ตอนที่ 257 ถนนเจียงฮั่นที่ไร้เฉินเฟิง

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 257 ถนนเจียงฮั่นที่ไร้เฉินเฟิง

เถาจืออวิ๋นขอตัวกลับไปพร้อมกับภาพสัญลักษณ์ที่ออกแบบโดยหลินม่าย

หลังจากได้รับมอบหมายให้ตัดเย็บชุดทำงานหลายชุด หล่อนจึงต้องรีบกลับไปที่บ้าน เพื่อที่จะได้ส่งมอบชุดให้โดยเร็วที่สุด

หลินม่ายร้องเรียกหล่อนไว้ก่อน “ฉันยังไม่ทันจ่ายเงินให้คุณเอาไปซื้อผ้าสำหรับตัดชุดทำงานเลย” พูดจบเธอก็เดินเข้าไปในห้องแล้วยื่นเงินจำนวนนั้นส่งให้เถาจืออวิ๋น

เถาจืออวิ๋นนับเงิน ยอมรับเงินบางส่วน และคืนเงินอีกส่วนหนึ่งให้กับหลินม่าย “ไม่ต้องจ่ายเงินให้ฉันมากขนาดนี้หรอก เดี๋ยวฉันจะลองไปหาซื้อผ้ามีตำหนิจากโรงงานทอผ้า ราคาจะได้ถูกลงหน่อย”

หลินม่ายยัดเงินคืนใส่มือของหล่อน “คุณเอาไปก่อนเถอะ ถ้าคุณหาซื้อผ้ามีตำหนิไม่ได้จะทำยังไง?”

เถาจืออวิ๋นนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดก็ยอมรับเงินไว้ “งั้นถ้าฉันซื้อได้ ฉันค่อยเอาเงินส่วนเกินมาคืนให้คุณนะ”

จากนั้นหล่อนก็หันไปเรียกฉีฉี “ลูกรัก กลับบ้านกันได้แล้วจ้ะ”

เด็กชายเด็กหญิงสองคนกำลังเล่นอยู่กับอาหวง พอฉีฉีได้ยินผู้เป็นแม่ร้องเรียก เขาก็นึกลังเลเพราะยังไม่อยากกลับ

โต้วโต้วกับอาหวงเดินไปส่งเขา เด็กหญิงตัวน้อยพูดปลอบเขาว่า “ฉีฉีอย่าเศร้าเลยนะ ครั้งหน้าถ้านายอยากมาเล่นที่บ้านของเราอีก อาหวงกับฉันยินดีต้อนรับนายเสมอ”

อาหวงเห่ารับสองครั้ง ราวกับสนองตอบต่อคำพูดของโต้วโต้ว

หลินม่ายหยิบกระดาษอีกแผ่นมาวาดตราสัญลักษณ์ทั้งสามอีกครั้ง จากนั้นก็ออกไปที่สำนักงานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ เพราะต้องการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าทั้งหมด ไม่ให้ใครเอาไปใช้ในทางฉ้อฉลในอนาคต

เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องก้มลงดูภาพวาดก่อนจะถามด้วยความสงสัย “เราเคยรับจดทะเบียนแต่ชื่อร้านที่เป็นตัวอักษรธรรมดา ไม่เคยรับจดทะเบียนชื่อร้านที่เป็นภาพมาก่อนเลย”

หลินม่าย “นี่เรียกว่าเครื่องหมายการค้าค่ะ ก็คือชื่อร้านที่มีตราสัญลักษณ์เป็นภาพ”

เจ้าหน้าที่ยังคงลังเล “แต่ทางเราไม่เคยทำมาก่อนเลยค่ะ ฉันไม่กล้าทำเรื่องโดยพลการ คุณลองไปติดต่อผู้อำนวยการหลิวเรื่องการลงทะเบียนดู ถ้าผู้อำนวยการหลิวเห็นด้วย ฉันจะดำเนินการให้ค่ะ”

หลินม่ายจึงไปขอพบผู้อำนวยการหลิว

ผู้อำนวยการหลิวตอบตกลงทันที เจ้าหน้าที่สาวจึงทำเรื่องจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้กับหลินม่าย

หลินม่ายกลับไปที่ร้านอาหาร หลี่หมิงเฉิงเองก็ขับรถแทรกเตอร์กลับมาถึงร้านพร้อมกับฝักข้าวโพดจากชนบท

ถึงแม้หลินม่ายกำลังจะเปิดกิจการตลาดสด แต่หลี่หมิงเฉิงยังต้องขับรถแทรกเตอร์ไปรับซื้อข้าวโพดจากชนบทมาขายตามปกติ ไม่อย่างนั้นอุปทานข้าวโพดกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของถนนสายนี้จะมีอันหยุดชะงัก

หลี่หมิงเฉิงบอกหลินม่ายว่าแตงโมที่ชาวบ้านหลายคนในเมืองซื่อเหม่ยปลูกไว้เริ่มสุกแล้ว พวกเขาจึงต้องการขายให้เธอด้วย แต่เขาไม่กล้าตัดสินใจด้วยตัวเอง จึงกลับมาถามหลินม่ายก่อนว่าควรทำอย่างไรดี

ชาวบ้านซื่อเหม่ยเกือบทุกหลังคาเรือนต่างปลูกแตงโมกันทั้งนั้น แต่ปลูกบ้านละไม่กี่ต้น เพราะใช้พื้นที่แค่ครึ่งหมู่

แต่ดินที่นั่นมีสภาพเหมาะสมสำหรับการเพาะปลูกมาก แตงโมที่เป็นผลผลิตจากดินบริเวณนั้นจึงมีรสหวานฉ่ำมาก แต่มีข้อเสียแค่อย่างเดียวคือเปลือกหนาเกินไป

หลินม่ายพยักหน้า “ซื้อสิ รับซื้อไว้เลย! ไม่ว่าจะเป็นแคนตาลูป แตงหวาน หรือบวบงูก็รับซื้อ แต่บวบงูรับมาน้อยหน่อย เพราะแตงประเภทนี้รสชาติแย่มาก”

ถึงแม้หน่วยงานรัฐจะเป็นผู้จัดหาแตงโมให้ก็ตาม แต่ก็ยังจำกัดปริมาณ เมื่อเป็นแบบนี้แล้วจะเพียงพอต่อความต้องการบริโภคได้อย่างไร?

แม้แต่ในตลาดมืดก็มีแตงโมวางขายอยู่ไม่มากนัก เพราะการขายแตงโมจะต้องขายในปริมาณมากเท่านั้นถึงจะทำกำไรได้

เพราะต้องขายในปริมาณมาก จึงต้องพึ่งพาการขนส่งเป็นหลัก ตราบใดที่ไม่มียานพาหนะช่วยทุ่นแรงก็ไม่สามารถขนแตงโมไปขายที่ตลาดมืดได้

แก๊งนักเลงอย่างเฉินเฟิงมีรถบรรทุก แต่คนอย่างเขาคงไม่สนใจขายแตงโมแน่

การปรับปรุงภูมิทัศน์ของตลาดสดก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองถึงสามวัน อาจเปิดทำการไม่ได้ไปสักระยะ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเอาแตงโมและผลไม้อื่น ๆ มาวางขายที่หน้าทางเข้าตลาดสดได้

หลี่หมิงเฉิงบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นเธอคงต้องรบกวนพี่เฟิงแล้วล่ะ ฉันคงขนแตงโมทีละหลาย ๆ ลูกกลับมาด้วยรถแทรกเตอร์คันเดียวไม่ได้”

“ได้ งั้นนายช่วยแวะไปที่ตลาดสดหน่อย บอกลูกน้องของพี่เฟิงว่าให้ช่วยส่งคนขับรถบรรทุกไปรับซื้อแตงโมจากชนบทกับนายในวันพรุ่งนี้”

หลี่หมิงเฉิงตอบรับก่อนจะออกไปจัดการทันที

ตอนเย็น หลินม่ายรอให้ฟางจั๋วหรานแวะมากินอาหารมื้อเย็นและกลับไปแล้ว จึงพาหลี่หมิงเฉิงออกไปตั้งแผงขายเสื้อผ้าบนถนนเจียงฮั่น

เนื่องจากเฉินเฟิงไม่ได้ส่งลูกน้องมาเก็บค่าคุ้มครองบนถนนเจียงฮั่นอีกต่อไป ทำให้ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าสถานการณ์บนถนนเจียงฮั่นเปลี่ยนไปยังไงบ้าง

ทันทีที่ทั้งสองมาถึงถนนเจียงฮั่น พบว่าภาพรวมของร้านค้าต่าง ๆ นั้นวุ่นวายกว่าตอนที่เฉินเฟิงยังดูแลอยู่

พ่อค้าแม่ค้าหลายคนทะเลาะเบาะแว้งกันเพื่อแย่งชิงทำเลในการตั้งแผงที่ดีกว่า บางรายถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน

หลี่หมิงเฉิงขมวดคิ้ว “ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ลูกน้องของพี่เฟิงไม่มาดูดำดูดีหน่อยเหรอ?”

“นายคงไม่ได้ฟังรายงานข่าวทางวิทยุเมื่อสองสามวันก่อน มีปฏิบัติการกวาดล้างพวกอันธพาลที่ตระเวนเรียกเก็บค่าคุ้มครอง พี่เฟิงเลยสั่งให้ลูกน้องถอนกำลังออกไป”

หลี่หมิงเฉิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

การที่เฉินเฟิงเรียกเก็บค่าคุ้มครองไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง แต่พอไม่มีใครมาคอยดูแลทุกอย่างก็ยุ่งเหยิงแบบนี้แหละ

ทั้งสองเดินไปจนถึงตำแหน่งที่พวกเขามักจะมาตั้งแผงขายเสื้อผ้าเป็นประจำ แต่ที่ตรงนั้นกลับถูกแผงอื่นยึดไปแล้ว

หลี่หมิงเฉิงตั้งท่าจะเดินไปขับไล่พวกเขา แต่หลินม่ายห้ามปรามไว้

ถนนเจียงฮั่นทั้งสายออกจะยาวเหยียด แค่ตั้งแผงที่เดิมไม่ได้ ไม่เห็นจะต้องไปแก่งแย่งกับคนอื่นเลย

ขืนมีปากเสียงกันไปก็เสียเวลาเปล่า ๆ ทำเลที่ตั้งเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ยิ่งทะเลาะอาจยิ่งบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่

สภาพอากาศตอนนี้ร้อนมากพออยู่แล้ว ยิ่งส่งผลให้อารมณ์คนยิ่งร้อนเข้าไปใหญ่ เกิดพวกเขาควบคุมโทสะไม่ได้ขึ้นมา ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอาจถึงขึ้นเลือดตกยางออก

หลินม่ายไม่อยากสร้างปัญหา

เธอเดินต่อไปจนเจอพื้นที่ว่างจึงจัดการตั้งแผงขายของ ทันใดนั้นเสียงของชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ใครบอกให้แกมาตั้งแผงขายของบนพื้นที่ของฉัน ออกไปซะ!”

หลินม่ายรีบชำเลืองมองไปยังทิศทางของเสียงตะโกนนั้น เห็นว่าลูกน้องของเฉินเฟิงกำลังขับไล่พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยที่มาตั้งแผงยึดตำแหน่งที่ควรจะเป็นของเธอ

พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยรีบเก็บข้าวของและย้ายที่ออกไปด้วยความตกใจกลัว

ขณะเดียวกัน เสียงผู้ชายอีกคนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “หลินม่าย ไม่ต้องกังวล ลูกพี่เฟิงส่งพวกเราให้มาคอยคุ้มครองเธออย่างลับ ๆ เธอกลับไปตั้งแผงขายของที่เดิมได้แล้ว”

หลินม่ายหันไปหาลูกน้องของเฉินเฟิง “พวกนายออกปากไล่เสียงดังขนาดนั้น ไม่กลัวตำรวจมารวบเอาหรือไง?”

สหายน้องชายยิ้มร่า “ทำไมต้องกลัว! การมีปากเสียงเพื่อรักษาทำเลที่ตั้งของตัวเองเป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่ไม่ได้เก็บค่าคุ้มครองก็ไม่เป็นไรแล้ว”

หลินม่ายไม่พูดอะไรอีก พอเห็นว่าลูกน้องทั้งสองคนของเฉินเฟิงช่วยกันขับไล่พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยที่ยึดพื้นที่ตั้งแผงของเธอออกไปแล้ว ก็เรียกให้หลี่หมิงเฉิงขนของกลับมาตั้งแผงที่ตำแหน่งเดิม

ขณะที่จัดข้าวของอยู่นั้น หลี่หมิงเฉิงเอนตัวมากระซิบกับหลินม่าย “พี่เฟิงนี่ใจดีกับเธอจริง ๆ เลย!”

หลินม่ายไม่ตอบอะไร

เธอไม่อยากให้เฉินเฟิงทำดีกับเธอเป็นกรณีพิเศษแบบนี้ เพราะมันค่อนข้างทำให้เธอรู้สึกอึดอัด!

ไว้มีโอกาสค่อยคุยกับเขาเรื่องนี้ก็แล้วกัน

เสื้อผ้าของเถาจืออวิ๋นมีรูปแบบที่สวยงามและทันสมัย แถมเนื้อผ้ายังดีมาก

หลังจากตั้งร้านเสร็จเรียบร้อย หลินม่ายก็ตะโกนเรียกลูกค้าสองครั้ง ดึงดูดความสนใจจากสาว ๆ ทันที

เด็กสาวเหล่านั้นเลือกเสื้อผ้านานกว่าสิบห้านาที ท้ายที่สุดก็ซื้อเสื้อผ้าคนละตัวแล้วเดินจากไป

ในขณะที่พวกเธอกำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่นั้น หญิงสาวอีกสองคนก็เดินมามุงดูด้วย

ท่ามกลางแผงขายเสื้อผ้าหลายร้านที่มีลูกค้าสนใจอุดหนุนแค่คนสองคน แผงขายเสื้อผ้าของหลินม่ายที่มีลูกค้ายืนรายล้อมมากกว่าสิบคนจึงเป็นที่สะดุดตาเป็นพิเศษ

สาว ๆ หลายคนที่มาเดินซื้อของเห็นว่าแผงนี้มีคนมายืนรุมเลือกหลายคน ก็คิดว่าเสื้อผ้าที่เธอนำมาขายจะต้องดูดีมากแน่ ๆ ดังนั้นจึงเดินเข้าไปสมทบ

พอเด็กสาวกลุ่มแรกซื้อเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและเดินออกไป แผงขายเสื้อผ้าของหลินม่ายก็ถูกลูกค้าจำนวนมากกรูเข้ามารายล้อมราวกับก้อนหิมะ

ลูกค้าบางคนเลือกเสื้อผ้ามีสไตล์และราคาตรงใจได้แล้ว ก็จ่ายเงินซื้อและเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรมาก

ในขณะที่ลูกค้าบางคนเลือกอย่างพิถีพิถัน จับชุดนั้นชุดนี้มาเปรียบเทียบเพื่อดูว่าแบบไหนดูเหมาะกับตัวเองที่สุด

เด็กสาวคนหนึ่งที่มากับแม่ของเธอหยิบเสื้อขึ้นมาทาบกับลำตัว จากนั้นก็หันไปถามผู้เป็นแม่ด้วยเสียงต่ำ “ดูดีหรือเปล่าคะ?”

เห็นได้ชัดว่าคนเป็นแม่เห็นว่าชุดนั้นสวยมาก แต่กลับตอบในทางตรงข้ามกับใจนึก “พอดูได้”

หลินม่ายชำเลืองมองอีกฝ่าย “พอดูได้อะไรกัน? สวยเข้ากับลูกสาวคุณมากเชียวล่ะ นอกเสียจากว่ามาตรฐานของคุณป้าจะสูงเกินไป!”

เด็กสาวปลาบปลื้มไปกับคำชมเชยของหลินม่าย ถามว่า “คุณขายชุดนี้เท่าไหร่เหรอ?”

“สิบสองหยวน”

เด็กสาวหน้ามุ่ยทันที “แพงจัง! ลดราคาให้หน่อยไม่ได้เหรอ?”

หลินม่ายยิ้มหวานให้หล่อน “ราคานี้ถือว่าไม่แพงเลย คุณลองดูสิว่าฝีมือการตัดเย็บของเสื้อผ้าพวกนี้ไม่เลวเลยนะ”

แม่ของเด็กสาวคนนั้นคว้าเสื้อชุดนั้นไปพลิกนอกพลิกในดูอย่างละเอียดเพื่อหารอยตำหนิ แต่หลังจากสังเกตอยู่นาน ก็มองไม่เห็นรอยตำหนิใด ๆ

ในขณะนี้หล่อนกำลังรู้สึกหงุดหงิด ทันใดนั้นดวงตาของหล่อนกลับเบิกกว้างราวกับค้นพบบางสิ่ง…

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ประเด็นมันอยู่ที่ไม่มีคนมาดูแลมากกว่า ไม่ได้อยู่ที่เก็บค่าคุ้มครองหรือไม่เก็บ

คุณแม่เป็นอะไรอะคะ ทำไมชอบทับถมลูก ทำลายความมั่นใจลูก?

ไหหม่า(海馬)