
“ฉันไม่ว่าอะไร ตราบใดที่ลูกพี่ลูกน้องของฉันตกลง” ซีชิงอิ่งมองไปที่จ้านฉีด้วยความเอ็นดูและพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันแค่หวังว่าอาจารย์ของคุณจะดูแลเธอให้ดี”
“อย่ากังวล เมื่ออาจารย์ของผมรับจ้านฉีเป็นลูกศิษย์แล้ว อาจารย์ของผมจะปฏิบัติต่อจ้านฉีเป็นเหมือนลูกของเธอเองเลยล่ะ” โจวอี้ยิ้ม
“อืม!” ซีชิงอิ่งรู้สึกยินดีกับลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยของเธอ
ลุงของเด็กน้อยคนนี้เสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา จ้านฉีเองก็ลังเลที่จะมาอยู่ด้วยกันกับเธอ และมักจะซ่อนตัวอยู่ในบ้านเพียงลำพัง
เธอหวังมาตลอดว่าลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของเธอจะมีชีวิตที่ดีขึ้น
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
โจวอี้วางถ้วยชาลงและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เราขอตัวไปกันก่อน แล้วพรุ่งนี้ผมจะกลับมารักษาคุณ”
“ได้!” ซีชิงอิ่งพยักหน้า
“ศิษย์พี่ หนูขอคุยกับลูกพี่ลูกน้องของหนูตามลำพังก่อนจะได้ไหม” จู่ ๆ จ้านฉีก็ถามขึ้น
“ได้สิ! คุยกันไปก็แล้วกัน ฉันจะลงไปสูบบุหรี่ข้างล่าง” โจวอี้กล่าวและเดินออกจากสำนักงานมาคนเดียว
ซีชิงอิ่งย่อตัวลง อ้าแขนออก และค่อย ๆ กอดจ้านฉีไว้ในอ้อมแขน “จ้านฉีน้อย หลังจากนี้ถ้าตามอาจารย์ของโจวอี้ไปแล้ว เธอจะต้องทำตัวมีเหตุผลและเชื่อฟัง และต้องดูแลตัวเองให้ดี ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรมาหาได้ตลอด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้าต้องการลูกพี่ลูกน้องคนนี้ ฉันไปหาเธอทันที”
“อื้ม!” จ้านฉีน้ำตาคลอเบ้า
เธอรับรู้ว่าคำพูดนี้พูดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ และเธอยังได้ยินลูกพี่ลูกน้องของเธอแอบอธิษฐานขอพรให้พระเจ้าอวยพรให้เธอเติบโตแข็งแรงและมีความสุข
ครู่ต่อมา จ้านฉีก็ค่อย ๆ ผลักซีชิงอิ่งออก ก้าวถอยหลังไปสองก้าว และพูดอย่างจริงจังว่า “พี่ชิงอิ่ง ในเมื่อพี่ชอบหมอโจว พี่ก็ควรจะไล่ตามเขาอย่างกล้าหาญ!”
“อ๊ะ? นี่เธอ…!”