ตอนที่ 291 อวี้อิ๋งคิดถึงคุณมาก
แน่นอนว่าการโกหกครั้งหนึ่งต้องมีการโกหกนับล้านครั้งจึงจะจบเรื่อง
เธอเพียงต้องการจะพิสูจน์ว่าความรู้ด้านกลไกต่าง ๆ ของตัวได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก
“ทำไมใจแคบขนาดนี้นะ?”
หลินเซี่ยปริปากเอ่ยอย่างโกรธ ๆ “คุณมีเวลาที่จะมาหึงกัน แทนที่คุณไปหาถังจวิ้นเฟิงแล้วถามหลิวจื้อหมิงยอมสารภาพเรื่องเสิ่นเถี่ยจวินแล้วหรือยังเนี่ยนะ”
เฉินเจียเหอทำตัวราวกับผู้หญิงที่กำลังแค้นเคือง จากปกติที่คอยตอบรับเธอทุกอย่าง มาตอนนี้กลับไม่กระตือรือร้นแต่อย่างใด
“คุยกับคุณแล้วนี่ว่าหากหลิวจื้อหมิงไม่สารภาพ เราก็ปล่อยให้เขาอยู่ข้างในให้นานขึ้นหน่อย แล้วค่อยให้ออกมาอีกครั้งเมื่อสภาพอากาศข้างนอกเปลี่ยนแปลงไป”
“เปลี่ยนวันไหนล่ะ?” เฉินเจียเหอถามอย่างสงสัย
“เสิ่นเถี่ยจวินกับหลิวจื้อหมิงสมรู้ร่วมคิดกันมานานแล้ว โดยการใช้วัสดุคุณภาพต่ำในการผลิต แอบลดทอนวัสดุออกโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพเพื่อจะกินสินบน หากเกิดปัญหากับคุณภาพการผลิต พวกเขาจะตำหนิรองผู้อำนวยการเจียง เสิ่นเถี่ยจวินในตอนนี้เหมือนถูกตัดแขนไปสองข้าง เสิ่นเสี่ยวเหมยซึ่งรับผิดชอบด้านการเงินขณะนี้อยู่ในสถานะพักงาน ซ้ำยังสูญเสียผู้ช่วยคนสำคัญไปอีก ตราบใดที่ทำให้รองผู้อำนวยการเจียงมีแรงจูงใจมากขึ้น เขาจะเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาอย่างแน่นอน ดังนั้นในเวลานี้พวกเขายังเล่นสกปรกลับหลังคุณแม่ของฉันอยู่ เหมือนชนเข้ากับปลายกระบอกปืน”
แน่นอนว่าหากไม่รนหาที่ตายย่อมไม่ต้องตาย เดิมทีเธอกังวลว่าจะหาโอกาสจัดการเก็บกวาดพวกเขาไม่ได้ ทว่าพวกเขากลับยื่นมือไปสวมกุญแจมือด้วยตนเองเสียอย่างนั้น
เฉินเจียเหอไม่คิดว่าจะมีความลับดำมืดเช่นนี้ในโรงงานยานยนต์ ใบหน้าของเขาพลันเคร่งขรึมขึ้น และเอ่ยหลินเซี่ยว่า “พรุ่งนี้เช้าผมจะไปสอบถามข้อมูล”
………
หลังจากเสิ่นเถี่ยจวินออกมาจากบ้านตระกูลเซี่ย ก่อนที่จะได้กลับบ้าน เขาต้องไปยังสถานีตำรวจเพื่อพบหลิวจื้อหมิง
ขณะนี้หลิวจื้อหมิงนั้นถูกควบคุมตัวเอาไว้ ส่วนเสิ่นเถี่ยจวินเองถูกภรรยาของหวังเฉียงกล่าวหา ทำให้จิตใจของเขาว้าวุ่นไม่น้อย
แต่ในขณะเดียวกัน เขาไม่เชื่อว่าหลิวจื้อหมิงจะโง่พอที่จะสารภาพ
ยิ่งไปกว่านั้น ตำรวจก็ไม่ได้ดำเนินการใด ๆ และเขาเดาว่าภรรยาของหวังเฉียงถูกพวกหลินเซี่ยข่มขู่และหลอกใช้ ด้วยจงใจก่อความวุ่นวายที่บ้านตระกูลเซี่ยเพื่อทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง
ดีจริง พวกเขาบรรลุผล เซี่ยหลานต้องหย่ากับเขา แน่นอนว่าเรื่องนี้จะแพร่สะพัดไปทั่วโรงงานเครื่องจักรในวันพรุ่งนี้ ใบหน้าของเขาแทบจะต้องมุดดินอยู่แล้ว
แต่เรื่องพวกนี้ไม่ได้สำคัญเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่สามารถเข้าไปได้ แม้ว่าจะแค่ถูกเรียกตัวมาสอบสวนก็ไม่ได้
เนื่องจากเรื่องที่แอบสลับตัวเด็กในตอนนั้น ตำรวจจึงวิ่งโร่ไปยังโรงงานเพื่อตามหาเขาอยู่หลายครั้งมาช่วงระยะหนึ่ง ซ้ำยังมีข่าวลือแพร่ออกไปแล้ว
คดีก่อนหน้านี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา หากเขาต้องคดีอีก เกรงว่าตำแหน่งผู้อำนวยการโรงงานก็จะไม่อาจรักษาเอาไว้ได้
เขาจึงฝากฝังคนรู้จักให้ไปพบหลิวจื้อหมิงซึ่งถูกควบคุมตัวเอาไว้
ในที่สุด หลิวจื้อหมิงก็ได้พบกับคนของเสิ่นเถี่ยจวิน เขาเอ่ยอย่างร้อนใจว่า “ผู้อำนวยการเสิ่น ผมจะได้ออกไปเมื่อไหร่? คุณรีบคิดหาทางโดยด่วน ผมอยู่ที่นี่จนตัวจะขึ้นราไปหมดแล้ว”
“คุณพูดอะไรกับพวกเขาไปบ้าง?” เสิ่นเถี่ยจวินซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามเขา หรี่ตาลงเล็กน้อย และเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงสัย
หลิวจื้อหมิงกล่าวว่า “ผมไม่ได้พูดอะไรเลย”
“ภรรยาของหวังเฉียงวิ่งโร่ไปเอะอะโวยวายที่บ้านตระกูลเซี่ย บอกว่าคุณได้รับคำสั่งจากผม มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?” เสิ่นเถี่ยจวินจ้องตาของหลิวจื้อหมิงแล้วเอ่ยถาม
หลิวจื้อหมิงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมไม่ได้พูดถึงเลย”
“จริงเหรอ?”
“จริงแท้แน่นอน คุณลุงเสิ่น ผมรอให้คุณมาพาผมออกไปนะ ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้น”
ใบหน้าของเสิ่นเถี่ยจวินผ่อนคลายลง เขาเอ่ยตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
“รอข่าวจากผม แล้วผมจะประกันตัวคุณออกไปโดยเร็วที่สุด”
เมื่อเสิ่นเถี่ยจวินพูดจบ ดวงตาของเขาก็กลอกไปมาเล็กน้อย ก่อนจะเข้ามาใกล้หลิวจื้อหมิง และปริปากเอ่ย
“อวี้อิ๋งคิดถึงคุณมาก”
“เดิมทีวันนี้หล่อนก็จะมาที่นี่ เผอิญเกิดเรื่องขึ้นที่บ้านตระกูลเซี่ยก่อน อารมณ์ของหล่อนจึงไม่ค่อยดีนัก ฉันเองก็เกรงว่าหล่อนจะเสียใจหากมาเห็นคุณในสภาพแบบนี้ เลยบอกให้หล่อนพักผ่อนที่บ้าน”
หลิวจื้อหมิงรีบออกปาก “อย่าปล่อยให้หล่อนมาในที่แบบนี้เลยครับ”
ในเวลานี้ เสิ่นเถี่ยจวินมองตาของชายหนุ่มอยู่นานราวกับว่าพ่อตากำลังสำรวจตรวจสอบลูกเขยในอนาคต ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “เมื่อคุณกลับไป ก็ไปบอกกล่าวครอบครัวว่าช่วงวันหยุดฤดูร้อนสามารถหมั้นกันไว้ก่อนได้ และเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกัน ผมจะสามารถฝึกอบรมคุณให้ดีได้โดยชอบด้วยเหตุผล ในอนาคตหากคุณทำอะไร ผู้คนจะได้เห็นแก่หน้าบาง ๆ ของผมนี้บ้าง”
ทันใดนั้นดวงตาของหลิวจื้อหมิงพลันเป็นปรกาย เขาพูดอย่างดีอกดีใจว่า “ขอบคุณครับคุณลุงเสิ่น”
เสิ่นเถี่ยจวินกลับจากสถานกักกันมาถึงบ้าน
เสิ่นอวี้อิ๋งตอนนี้อาศัยกับผู้เฒ่าเสิ่น เสิ่นเถี่ยจวินจึงไปหาหล่อนที่นั่น
สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่บ้านตระกูลเซี่ย ผู้เฒ่าเสิ่นจึงมีอารมณ์บูดบึ้งมาจนถึงตอนนี้
เขาไม่เคยถูกตบหน้าอย่างดูหมิ่นเหยียดหยามในที่สาธารณะเช่นนี้มาก่อน
เซี่ยตงยังไล่ให้เขาไปให้พ้นอีกด้วย!
มาไล่ให้เขาไปให้พ้นได้อย่างไร?
อารมณ์ของชายชรานั้นฉุนเฉียวอย่างยิ่ง ปริปากก่นด่าอยู่ตลอดเวลา เสิ่นเสี่ยวเหมยและเสิ่นอวี้อิ๋งเองก็ไม่สามารถกลืนความโกรธไปได้เช่นกัน
เสิ่นอวี้อิ๋งร้องไห้ตั้งแต่กลับถึงบ้านเพราะพ่อแม่ของหล่อนกำลังจะหย่าร้าง
ส่วนเสิ่นเสี่ยวเหมยนั้นต้องคอยปลอบชายชรา ทั้งยังต้องเกลี้ยกล่อมเสิ่นอวี้อิ๋ง
ปากของหล่อนยังคงก่นด่าสาปแช่งหลินเซี่ย
เมื่อหล่อนเอ่ยถึงหลินเซี่ยขึ้นมา ก็เหมือนกับการเทน้ำมันลงบนกองไฟ ทั้งผู้เฒ่าเสิ่นและเสิ่นอวี้อิ๋งต่างยิ่งโกรธมากขึ้น
“ดูซิ เธอนะเธอทำแต่เรื่องดี ๆ”
ในทันใดนั้น เสิ่นเถี่ยจวินเดินเข้ามาพอดี ทว่าผู้เฒ่าเสิ่นนั้นโกรธมากจนเขวี้ยงชามใส่เสิ่นเถี่ยจวิน
เขารู้จักลูกชายของตัวเองดี และเมื่อหลินเซี่ยบอกว่าเป็นเสิ่นเถี่ยจวินที่จงใจแอบสลับตัวเด็กในตอนนั้น นี่จึงเป็นเรื่องที่มีแนวโน้มจะจริงสูง
ผู้เฒ่าเสิ่นรู้ซึ้งถึงพฤติกรรมของเสิ่นเถี่ยจวินเป็นอย่างดี ในฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่สงสัยว่าคนรักของตนกำลังมีความสัมพันธ์กับชายอื่น อีกทั้งลูกยังคลอดก่อนกำหนด หากเป็นตัวเขาเอง ก็คงมีความคิดที่สับสนวุ่นวายเช่นกัน
แต่สิ่งที่ปรมาจารย์เสิ่นเกลียดก็คือหลายปีที่ผ่านมานี้ ลูกชายผู้โง่เขลาของเขาปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นคนนอก ปิดบังซ่อนเร้นเรื่องนี้เอาไว้
หากบอกกล่าวตั้งแต่เนิ่น ๆ เรื่องราวคงไม่ดำเนินมาถึงจุดนี้
เสิ่นเถี่ยจวินเหลือบมองเหลือบมองเสิ่นอวี้อิ๋งอย่างอับอาย ก่อนจะมองไปยังชายชราพลางเอ่ยบ่น น้ำเสียงของเขามีติดตำหนิอยู่เล็ก ๆ “พ่อครับ อย่าไปฟังคำพูดเหลวไหลของเด็กสารเลวนั่นเลย”
ชายชรานั่นเริ่มสับสนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลานี้เขาไม่คิดหาวิธีที่ระงับอารมณ์ของหลานสาว ซ้ำยังต้องการเติมเชื้อไฟลงกองเพลิงด้วย
เสิ่นเถี่ยจวินเดินไปหาเสิ่นอวี้อิ๋งและอธิบายอย่างจริงจังว่า “อวี้อิ๋ง ลูกต้องเชื่อพ่อ พ่อไม่ใช่คนแบบนั้น พ่อไม่เคยสงสัยในตัวแม่ของลูก สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเป็นเพียงอุบัติเหตุ ในเวลานั้นโรงพยาบาลสุขภาพมีสภาพซอมซ่อ ทั้งยังโกลาหลวุ่นวาย มีผู้หญิงตั้งครรภ์หลายคนที่มาคลอดพร้อม ๆ กัน ส่วนเด็กทารกก็นอนอยู่ข้าง ๆ พ่อเองต้องดูแลแม่ของลูกด้วย พ่อยุ่งวุ่นวายจนอุ้มเด็กผิดคน พ่อยอมรับว่าเป็นความประมาทเลิ่นเล่อของตัวเอง แต่จะมาบอกว่าพ่อตั้งใจไม่ได้ นี่ถือเป็นการสร้างความอัปยศอดสูให้ตัวพ่อ”
เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ประโยคสุดท้ายนั้นเสิ่นเถี่ยจวินแทบจะคำรามออกมา
ก่อนที่เสิ่นอวี้อิ๋งจะได้เอื้อนเอ่ย เสิ่นเสี่ยวเหมยก็เป็นฝ่ายประกาศจุดยืนของหล่อนก่อน
“พี่ชาย ฉันเชื่อคุณค่ะ หลินเซี่ยผู้หญิงสารเลวนั่น เพื่อแก้แค้นครอบครัวของเรา หล่อนคงพูดจาพิเรนทร์เหลวไหลอะไรก็ได้ทั้งนั้น หล่อนทำลายชีวิตคู่ของฉัน มาตอนนี้ยังทำให้พี่สะใภ้หย่ากับพี่อีก หล่อนพยายามทำให้ครอบครัวของเราบ้านแตกสาแหรกขาดแล้วนั่นแหละถึงจะหยุด”
เสิ่นเสี่ยวเหมยเต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อคววามไม่เป็นธรรม ใบหน้าของเสิ่นเถี่ยจวินเองก็บูดเบี้ยว
เขาเอ่ยกับเสิ่นอวี้อิ๋งอย่างอ่อนโยน “เอาล่ะ ไม่ต้องเศร้าเสียใจไป”
“ไปเก็บข้าวของแล้วกลับบ้านกับพ่อ พรุ่งนี้ยังต้องไปโรงเรียน ตอนเช้าพ่อจะไปส่ง”
เสิ่นอวี้อิ๋งจึงกลับไปที่ห้องของตนเพื่อจัดกระเป๋านักเรียน
ทันทีที่หล่อนออกไป เสิ่นเถี่ยจวินก็เอ่ยกับผู้เฒ่าเสิ่น “พ่อครับ ระวังคำพูดต่อหน้าหลานด้วย”
ผู้เฒ่าเสิ่นจ้องเขม็งไปยังเสิ่นเถี่ยจวินก่อนจะทอดถอนหายใจ
“แกนะแก คิดว่าพ่อไม่รู้จักแกหรือไง”
“ถ้าเซี่ยหลานจะหย่ากับแก จะส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานของแกไหม?” สิ่งที่ผู้เฒ่าเสิ่นกังวลที่สุดในเวลานี้คือจะรักษาตำแหน่งผู้อำนวยการโรงงานของเสิ่นเถี่ยจวินไว้ได้หรือไม่
เสิ่นเถี่ยจวินครั้งหนึ่งเคยต้องคดี ต่อมายังมีเรื่องหย่าร้างอีก ปัญหาส่วนตัวยังจัดการได้ไม่ดี เกรงว่าตำแหน่งผู้อำนวยการโรงงานก็ยากจะรับประกัน
ใบหน้าของเสิ่นเถี่ยจวินพลันเขียวครึ้ม น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “พ่อครับ ผมจะไม่หย่ากับหล่อน”
“ตอนนี้เป็นเรื่องของว่าแกจะยอมหรือไม่ยอมหย่าหรือไงกัน?”
ผู้เฒ่าเสิ่นเตือนเขาด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว “อย่างไรก็ตาม ฉันมีเพียงคำขอเดียวสำหรับแก คือไม่อนุญาตให้มีการเปลี่ยนแปลงในหน้าที่การงานของแก”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จะได้เหรอ บ้านเมืองมีขื่อมีแปนะพวกเอ็ง คิดว่าตัวเองมีอำนาจเหนือกฎหมายขนาดนั้นเชียว?
ไหหม่า(海馬)