บทที่ 220 ทั้งสองคนอย่าทะเลาะกันอีกเล่า
ปกติแล้วเวลาที่อาจื้อทะเลาะกับอาซือ แต่ไหนแต่ไรมาอาจื้อก็ไม่เคยพบว่าเรื่องที่พวกเขาทะเลาะกันนั้นจะไร้เดียงสาถึงเพียงนี้มาก่อน ตอนนี้เมื่อเห็นพี่รองและน้องสาวทะเลาะกัน กลับรู้สึกว่ามันไร้เหตุผลยิ่งนัก
เขาคร้านจะฟังบทสนทนาไร้สาระของพวกเขา จึงหันไปพูดกับเถิงเอ๋อว่า “เถิงเอ๋อ วันนี้มีของที่อยากซื้อหรือไม่? เราไปดูด้วยกันเถอะ”
ปกติแล้วเวลาจะคบค้าสมาคมกับอาจื้อ เขามักจะรักษาระยะห่างกับอีกฝ่ายเสมอ
เถิงเอ๋อค่อนข้างอ่อนไหวต่อความรู้สึกง่าย จึงย่อมสังเกตเห็นเป็นธรรมดา เขาเคยถามอาซือว่าอาจื้อไม่ชอบเขาใช่หรือไม่
อาซือกลับบอกว่า เวลาที่พี่ชายมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นก็มักจะเป็นเช่นนี้
ตอนนี้อาจื้อกลับเอ่ยคำพูดของน้องสาวที่หาได้ยากยิ่งออกมาแบบนี้ เถิงเอ๋อถึงกับพูดตะกุกตะกักทำตัวไม่ถูก “อ่า ข้า ข้าไม่เคยมาตลาด เลยไม่รู้ว่าจะซื้อสิ่งใด”
อาจื้อพยักหน้า “ถ้าเห็นว่าชอบอะไรก็บอก ข้าพกเงินติดตัวมาไม่น้อย”
เถิงเอ๋อตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง เดิมทีเขาก็พกเงินติดตัวมาด้วยเช่นกัน เพียงแต่ไม่อยากทำลายความหวังดีของอาจื้อจึงตอบว่า “เยี่ยมไปเลย ขอบคุณพี่อาจื้อมาก”
อีกด้านหนึ่ง อาซือและเหยาเอ้อหลางยังคงทะเลาะกันอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เมื่ออาจื้อและเถิงเอ๋อพูดกันจบแล้ว จึงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก
ทั้งสองคนยังยืนอีกด้านหนึ่งอย่างเงียบ ๆ รอให้พวกเขาสองคนทะเลาะกันจนเสร็จ
สุดท้ายก็ยังเป็นเหยาเอ้อหลางที่เป็นฝ่ายยอมแพ้ก่อน และหยุดการทะเลาะที่ไร้เหตุนี้ทันที
“เอาละ ๆ คราวนี้เราไม่เจอ ไว้ข้าค่อยพาเจ้าออกมาอีกในคราวต่อไปตกลงไหม?” เหยาเอ้อหลางกล่าวอย่างอ่อนใจ
หลังทะเลาะกันเป็นครึ่งวัน ทำให้แม้แต่อาซือเองก็ลืมไปแล้วว่าที่พวกเขาเริ่มทะเลาะกันนั้นเป็นเพราะอะไร
ครั้นเห็นผู้เป็นพี่ยอมแพ้แล้ว เด็กหญิงตัวน้อยจึงพยักหน้าอย่างพอใจ ตอบตกลงและยอมคืนดี
อาจื้อแสดงสีหน้าหมดคำพูด เถิงเอ๋อรุดขึ้นหน้าไปดึงมือของอาซือไว้และพูดเสียงเบาว่า “เอ้อเป่า เราไปกันเถอะ?”
เมื่อเด็กทั้งสี่คนไม่มีเป้าหมายแล้ว จึงเริ่มเดินเตร่อยู่บนถนนอย่างไร้จุดหมาย
อาจื้อ อาซือคุ้นเคยกับเมืองแห่งนี้ดี เหยาเอ้อหลางเองก็มักจะออกมาวิ่งเล่นข้างนอกอยู่บ่อยครั้ง แต่เถิงเอ๋อนั้นพบเห็นสิ่งใดก็ดูแปลกใหม่ไปเสียหมด
ทันใดนั้นเอ้อเป่าก็เห็นอะไรบางอย่าง จึงวิ่งขึ้นหน้าไปดูอย่างตื่นเต้น แล้วพูดคุยกับคนผู้นั้นอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งเดินกลับมาพร้อมกับผลไม้เคลือบน้ำตาลไม้หนึ่งในมือ
เถิงเอ๋อไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน จึงอดแปลกใจไม่ได้ “นี่คือ ?”
มืออันอวบอ้วนของเอ้อเป่าถือไม้เสียบไว้แน่น ด้านบนของไม้ก้านถูกเสียบด้วยผลไม้สีแดงที่เรียงกันทีละลูก พื้นผิวรอบนอกของผลไม้ทุกลูกถูกเคลือบด้วยน้ำตาลดูแวววาวหนึ่งชั้น ทำให้เมื่อเห็นแล้วกลับรู้สึกไม่เหมือนของกิน ช่างงดงามยิ่งนัก
อาซือยิ้มแก้มปริ “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เคยกิน อะ! รับไปถือกินเองสิ”
เถิงเอ๋อรับของกินที่อยู่ในมือของอาซืออย่างลังเล ก่อนถือพิจารณาดูอย่างละเอียด
เมื่ออาจื้อเห็นเขามีท่าทางลังเลไม่ตัดสินใจ จึงได้อธิบายว่า “นี่คือผลไม้เคลือบน้ำตาล ที่เสียบอยู่บนไม้นั้นก็คือซานจา*[1] เจ้ากินซานจาได้ไหม?”
[1] ซานจา เป็นไม้ผลขนาดเล็กประเภทเบอร์รี่ชนิดหนึ่งในสกุลฮอว์ธอร์นของวงศ์กุหลาบ คนส่วนมากรู้จักในฐานะเป็นผลไม้และขนมหวานกินเล่น
เขาจำสิ่งที่เหยาซูกำชับได้ เถิงเอ๋อจะต้องกินยาอยู่เสมอ มีของที่ห้ามกินตั้งมากมาย จะให้เขากินของที่ขายอยู่ตามท้องถนนสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้
ดวงตาของเถิงเอ๋อเปล่งประกาย “นี่คือซานจา? ซานจาทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ?”
เขาหยุดชะงักไปชั่วขณะ และพูดกับอาจื้อว่า “ข้ากินซานจาได้ พี่อาจื้อ ท่านหมอบอกกับท่านแม่ว่า ข้าต้องกินน้ำที่แช่ผลซานจา จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระเพาะและม้าม”
อาซือกระโดดโลดเต้นรอบตัวเขาหนึ่งรอบ โดยที่ไม่รู้ว่าตนนั้นดีใจด้วยเรื่องอะไร แต่สุดท้ายก็ยิ้มและเร่งเร้าเขา “รีบชิมสิ!”
เหยาเอ้อหลางไม่ชอบของกินที่เด็กผู้หญิงชอบอย่างผลไม้เคลือบน้ำตาล แต่เมื่อเห็นท่าทีที่ดูทะนุถนอมและจริงจังของเถิงเอ๋อ ก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้
ครั้นเห็นเขาอ้าปาก ใช้ฟันกัดลงไปบนผลซานจาลูกหนึ่งที่เสียบอยู่บนไม้เบา ๆ ทันใดนั้นน้ำตาลที่เคลือบอยู่บนผลไม้ก็แตกทันใด กระทั่งเกิดเสียง ‘กร๊อบ’ ขึ้นอย่างชัดเจน
สัมผัสแรกคือความหวาน เถิงเอ๋อเคี้ยวผลซานจาครึ่งหนึ่งในปาก รสสัมผัสต่อมาคือความเปรี้ยวจากผลซานจา
ทว่าเมื่อรสเปรี้ยวของผลไม้สดเจอกับรสหวานล้ำจากน้ำตาลที่เคลือบด้านนอก มันก็กลับกลายเป็นความรู้สึกหวานอมเปรี้ยวที่น่าอัศจรรย์บางอย่าง เข้าถึงสัมผัสรับรสของเถิงเอ๋ออย่างลึกซึ้ง
เขาเคี้ยวซานจาครึ่งลูกอย่างช้า ๆ จากนั้นก็กลืนลงไป และพูดกับอาซือด้วยรอยยิ้มว่า “อร่อย! อร่อยกว่าขนมซานจาของที่บ้านเสียอีก อร่อยมากจริง ๆ!”
อาซือดีใจที่มีคนชอบกินผลไม้เคลือบน้ำตาลเหมือนตน จึงยิ้มอย่างเบิกบานใจ “พี่เถิงชอบอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นต่อไปเราออกมาซื้อด้วยกันทุกวันนะ!”
เมื่ออาจื้อได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว “เอ้อเป่า ซานจาเป็นยาจีน เถิงเอ๋อจะกินเยอะไม่ได้”
ดวงตาของเด็กหญิงค่อย ๆ เบิกกว้าง ราวกับไม่เข้าใจว่าบนโลกใบนี้จะมีคนที่แม้แต่ผลไม้เคลือบน้ำตาลก็กินให้ถึงอกถึงใจเช่นนี้ไม่ได้ นั่นยิ่งทำให้ความเข้าใจของระดับความอ่อนแอด้านร่างกายของเถิงเอ๋อเพิ่มขึ้นอีกชั้นอย่างช่วยไม่ได้
กระทั่งนางเห็นเถิงเอ๋อกินซานจาลูกบนสุดของไม้เสียบจนหมดและไม่กินต่อ
เหยาเอ้อหลางอยู่อีกด้าน จึงได้หัวเราะด้วยความชอบใจ “ถ้าเถิงเอ๋อไม่กินแล้ว เดี๋ยวข้าช่วยเจ้าเอง”
ในใจของอาซือเพิ่งจะรู้สึกเสียใจได้ไม่นาน ทันใดนั้นก็ถูกเหยาเอ้อหลางทำลายความเจ็บปวดนั้นจนหมดสิ้น
นางทำแก้มป่องและพูดอย่างไม่พอใจ “พี่รองมักจะเยาะเย้ยว่าผลไม้เคลือบน้ำตาลนี้เป็นของกินของเด็กผู้หญิงเสมอมิใช่หรือ? เหตุใดถึงกินเล่า?”
เหยาเอ้อหลางรับผลไม้เคลือบน้ำตาลที่เรียงติดกันจนแทบมองรูปร่างไม่ออกไม้นั้นมาจากมือของเถิงเอ๋อ
‘กร๊อบ’ เสียงกัดซานจาลูกหนึ่งดังขึ้น จากนั้นเขาก็เคี้ยวพลางพูดว่า “อาจื้อไม่ชอบกินของที่หวานและเลี่ยนแบบนี้ บุรุษและสตรีมิควรแตะต้องตัวกัน เถิงเอ๋อกัดแล้วเจ้าก็คงกินไม่ได้ มันก็เหลือแค่ข้าเพียงคนเดียวที่กินได้นี่? เอ้อเป่าเจ้าต้องจำไว้ว่าการกินทิ้งกินขว้างมันไม่ดี”
อาซือโกรธจนหน้าแดงเถือกเพราะเหตุผลที่ไม่ถูกต้องนี้ แต่จู่ ๆ นางก็หาคำพูดที่เหมาะสมมาโต้แย้งไม่ได้ชั่วคราว พูดได้แค่ ‘เจ้า เจ้า เจ้า’ เป็นครึ่งวัน
ครั้นเถิงเอ๋อเห็นท่าทางโกรธเคืองของนาง เขากลับรู้สึกว่าน้องสาวผู้นี้ช่างน่ารักยิ่งนัก มิวายพูดปลอบใจนาง “เอ้อเป่า ถ้าเจ้าอยากกิน พี่เถิงไปซื้อให้เจ้าใหม่ก็ได้”
อาจื้อยืนมองเถิงเอ๋อด้วยสายตาประหลาดใจอยู่อีกด้านครู่หนึ่ง
คำพูดนี้ควรจะเป็นเขาที่พูดออกมามิใช่หรือ? ไม่ทราบว่าเถิงเอ๋อกลายเป็นพี่ชายของอาซือตั้งแต่เมื่อใดกัน?
เพียงแต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูเหมือนหมดอาลัยตายอยากของเถิงเอ๋อแสดงสีหน้าแห่งความภาคภูมิใจที่ได้เป็นพี่ชายซึ่งหาได้ยากยิ่งออกมา
อาจื้อก็ยิ่งขมวดคิ้ว ทั้งยังปล่อยให้เถิงเอ๋อช่วงชิง ‘สิทธิ์’ ของการเป็นพี่ชายที่เดิมทีควรเป็นของเขาไป
อาซือและเถิงเอ๋อพากันไปยังแผงขายผลไม้เคลือบน้ำตาลเมื่อครู่อีกครั้ง อาจื้อเองก็ตามไปเช่นกัน ในขณะที่กำลังคำนวณเงินนั้น กลับเห็นเห็นเถิงเอ๋อนำเขาไปก้าวหนึ่งด้วยการล้วงถุงเงินใบหนึ่งออกมาจากอ้อมแขน และยื่นเงินสามเหรียญให้กับเถ้าแก่ร้าน
เขาฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุข จากนั้นก็พูดกับอาซือว่า “ถ้าเอ้อเป่ากินไม่พอ พี่เถิงจะซื้อมาให้เจ้าอีก!”
เด็กหญิงตอบรับเสียงหวาน
จู่ ๆ อาจื้อก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นส่วนเกินอย่างฉับพลัน และไม่อยากพูดสิ่งใด
เหยาเอ้อหลางนั้นแสนโง่เขลา ผลไม้เคลือบน้ำตาลที่แย่งมาเมื่อครู่ตนนั้นก็ไม่ได้อยากกินมากนัก ความจริงแล้วเขาไม่ชอบกินมันด้วยซ้ำ จึงพูดกับอาจื้อว่า “ต้าเป่า ให้เจ้า”
อาจื้อยังไม่ได้สติจากการกระทำของเถิงเอ๋อเมื่อครู่ มือของเขาจึงถูกยัดด้วยผลไม้เคลือบน้ำตาลที่ผ่านการกินมาแล้วถึงสองคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลซานจาที่แหว่งจากการถูกเหยาเอ้อหลางออกแรงกัด แต่กลับไม่ได้กัดไปจนหมดยังเสียบคาอยู่บนไม้นั้น เขาจึงโมโหขึ้นในทันใด “ข้าไม่กิน!”
เหยาเอ้อหลางมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจแวบหนึ่ง จากนั้นก็รับผลไม้เคลือบน้ำตาลที่ถูกอาจื้อยัดกลับมาและพูดอย่างไม่เข้าใจ “ไม่กินก็ไม่กินสิ จะเสียงดังทำไม? ไม่กินก็ช่าง ข้ากินเอง”
อาจื้อสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สงบสติอารมณ์สักครู่
ในบรรดาเด็ก ๆ อีกสามคนมีเพียงเถิงเอ๋อเท่านั้นที่สังเกตเห็นอีกฝ่ายดูไม่พอใจ แต่เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าอาจื้อนั้นโกรธเพราะการกระทำของเหยาเอ้อหลางเมื่อครู่หรือไม่
เขากลืนน้ำลายอึกหนึ่งก่อนจะพูดกับเหยาเอ้อหลางว่า “พี่รอง จะไปโทษที่พี่อาจื้อที่รักความสะอาดไม่ได้นะ ดูท่านกัดสิ แม้แต่คนอื่นก็กินไม่ลง…”
เมื่อเหยาเอ้อหลางได้ยินก็ขมวดคิ้ว จากนั้นก็ยัดซานจาเข้าปากโดยไม่พูดสิ่งใด
กลับเป็นอาจื้อเองที่เมื่อเห็นเถิงเอ๋อพูดถึงตน จึงได้มองเขาด้วยสายตาประหลาดใจแวบหนึ่ง
สีหน้าของเด็กชายที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินอยู่บนศีรษะนั้นดูซีดเผือดยิ่งกว่าเดิมอยู่ในความมืดใต้หมวกนั้น เขาส่งยิ้มให้อาจื้อและเอ่ยถามเสียงเบาว่า “พี่อาจื้อ พี่ไม่ชอบกินหวานหรือ?”
อาจื้อส่ายหน้า “ไม่ชอบกินหวาน”
เถิงเอ๋อยิ้มบาง จากนั้นก็พยักหน้าเบา ๆ “ข้าจะจำไว้”
ความไม่พอใจเพียงเล็กน้อยที่อาจื้อมีต่อเถิงเอ๋อเมื่อครู่ ได้จางลงเพราะคำพูดนี้
เขาที่แม้แต่ร่างกายของตัวเองก็ยังดูแลไม่ได้ แต่ก็ยังเอาใจใส่คนรอบข้าง… ช่างเถอะ ยกอาซือให้เขาเป็นครั้งคราวก็ได้ ให้เขาได้เสพสุขกับความสุขในฐานะพี่ชายสักครู่
ครั้นเห็นอาซือมีสีหน้าพอใจ เหยาเอ้อหลางเองก็ไม่ก่อความวุ่นวาย อาจื้อจึงได้เอ่ยปากว่า “เอาละ ซื้อผลไม้เคลือบน้ำตาลเสร็จแล้ว ก็ไปเดินเล่นที่อื่นกันเถอะ เจ้าสองคนอย่าทะเลาะกันอีกเล่า”
เด็กทั้งสี่คนเดินอยู่บนท้องถนน สองในสี่ที่คิดน้อยที่สุดได้กินผลไม้เคลือบน้ำตาลอยู่ในมือไม่หยุด อาจื้อจึงอดทอดถอนใจออกมาหนึ่งครั้งไม่ได้
ทุกครั้งที่มาเดินเล่น เขาไม่เพียงแต่จะต้องดูแลน้องสาวแล้ว ยังต้องดูแลเหยาเอ้อหลางที่เป็นพี่ชายคนนี้อีก มันช่างลำบากยิ่งนัก
………………………………………
สารจากผู้แปล
สาสารอาจื้อที่สุดแล้ว โดนแย่งฐานะพี่ชายไปวันหนึ่งไม่พอยังต้องดูแลพี่ชายที่ไม่รู้จักโตอีกคนด้วย
ไหหม่า(海馬)