ตอนที่ 296 ปฏิเสธตำแหน่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 296 ปฏิเสธตำแหน่ง

“กรี๊ด…”

การมาถึงของขันทีถ่ายทอดพระราชโองการทให้เฉินฮูหยินแทบจะเป็นลมหมดสติไป

เซียวฮูหยินถูกสถาปนาเป็นองค์หญิง?

องค์หญิงเชียวนะ!

องค์หญิงผู้สูงส่ง

ชาติกำเนิดของนางเป็นจุดด้อย ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับเซียวฮูหยิน นางก็รู้สึกต่ำต้อยอย่างมากแล้ว

แต่เวลานี้เซียวฮูหยินกลับถูกสถาปนาเป็นองค์หญิงอีกก็หมายความว่านางไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะพูดคุยกับเซียวฮูหยินไม่ใช่หรือ

เซียวฮูหยินไม่จำเป็นต้องใช้ฐานะของฮูหยินจวนโหวข่มนาง เพียงแค่ตำแหน่งองค์หญิงก็ทำให้นางไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้แล้ว

เฉินฮูหยินขมขื่นใจยิ่งนัก!

ความทุกข์ที่มีอยู่เต็มท้อง นางจะบอกเล่าให้ผู้ใดฟังได้

สวรรค์จะบีบนางให้ตายหรือ

เดิมทีคิดว่าระยะห่างถูกดึงเข้าใกล้แล้ว ไม่คิดว่าเพียงชั่วพริบตาเดียว ระยะห่างจะยิ่งกว้างขึ้น

ลำบากทั้งชีวิต นางก็ไล่ตามเซียวฮูหยินไม่ทัน

นอกจากกลับชาติไปเกิดใหม่ มิฉะนั้นนางก็ไม่อาจเทียบเท่าเซียวฮูหยินได้ตลอดกาล

ความทุกข์อันยิ่งใหญ่ของชีวิตก็คงมีเพียงเท่านี้

มิน่าก่อนหน้านี้ท่านโหวจึงยั่วโมโหนาง ไม่ยอมเปิดเผยแม้แต่น้อย

เฉินฮูหยินร้องไห้อย่างน่าสงสาร นางไม่แม้แต่จะฟังเนื้อหาต่อไป

เวลาต่อมา บ่าวรับใช้ทนเห็นท่าทางสะอึกสะอื้นของนางต่อไปไม่ไหว จึงได้เอ่ยเตือนนาง “ในมือของท่านโหวยังมีตำแหน่งขุนนางระดับสี่ ราชสำนักให้ท่านโหวเลือกบุตรชายมารับตำแหน่ง ตำแหน่งนี้เตรียมไว้สำหรับนายน้อยใหญ่อย่างเห็นได้ชัด ฮูหยินรองควรดีใจถึงจะถูก!”

เฉินฮูหยินดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว “ตำแหน่งขุนนางระดับสี่? ไม่จำกัดเอกรอง?”

“ไม่จำกัด ท่านโหวยินดีมอบให้นายน้อยท่านใด นายน้อยท่านนั้นย่อมสามรถรับตำแหน่งขุนนางระดับสี่ ขันทีนำเอกสารการแต่งตั้งมาด้วยแล้ว เพียงแค่เขียนชื่อลงไปเท่านั้น”

เฉินฮูหยินฟื้นคืนชีพกลับมา

ตำแหน่งขุนนางระดับสี่ย่อมต้องเป็นของบุตรชายคนโต เยียนอวิ๋นฉวน

ไม่ว่าอย่างไร นางก็จะคว้าตำแหน่งนี้มาให้บุตรชายคนโตให้ได้

เยียนโส่วจ้านไม่รีบร้อนที่จะตัดสินใจ

เขาให้ตู้ซินแสรับรองขันทีถ่ายทอดพระราชโองการให้ดี ไม่เอ่ยถึงเรื่องสำคัญแม้แต่น้อย

ราชสำนักต้องการเรียกคืนเมืองป๋อไฮ่ ให้เขาถอนทัพ เขาก็ไม่สนใจ

เขากำลังรอจดหมายตอบกลับจากเซียวฮูหยิน

เขาต้องได้รับการชดเชยที่เพียงพอจึงจะยอมถอนทัพจากเมืองป๋อไฮ่

มิฉะนั้น…

เขามีเวลาพอที่จะดึงยื้อกับราชสำนัก

เขาไม่รีบ!

คนที่รีบคือราชสำนักกับฮ่องเต้

ตู้ซินแสถามอย่างระมัดระวัง “ท่านโหวคิดจะมอบตำแหน่งขุนนางให้คุณหนูสี่จริงหรือ”

เยียนโส่วจ้านหัวเราะ “ตำแหน่งขุนนางให้ผู้ใดไม่สำคัญ! ให้เจ้าใหญ่ก็ได้ ให้อวิ๋นเกอก็ได้ ข้าเองก็รับเอาไว้ได้”

ตู้ซินแสขมวดคิ้ว “ท่านโหวคิดจะใช้ตำแหน่งนี้ต่อรองกับฮูหยินหรือ”

เยียนโส่วจ้านยิ้ม “เจ้าลองเดาดู เซียวฮูหยินนางจะยอมต่อรองกับข้าหรือไม่”

ตู้ซินแสครุ่นคิดอยู่สักพัก “พูดยาก! ฮูหยินอาจไม่สนใจตำแหน่งนี้ ข้าคิดว่า หากท่านโหวคิดจะใช้ตำแหน่งนี้ต่อรองกับฮูหยิน สู้มอบตำแหน่งนี้ให้นายน้อยรอง เช่นนี้จะยิ่งทำให้ฮูหยินประทับใจยิ่งขึ้น”

“ตำแหน่งให้เจ้าสองไม่ได้! เจ้าสองเริ่มมีอำนาจแล้ว หากให้ตำแหน่งเขาอีกจะเหมือนเป็นการเติบปีกให้เสือ นอกจากนี้เขายังมีการสนับสนุนจากตระกูลหลิว ต่อไปนี้คงจะควบคุมเขายาก ตำแหน่งนี้แก่อวิ๋นเกอก็ไม่ยอมให้อวิ๋นถง ฮ่องเต้พระราชทานตำแหน่งด้วยเจตนาไม่ดี คงหวังให้อวิ๋นฉวนกับอวิ๋นถงแย่งชิงกัน ทางที่ดีคือให้สองพี่สองปะทะกัน เกิดความวุ่นวายภายในตระกูลเยียน ฮ่องเต้และราชสำนักจึงจะได้รับผลประโยชน์จากในนี้ ข้าจะเดินตามทางที่พวกเขาวางเอาไว้ไม่ได้!”

“ท่านโหวคิดจะใช้วิธีที่แตกต่างออกไป?”

“อย่างไรก็ต้องลองดู”

ระยะนี้ เซียวฮูหยินยุ่งวุ่นวายมาก

หลังจากที่เลื่อนตำแหน่งเป็นองค์หญิง แต่ละวันล้วนมีคนเดินทางมามอบของขวัญแสดงความยินดี

แม้แต่คนที่ไม่รู้จักก็ยังไหว้วานให้คนมามอบของขวัญ

เซียวฮูหยินทำได้เพียงส่งเทียบเชิญให้ญาติสนิทมิตรสหายมาในจวน

เยียนอวิ๋นเกอก็เดินทางจากนอกเมืองกลับมายังเมืองหลวง

เซียวฮูหยินบอกนาง “เยียนอวิ๋นฉวนเตรียมตัวกลับแคว้นซ่างกู่ ท่านพ่อของเจ้ารับปากแล้ว เมื่อวานเขาเข้ามาเพื่อบอกกล่าวเรื่องนี้โดยเฉพาะ”

เยียนอวิ๋นเกอรีบพูดในทันที “ข้าจะเตรียมพิธีเดินทางให้เขา พร้อมทั้งให้คนคุ้มกันเขาออกจากนครบาล”

“มันเป็นเรื่องสมควร! หลายปีนี้เขาช่วยไม่น้อย เวลานี้เขาจะจากไป ควรจะแสดงน้ำใจเสียบ้าง”

ชะงักไปเล็กน้อย เซียวฮูหยินจึงพูดขึ้นอีก “เจ้าไม่ต้องสนใจความคับข้องใจระหว่างข้ากับท่านพ่อของเจ้า สำหรับเยียนอวิ๋นฉวน เจ้าปฏิบัติตามใจเจ้าก็พอ ไม่จำเป็นต้องนำความคับข้องใจของพวกเราสืบทอดไปถึงพวกเจ้า”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม “ท่านแม่วางใจเถิด ข้ามีขอบเขต ถึงแม้ข้ามักจะพูดว่าจะฆ่าผู้นั้นผู้นี้ แต่ข้าไม่เคยลงมือแม้แต่น้อย ข้ากับเยียนอวิ๋นฉวน ตราบเท่าที่เขาไม่สร้างขัดแย้งกับข้า ข้าก็ยึดหลักเจ้าดี ข้าดี ทุกคนดี”

นางพลางครุ่นคิดจะส่งของขวัญใด พลางพูด “เขากลับไปเพื่อตำแหน่งขุนนางหรือ คิดแล้วก็ถูก ตำแหน่งขุนนางระดับสี่ที่ราชสำนักมอบให้ ท่านพ่อย่อมต้องให้เขา ทันทีที่เขากลับไป พี่สองจะยิ่งกดดันมากขึ้น”

เซียวฮูหยินยิ้ม พลันพูด “นับแต่แรก ข้ากับพี่สองของเจ้าก็ไม่เคยคาดหวังที่จะสืบทอดมรดกของตระกูลเยียน ท่านพ่อของเจ้าไม่อยากมีส่วนร่วมในการแย่งชิงของราชวงศ์ ดังนั้นเขาจึงระแวงข้าอยู่เสมอ กลับข้าดึงตระกูลเยียนลงมาเกี่ยวข้องด้วย ข้าจึงทำตามความปรารถนาของเขา ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลเยียนแม้แต่น้อย มรดกตระกูลเยียน เขาอยากให้ผู้ใดก็ให้ผู้นั้น

ปีก่อนอวิ๋นถงมาเมืองหลวง ข้าเคยคุยกับเขา ให้เขาสั่งสมกองกำลังก่อน รอจนกระทั่งเวลาเหมาะสม ค่อยแยกออกไปลุยเดี่ยว ทั้งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเยียน ทั้งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องในเมืองหลวง ก็เหมือนดั่งที่เจ้าพูด ไข่ไก่ไม่สามารถวางอยู่ในตะกร้าเดียว เขาก็ไม่อาจหวังพึ่งบิดาของเจ้าทุกเรื่อง เขาเป็นบุรุษต้องอาศัยลำแข้งของตัวเอง

เยียนอวิ๋นเกอพูด “พี่สองช่างยากเหลือเกิน! บุตรชายภรรยาเอกในตระกูลอื่นล้วนกำลังรอสืบทอดมรดก แต่เมื่อเป็นพี่สอง เขากลับต้องพยายามไขว่คว้าด้วยตนเอง”

เซียวฮูหยินหัวเราะ “พี่สองเจ้าไม่เคยบ่นแม้แต่น้อย ข้าเห็นเขาก็ยินดีที่จะดิ้นรนอยู่ด้านนอก”

เยียนอวิ๋นเกอพร่ำบ่นแทนพี่สอง “เพราะว่าถูกบังคับ! สถานการณ์เป็นเช่นนี้ เขาหวังพึ่งท่านพ่อไม่ได้ ทำได้เพียงเตรียมการทั้งสองทาง ไม่ถึงกับไม่มีมรดกสืบทอดในท้ายสุด นอกจากนี้ยังต้องดูสีหน้าคน ท่านแม่เข้มงวดกับพี่สองเกินไปหรือไม่”

“เขาเป็นบุรุษ เดิมทีก็ควรสั่งสอนอย่างเข้มงวด หากเป็นเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ท่านตาของเจ้ายังอยู่ ไม่เพียงต้องฝึกฝนในค่ายทหารทุกวัน ยังต้องเรียนหนังสือทุกวัน ข้าไม่เรียกร้องให้อวิ๋นถงเรียนหนังสือทุกวันก็ถือว่าเมตตามากแล้ว”

เยียนอวิ๋นเกอรู้สึกสงสารพี่สองจับใจ

ยากเหลือเกิน!

ผู้คนต่างคิดว่าเยียนโส่วจ้านจะมอบตำแหน่งให้เยียนอวิ๋นฉวนอย่างแน่นอน

แม้แต่เซียวฮูหยินก็คิดเช่นนี้

จนกระทั่งนางได้รับจดหมายจากเยียนโส่วจ้าน เมื่ออ่านเนื้อหาในจดหมายเสร็จ นางแสดงสีหน้าประหลาดใจ ไม่อาจดึงสติกลับมาได้เป็นเวลานาน

เยียนอวิ๋นเกอคาดเดา “ท่านพ่อเสนอข้อเรียกร้องที่เกินกว่าเหตุอีกแล้วหรือ”

เซียวฮูหยินส่ายหน้า พลันยื่นจดหมายให้นาง “เจ้าลองอ่านเนื้อหาในจดหมายก่อน”

เยียนอวิ๋นเกอกวาดตามองเนื้อหาในจดหมายอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นนางอ้าปากค้างด้วยความเหลือเชื่อ

“ท่านพ่อช่างเพ้อฝันเสียจริง เขาต้องการจะยกตำแหน่งให้ข้า? ข้าเป็นสตรีจะสถาปนาตำแหน่งขุนนางได้?”

เสียสติไปแล้ว!

มอบตำแหน่งให้นางจะมีประโยชน์หรือ

นอกจากตกเป็นเป้าโจมตีแล้ว ราวกับไม่มีประโยชน์มากมาย

เซียวฮูหยินครุ่นคิดพลันพูด “ราชสำนักไม่มีกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษรว่าสตรีไม่สามารถถูกสถาปนาตำแหน่งขุนนางได้ ในเมื่อราชสำนักไม่มีข้อห้าม คิดว่าคงจะทำได้ หากท่านพ่อเจ้ายอมยกตำแหน่งขุนนางให้เจ้า คงจะเป็นการริเริ่มที่ไม่เคยมีมาก่อน”

เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้วอ่านจดหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ท่านพ่อเห็นว่าฮ่องเต้ให้ผลประโยชน์น้อยเกินไป ต้องการเรียกร้องผลประโยชน์ที่สามารถจับต้องได้ยิ่งขึ้น เรื่องนี้ยังต้องอาศัยท่านแม่จัดการแทนเขา เพื่อให้ได้มาซึ่งการสนับสนุนของท่านแม่ ท่านยอมจึงยอมยกตำแหน่งให้ข้า จิ๊ๆ …เหตุใดเขาจึงไม่ให้พี่สอง พี่สองคู่ควรกับยศนั้นมากกว่า”

“เขาไม่มีทางยกตำแหน่งให้อวิ๋นถง”

เซียวฮูหยินเข้าใจความคิดของเยียนโส่วจ้านอย่างมาก “จนกระทั่งเวลานี้ บิดาของเจ้ายังไม่เคยมีชื่อของอวิ๋นถงอยู่บนรายชื่อผู้สืบทอด หากยกตำแหน่งให้เยียนอวิ๋นฉวน ระหว่างอวิ๋นถงกับเยียนอวิ๋นฉวนย่อมต้องเกิดการปะทะ มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หากยกตำแหน่งให้เจ้า สถานการณ์ก็จะแตกต่างออกไป”

เยียนอวิ๋นเกอปวดหัว “ตำแหน่งนี้ ข้ารับเอาไว้ไม่ได้!”

นางมีลางสังหรณ์ ตำแหน่งนี้เป็นหลุมกับดัก

หากนางรับตำแหน่งนี้ ไม่นานนางก็จะตกลงไปในหลุม

เป็นกุลสตรีธรรมดาไม่ดีกว่าหรือ

ตำแหน่งขุนนางดีก็จริง แต่ก็ต้องดูเวลา สถานที่และบุคคลให้เหมาะสม

สังคมวุ่นวายเพียงนี้ หากนางได้รับตำแหน่งขุนนางในเวลานี้ย่อมต้องกลายเป็นเป้าหมายทันที

ไม่มีผู้ใดยอมตกเป็นเป้า!

หากนางยอมเป็นเป้า หลายปีก่อนนางคงเริ่มทำกิจการผลิตน้ำตาล ไม่ต้องรอจนถึงวันนี้ที่ทำได้เพียงจ้องมอง

เยียนอวิ๋นเกอมักเชื่อลางสังหรณ์ของตนเองเสมอ

หลายปีนี้ ลางสังกรณ์ของนางล้วนได้รับการพิสูจน์ทุกครั้ง ดังนั้นย่อมต้องให้ความสำคัญ

“ท่านแม่เขียนจดหมายปฏิเสธท่านพ่อได้หรือไม่ ให้เขาเปลี่ยนข้อเสนอ ท่านแม่พยายามเรียกร้องผลประโยชน์แทนท่านพ่อ เมื่อได้รับผลประโยชน์มาก็แบ่งครึ่ง”

เซียวฮูหยินอดขำไม่ได้ “เหตุใดทุกเรื่องที่พ่นออกมาจากปากเจ้าล้วนกลายเป็นการค้า”

“เดิมทีมันก็เป็นการค้า เยียนอวิ๋นฉวนอยากได้ตำแหน่งนี้ก็ให้เขาไป อย่างไรข้าก็ไม่ต้องการ!”

“มีความมุ่งมั่น! อวิ๋นเกอของข้าสมกับเป็นสตรีที่มีเป้าหมายใหญ่ ตำแหน่งขุนนางที่ผู้อื่นอยากได้จนตัวสั่น พวกเราก็โยนทิ้งอย่างไม่ใยดี”

เยียนอวิ๋นเกอหน้าแดง “ท่านแม่อย่าชมข้า ข้าแค่กลัวปัญหา ไม่อยากแบกรับปัญหาแทนท่านพ่อ เขาไม่อยากได้ตำแหน่ง เหตุใดจึงคิดว่าท่านแม่จะอยากได้ ข้าจะอยากได้ เพราะฐานะของท่านแม่ด้อยกว่าเขา หรือเพราะท่านแม่ยากจนกว่าเขา ท่านพ่อดูถูกคนเกินไป”

“ฮ่าๆ …”

เซียวฮูหยินปล่อยเสียงหัวเราะร่า คำพูดของเยียนอวิ๋นเกอทำให้นางหัวเราะออกมาได้

หลังจากหัวเราะแล้ว นางจึงพูด “เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการ พวกเราก็ไม่เอา”

“เหตุใดจึงไม่เอา ไม่ต้องสนใจว่ามันดีหรือไม่ แย่งมาก่อนค่อยว่ากัน!”

เยียนอวิ๋นฉีเจ็บใจ

ถึงแม้ตำแหน่งขุนนางจะไม่มีมูลค่าเหมือนที่ทุกคนคิด แต่ก็ไม่ได้ด้อยค่าถึงขนาดเก็บได้ตามท้องถนน

ตำแหน่งที่ส่งมาถึงหน้าประตู เหตุใดจึงปฏิเสธ

แย่งมันมาก่อน ตัดโชคของเยียนอวิ๋นฉวนก่อนค่อยว่ากัน

จะเป็นกับดักหรือไม่ค่อยว่ากัน

อย่างไรแล้ว นางร้อนใจกว่าผู้ใด

เมื่อรู้ว่าน้องสี่ไม่ต้องการตำแหน่งขุนนางนี้ ส่งตำแหน่งขุนนางที่อยู่ในในมือออกไป นางก็กลับจวนมาอย่างรีบร้อน

นางบีบแก้มของเยียนอวิ๋นเกอ “ฐานะเจ้าสูงเหลือเกิน แม้แต่ตำแหน่งยังยกให้ผู้อื่นได้”

เยียนอวิ๋นเกอ “ฮือๆ…”

“พี่สองเบาหน่อย หน้าข้านุ่ม!”

“หน้าเจ้านุ่มอย่างไร หน้านุ่ม เจ้าก็สามารถปฏิเสธตำแหน่งขุนนางอย่างสง่างามหรือ”

“ข้าไม่อยากได้!”

“ข้าอยากได้ ได้หรือไม่”

เยียนอวิ๋นฉีโกรธจนกลอกตา

“เจ้าเอาตำแหน่งมาได้ก็ถือว่าช่วยอวิ๋นถงได้ ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้เยียนอวิ๋นฉวน เจ้าเข้าใจหรือไม่”

“พี่สอง ท่านอย่ามัวแต่มองข้อดี น้ำนี้ลึกยิ่งนัก ไม่ง่ายเหมือนที่ท่านคิด”

“เจ้าบอกข้า น้ำลึกอย่างไร”