ตอนที่ 297 องครักษ์นับพันเป็นสินสอด
“ตำแหน่งนี้มาได้อย่างไร พี่สองรู้ใช่หรือไม่!”
เยียนอวิ๋นเกอถาม
ยังต้องพูดอีกหรือ!
เยียนอวิ๋นฉีเตือนนาง “พูดตรงประเด็น!”
เยียนอวิ๋นเกอเข้าประเด็นทันที “ฮ่องเต้ทรงพระราชทานตำแหน่งนี้ให้ด้วยเจตนาอันดีหรือ”
“ไม่ต้องสนใจว่าเจตนาดีหรือไม่ อย่างน้อยตำแหน่งก็เป็นของจริง พระราชโองการออกมาแล้ว เพียงแค่ใส่ชื่อของเจ้าลงไป นับจากนี้เจ้าก็จะเป็นคนที่มีตำแหน่ง เดินออกไปย่อมสูงส่งกว่าผู้อื่น”
เยียนอวิ๋นเกอ “…”
เฮอะๆ !
“เพียงแค่ตำแหน่งขุนนางก็จะให้ข้ารับผิดแทนท่านพ่อ ข้าคงซื้อใจได้ง่ายเกินไป”
“แบกรับความผิดใด เหตุใดข้าจึงฟังไม่เข้าใจ”
เยียนอวิ๋นฉีสับสนอย่างมาก
เยียนอวิ๋นเกอเรียบเรียงคำพูด “ฮ่องเต้พระราชทานตำแหน่ง หนึ่งเพื่อปลอบใจท่านพ่อ ให้ท่านพ่อไม่หงุดหงิดเพียงนั้น สองเพื่อสร้างความบาดหมางให้ภายในตระกูลเยียน ท่านพ่อมอบตำแหน่งให้ข้า แก้ไขวิกฤตที่ฮ่องเต้ทรงสร้างขึ้นมา ท่านคิดว่าฮ่องเต้จะทรงคิดอย่างไร พระองค์จะทรงไม่โปรดข้าอย่างมากหรือไม่ พระองค์จะทรงกำจัดข้าอย่างลับๆ หรือไม่”
เยียนอวิ๋นฉีผงะไป “นี่…อย่างน้อยท่านแม่ก็เป็นถึงองค์หญิง ถึงแม้ฮ่องเต้จะไม่ทรงโปรดปรานเจ้า แต่ก็ไม่ถึงกับจะประหารแล้วไม่ใช่หรือ”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าระรัว “ไม่มีทางประหารข้าทิ้งก็จริง แต่ฮ่องเต้ทรงออกพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษกควบคุมชีวิตของข้าได้ พี่สองอย่าลืมว่าข้ายังไม่ได้หมั้นหมาย อีกทั้งยังถึงอายุที่ต้องหาคู่ครองแล้ว
ทันทีที่ข้ายอมรับตำแหน่ง ย่อมต้องถูกคนบงการเรื่องหมั้นหมายเหมือนท่านแม่ในตอนนั้น! เพียงแค่ข้าไม่ยอมรับตำแหน่ง ข้าย่อมไม่ดึงดูดความสนใจของฮ่องเต้ การถูกฮ่องเต้ทรงจับตามองไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก”
เยียนอวิ๋นฉีตัวสั่น พลันส่งเสียงจิ๊ปาก “ร้ายแรงเหมือนที่เจ้าพูดจริงหรือ”
“อาจร้ายแรงกว่าที่ข้าพูดเสียอีก”
“อย่างไร”
“ท่านพ่อไม่พอใจต่อสิ่งที่ฮ่องเต้พระราชทานให้อย่างเห็นได้ชัด เขาต้องการก่อปัญหา หากข้ายอมรับตำแหน่ง ย่อมกลายเป็นเป้าที่วางตรงหน้าของตระกูลเยียนอย่างแน่นอน ตราบใดที่ท่านพ่ออาละวาดหนักเกินไป ข้าที่เป็นเป้าย่อมถูกจัดการเป็นคนแรก เวลานี้แม้แต่ตำแหน่งองค์หญิงของท่านแม่ก็ไร้ประโยชน์ ข้าไม่ยอมรับตำแหน่งย่อมจะไม่ก้าวเข้าไปสู่สายตาของฮ่องเต้ ความอันตรายย่อมลดลง”
เยียนอวิ๋นฉีขมวดคิ้วมุ่น “ตามที่เจ้าพูด เจ้าจะไม่รับตำแหน่งจริงๆ แต่หากจะละทิ้งตำแหน่งไป สุดท้ายตกเป็นของเยียนอวิ๋นฉวนจะไม่น่าเสียดายหรือ”
เยียนอวิ๋นเกอไม่สนใจ “ตำแหน่งขุนนางเพียงตำแหน่งเดียว พี่สองอย่าได้ให้ค่ามันมากนัก ตำแหน่งขุนนางระดับสี่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ใดได้ นอกจากนี้ยังตัดสินอนาคตไม่ได้ เพียงแค่พี่อวิ๋นถงต้องลำบากมากขึ้นเล็กน้อย แต่จากความสามารถของท่านพี่ย่อมสามารถจัดการได้ พี่สองอย่าลืม ในตระกูลเยียน ทุกคนต่างให้ความสำคัญกับความสามารถ ตำแหน่งเป็นเพียงลม!”
เยียนอวิ๋นฉีถอนหายใจยาว ทั้งตัวผ่อนตลาย
“เจ้าเตือนข้าขึ้นมา ตระกูลเยียนมักจะใช้ความสามารถเป็นหลักเสมอมา ถึงแม้อวิ๋นฉวนจะได้ตำแหน่ง แต่หากความสามารถของเขาไม่เพียงพอ เขาก็ไม่อาจสำเร็จได้ อย่างมากก็แค่ยกฐานะของเขาให้สูงขึ้น ง่ายต่อการหาคู่ครองก็เท่านั้น”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้มตาหยี “ฐานะของพี่อวิ๋นฉวนจะสูงเพียงใดก็เทียบพี่อวิ๋นถงไม่ได้ พี่อวิ๋นถงเป็นบุตรชายจากภรรยาเอก มารดาเป็นองค์หญิง ผู้ใดในตระกูลเยียนจะเทียบฐานะของพี่อวิ๋นถงได้”
เยียนอวิ๋นฉีพยักหน้าระรัว “เจ้าพูดถูก ถึงแม้อวิ๋นฉวนจะได้ตำแหน่ง ฐานะของเขาก็ไม่อาจเทียบอวิ๋นถงได้”
จุดด้อยที่ใหญ่ที่สุดของเยียนอวิ๋นฉวนก็คือชาติกำเนิดของมารดาเขาต่ำต้อยเกินไป แม้ในนามจะเป็นฮูหยินรอง แต่ความจริงแล้วก็เป็นอนุภรรยา
ดังนั้นถึงแม้เยียนอวิ๋นฉวนจะได้รับความรักจากเยียนโส่วจ้าน เขาก็ไม่มีทางดีไปกว่าเยียนอวิ๋นถง
ตรงกันข้าม ถึงแม้เยียนอวิ๋นถงจะไม่ได้รับความรักและการสนับสนุนจากเยียนโส่วจ้านผู้เป็นบิดา แต่เขาสามารถอาศัยการสนับสนุนจากเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดายืนอย่างมั่นคงในค่ายทหาร กดหัวเยียนอวิ๋นฉวนเอาไว้อย่างสนิท
แม้แต่เฉินมั่วหรัน ผู้เป็นลุงของเยียนอวิ๋นฉวนที่อยู่ในกองทัพมาหลายสิบปี อีกทั้งยังได้รับความเชื่อใจจากเยียนโส่วจ้านก็ไม่อาจทำอันใดเยียนอวิ๋นถงได้
ทำได้เพียงร้องบอกหมดหนทาง!
เพียงแค่องครักษ์ตำหนักบูรพาหนึ่งพันห้าร้อยนายข้างกายเยียนอวิ๋นถงก็ทำให้ทุกคนหวาดกลัวแล้ว
นอกจากนี้องครักษ์ตำหนักบูรพาหนึ่งพันห้าร้อยนายนี้ยังขยับขยายเพิ่มขึ้นเสมอมา
เยียนอวิ๋นถงไม่ได้ใช้เงินของเยียนโส่วจ้าน หากแต่ใช้เงินของตนเองเลี้ยงองครักษ์กลุ่มนี้ ดูแลอย่างไม่ห่างแม้แต่น้อย
องครักษ์ที่สืบทอดมาจากตำหนักบูรพาเหล่านี้เป็นที่ยึดเหนี่ยวสูงสุดของเยียนอวิ๋นถง เป็นคนสนิทที่ยิ่งกว่าสนิท มีกำลังการต่อสู้แข็งแกร่ง
ผู้ใดกล้าวางแผนลอบทำร้ายเยียนอวิ๋นถง คงต้องลองถามองครักษ์ตำหนักบูรพาเหล่านี้เสียก่อน
มันคือความแตกต่างจากชาติกำเนิด!
ล้วนเป็นบุตรของตระกูลเยียน แม้เยียนอวิ๋นฉวนจะประจบก็ยังเทียบไม่ติด
ทุกสิ่งของเยียนอวิ๋นฉวนล้วนอาศัยการให้จากเยียนโส่วจ้านผู้เป็นบิดา ดังนั้นเขาจึงเชื่อฟังเยียนโส่วจ้านอย่างสิ้นเชิง
เยียนโส่วจ้านให้เขาทำสิ่งใด เขาย่อมจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ทุกสิ่งของเยียนอวิ๋นถง ครึ่งหนึ่งอาศัยเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดา อีกครึ่งอาศัยการดิ้นรนของตัวเขาเอง ดังนั้นเขาจึงมีความกล้าที่จะขัดคำสั่งของเยียนโส่วจ้าน แอบทำบางอย่างลับหลังเป็นประจำ
นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่เยียนโส่วจ้านไม่ชอบเยียนอวิ๋นถง
บุตรที่ไม่เชื่อฟังตัวเอง ทำตามอำเภอใจ ขาดการสั่งสอน!
เยียนอวิ๋นเกอจับมือของพี่สองเยียนอวิ๋นฉี “เวลานี้พี่สองยังคิดว่าการที่ข้าละทิ้งตำแหน่งเป็นการตัดสินใจที่เหลวไหลหรือไม่”
เยียนอวิ๋นฉีจงใจทำหน้าบึ้ง พลันใช้นิ้วลูบสันจมูกของนาง “ดูท่าทางได้ใจของเจ้า อย่าคิดว่าละทิ้งตำแหน่งแล้วจะปลอดภัย ไม่แน่ว่าวันใดฮ่องเต้ทรงฮึกเหิม สนใจเจ้าขึ้นมา อยากจะพระราชทานงานอภิเษกให้เจ้า เจ้าจะทำอย่างไร”
เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าฉงน
ยากเหลือเกิน!
เยียนอวิ๋นฉีพูดอย่างห่วงใย “วิธีที่ดีที่สุดในการปฏิเสธพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษกของฮ่องเต้คือการหมั้นหมาย องค์หญิงเฉิงหยางอยากจะสู่ขอเจ้าเป็นลูกสะใภ้ เรื่องนี้เจ้ารู้ใช่หรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า “คราวก่อนข้ายังแปลกใจ เหตุใดจ้งซูหาวจึงมีเวลาว่างเดินทางไปพร้อมกับข้า นอกจากนี้เขายังบอกว่าอยากไปผ่อนคลายในเรือนพัก ต่อมาถึงได้รู้ว่าจุดประสงค์ของเขาเป็นเช่นนั้น”
เยียนอวิ๋นฉีพูดอย่างจริงจัง “ข้าไม่มีอคติต่อจ้งซูหาว เขาถือเป็นคนดี แต่องค์หญิงเฉิงหยางไม่ไหว! หากเจ้าแต่งเข้าไป ชีวิตย่อมลำบาก ท่านแม่ปฏิเสธแทนเจ้าไปแล้ว แต่เจ้าก็ไม่อาจชะล่าใจได้ หากองค์หญิงเฉิงหยางเข้าวังขอพระราชโองการ ฮ่องเต้ทรงออกพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษก เจ้าจะทำอย่างไร”
เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย “องค์หญิงเฉิงหยางไม่ได้เจาะจงข้าเท่านั้นใช่หรือไม่! นางเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นนี้ ท่านแม่ปฏิเสธนางไปแล้ว หากนางยังวิ่งไปขอพระราชโองการถึงวังหลวง ไม่กลัวถูกคนหัวเราะเยาะหรือ”
“เจ้าผิดแล้ว! องค์หญิงเฉิงหยางไม่ได้หยิ่งในศักดิ์ศรีเหมือนที่เจ้าคิด ตอนนั้นถูกเจ้าพังจวนองค์หญิง มีคนมากมายเป็นพยาน แต่นางได้ถือสาเจ้าหรือไม่ หากนางหยิ่งในศักดิ์ศรีจริง นางจะปล่อยเจ้าไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร จะยอมสู่ขอเจ้าเป็นลูกสะใภ้ได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม เจ้าหมั้นหมายให้เร็วที่สุด หลีกเลี่ยงมีคนจ้องจะจับคู่เจ้า”
เยียนอวิ๋นเกอปวดหัว
…
ต่อมา นางแอบถามเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดา “องค์หญิงเฉิงหยางจะเข้าวังไปขอพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษกจริงหรือ”
“พูดยาก!” เซียวฮูหยินก็คาดเดาความคิดขององค์หญิงเฉิงหยางไม่ได้ “หากนางต้องการกองกำลังในมือของเจ้าจริง อย่างนั้นนางย่อมจะไม่ล้มเลิก”
เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว “ท่านแม่ พวกเราควรทำอย่างไร ข้าไม่อยากเป็นลูกสะใภ้ขององค์หญิงเฉิงหยาง”
เซียวฮูหยินถอนหายใจ “หากเจ้าสามารถแต่งงานกับเซิ่นซูเหวินได้จะมีปัญหาในวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้จะไปหาคนที่คู่ควรกับเจ้าจากที่ใดกัน”
กลุ้มนัก!
บุตรสาวเป็นที่หมายตาเกินไป นางกลุ้ม
เรื่องคู่หมั้นของบุตรสาวก็ยังไม่ลุล่วง นางก็กลุ้ม
เยียนอวิ๋นเกอพูดเสียงอ่อน “ไม่แต่งงานได้หรือไม่”
“เจ้าไม่แต่งงานได้ แต่ฮ่องเต้ย่อมทรงให้เจ้าแต่ง เมื่อพระราชโองการออกมา นอกจากเจ้าตาย มิฉะนั้นอย่าคิดจะหนีงานแต่ง”
เยียนอวิ๋นเกอกัดฟันด้วยความไม่พอใจอย่างมาก!
ต้องแต่งจริงหรือ
แต่งกับผู้ใด
นางคัดเลือกจากชายหนุ่มที่รู้จัก ไม่มีผู้ใดเหมาะสม
เซียวฮูหยินพูดอย่างลังเล “ให้ข้าเขียนจดหมายไปให้ตระกูลเซิ่นอีกครั้งดีหรือไม่”
“ไม่ได้ท่านแม่! การซื้อขายที่ต้องบังคับไม่ใช่การซื้อขาย แต่เป็นการแถม ข้าจะแย่เพียงใดก็ยังไม่ถึงกับต้องเป็นของแถม”
“เซิ่นซูเหวินเขาชอบเจ้า!”
“แต่เขาไม่มุ่งมั่น!”
เซียวฮูหยินถอนหายใจ
ปัญหาอยู่ตรงนี้ เซิ่นซูเหวินไม่มุ่งมั่น
บางทีการมุ่งมั่นอาจไม่เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์
แต่หากไม่มุ่งมั่นย่อมไม่มีความหวัง
“เซิ่นซูเหวินไม่อยากขัดความเห็นของผู้ใหญ่ เขาจึงทำได้เพียงกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม เลือกที่จะยอมจำนน! แต่ข้าก็ปฏิเสธเขาไป เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างปฏิเสธเรื่องนี้ เวลานั้นเขาอาจคิดว่าหากยืนกรานต่อไปจะทำให้คนรังเกียจ อีกอย่างเขาก็ไม่ได้รับการสนับสนุนจากเจ้า”
เยียนอวิ๋นเกอพูด “ข้ากับพี่เซิ่นเป็นญาติกันดีแล้ว ไม่เหมาะสมที่จะเป็นสามีภรรยานัก ท่านแม่อย่าได้เอ่ยถึงพี่เซิ่นอีก เขาออกจากเมืองหลวงไปรับราชการแล้ว”
เซียวฮูหยินยิ้มขมขื่น “เหตุใดเรื่องหมั้นหมายของเจ้าจึงยากเช่นนี้”
“ข้าหน้าตาอัปลักษณ์ ทำให้คนรังเกียจ” เยียนอวิ๋นเกอพูด
เซียวฮูหยินไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “หากเจ้าอัปลักษณ์ บนโลกนี้จะมีผู้ใดงดงาม เจ้าแค่ไม่ใส่ใจ”
เยียนอวิ๋นเกอแบมือ นางก็หมดหนทางอย่างมาก
แม้จะยังไม่พบกับคนที่ทำให้ตนเองหวั่นไหว แต่นางก็คงไปดึงผู้ใดก็ได้มาเป็นคู่ชีวิตไม่ได้ไม่ใช่หรือ
…
จวนองค์หญิง
องค์หญิงเฉิงหยางนอนอยู่บนเตียงหลัวฮั่นด้วยความเกียจคร้าน นางกำลังกินผลไม้ที่สาวรับใช้ยื่นมา
นางกวาดตามองบุตรชาย จ้งซูหาวที่นั่งอยู่ด้านล่าง
“เจ้าจะแต่งงานกับเยียนอวิ๋นเกอให้ได้?”
“ท่านแม่ก็บอกว่านางดีไม่ใช่หรือ”
องค์หญิงเฉิงหยางหัวเราะเสียงเย็น “จู้หยางปฏิเสธการสู่ขอของข้า ข้าต้องชื่นชอบเยียนอวิ๋นเกอมากเพียงใดจึงจะบากหน้าไปสู่ขออีกครั้ง ข้าไม่รักศักดิ์ศรีหรือ”
นางเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธ!
จ้งซูหาวพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ระงับความโกรธ! องค์หญิงจู้หยางปฏิเสธการสู่ขอไม่สำคัญ พวกเราทูลขอฮ่องเต้ในวังหลวงออกพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษกให้ องค์หญิงจู้หยางคงไม่อาจขัดขืนพระราชโองการได้”
องค์หญิงเฉิงหยางส่งเสียงไม่พอใจ นางโบกมือให้บ่าวรับใช้ทั้งหมดถอยออกไป
นางจ้องมองบุตรชาย “เยียนอวิ๋นเกอไม่เลว มีความสามารถเพียงพอ! นางใช้ความสามารถของตนเองสร้างทรัพย์สินที่มากมายเพียงเวลาไม่กี่ปีได้ ได้ยินว่าเรือนพักร่ำรวยมีองครักษ์อยู่หลายพันนาย?”
“อาจไม่ถึงห้าพันนาย แต่สามพันนายย่อมมี”
“มีเงินใช้เลี้ยงองครักษ์มากมายเพียงนั้น ค่าใช้จ่ายในแต่ละปีคงไม่น้อย ดูท่าทางเยียนอวิ๋นเกอรู้หนทางการทำงานเสียจริง”
“ไม่รู้ท่านแม่คิดเห็นอย่างไร”
องค์หญิงเฉิงหยางมองค้อนเขา “คุณหนูตระกูลชุยดีมาก เหตุใดเจ้าจึงไม่ชอบ”
จ้งซูหาวพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูตระกูลชุยไม่มีความสามารถเท่าเยียนอวิ๋นเกอ อีกทั้งยังหาเงินได้ไม่เท่าเยียนอวิ๋นเกอ”
องค์หญิงเฉิงหยาง พูดอย่างเชื่องช้า “ตระกูลจ้งไม่ขาดแคลนเงิน นอกจากนี้ยังไม่ขาดคนทำเงิน ภรรยาของเจ้า รู้หนทางการหาเงินหรือไม่นั้นไม่สำคัญ เรื่องอื่นย่อมมีคนเบื้องล่างจัดการ”
“แต่หากตระกูลหนึ่งต้องการเจริญรุ่งโรจน์ตลอดไป ย่อมขาดนายหญิงที่มีความสามารถและวิสัยทัศน์ไม่ได้ ข้าคิดว่าเยียนอวิ๋นเกอสามารถแบกรับหน้าที่นายหญิงของตระกูลจ้งได้”
“คุณหนูตระกูลชุยก็แบกรับได้เช่นเดียวกัน”
“คุณหนูตระกูลชุยไม่มีสินสอดเป็นองครักษ์หลายพันนาย”