ตอนที่ 79-4 นายน้อยบาดเจ็บ
จากนั้นท่านหมอจึงป้อนยาให้เขาอีกครั้ง และตอนนี้วิญญาณของหลี่หมินเต๋อ กําลังมอดไหม้ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะหลับมากกว่าตื่นขณะที่นอนลงบนหมอน
แสงเทียนในห้องเปล่งแสงสีเหลืองทอง ซึ่งนอกจากใบหน้าของหลี่เว่ยหยางแล้ว ไม่มีอะไรปรากฏให้เห็นในแววตาของเขาเลย
เนื่องจากเขาอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น และมีความเหนื่อยล้าในร่างกาย การดื่มยาที่มีรสขมจึงทําให้เขาต่อต้านโดยไม่รู้ตัว
“หมินเต๋อนี่เป็นการดื่มยาครั้งที่สองแล้ว”
“ กินอีกสักครั้งจะได้หายดี…”
เสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยนที่กระตุ้นอยู่ใกล้หูของเด็กชายทําให้เขาดื่มยาขมนั้นทีละจิบ
“เจ้าเคยสัญญากับพี่สามเอาไว้ว่าจะอยู่เคียงข้างข้าเจ้าลืมไปแล้วหรือ?”
หลี่หมินเต๋อแทบจะไม่ตอบสนองคํากล่าวเหล่านั้น ขณะที่ชายในชุดสีเทามองย้อนกลับไปที่ท่านหมอ:
“เมื่อครู่ท่านบอกว่าหากเราใช้พิษเข้าไปต้านพิษแล้วเขาจะดีขึ้นมิใช่หรือ?”
ท่านหมอเหลือบมองพร้อมกับมีเหงื่อเปียกชุ่มไปทั่วบริเวณหน้าผากของเขา
เขาพยายามอย่างเต็มที่แล้วเพื่อผลักดันพิษทั้งหมดในร่างกายของเด็กชายผู้นี้ โดยจงใจปรุงมันถึงสามครั้งแล้วบดเป็นผง นอกจากนี้เขายังเพิ่มส่วนผสมของตัวยาที่หายากมากมายเข้าไปด้วย
แต่สารพิษก็ยังคงเป็นสารพิษอยู่ดี มันจะไม่ถูกลบออกอย่างสมบูรณ์เพราะเหตุนี้กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ถ้าไม่มีสารพิษเลยยาก็จะไม่ได้ผล สารพิษจะต้องถูกกักเก็บไว้เพื่อกําจัดซึ่งกันและกันในร่างกายของเด็กชาย
หลี่เว่ยหยางขมวดคิ้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาโกรธ! จะโกรธไปเพื่อ..?
” หุบปาก!”
ชายในชุดสีเทารู้สึกมืดมนในหัวใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้เขาอายุไม่ใช่น้อย และนอกจากนายท่านแล้วไม่มีใครกล้ากล่าวกับเขาเช่นนี้มาก่อน
ขณะนี้บรรยากาศในห้องเริ่มอึมครึม โดยหลี่หมินเต๋อรู้สึกว่าตนเองกําลังเดินเข้าไปในความมืดอย่างล่องลอย จนกระทั่งมีไฟโผล่ขึ้นที่ด้านข้าง
แม้จะริบหรี่ แต่ก็สามารถทําให้เขารู้สึกตัวขึ้นมาได้
เขารู้ว่าหลี่เว่ยหยางกําลังกล่าวกับเขา นางไม่ได้ละทิ้งตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงตอนนี้ จากนั้น ความเจ็บปวดทั้งหมดก็ค่อย ๆกลายเป็นความอบอุ่น และความเจ็บปวดภายในร่างกายของเขาก็หายไปทีละน้อย
แต่เขาตระหนักว่าตนเองไม่สามารถอ้าปากเพื่อกล่าวอันใดออกมาได้ ซึ่งทําได้เพียงแค่ดิ้นรน และทันใดนั้นเด็กชายได้พยายามรวบรวมพละกําลังทั้งหมดที่มีตะโกนออกมาพร้อมกับลืมตาขึ้น
“ พี่สาม?”
ทําให้หลี่เว่ยหยางซึ่งนอนอยู่ข้างเตียงสะดุ้งตื่นขึ้นทันที และเมื่อเห็นหลี่หมินเพื่อลืมตา หญิงสาวจึงรู้สึกผ่อนคลายได้ในที่สุด
หลี่หมินเต๋อจ้องมองดูนางอย่างประหลาดใจ นี่พี่สามนอนเฝ้าเขาอยู่ที่นี่ตลอดทั้งคืนเลยหรือ?
หลี่เว่ยหยางจับมือน้องชายพลางเอ่ยด้วยความรู้สึกดีใจว่า
“เจ้าไม่เป็นไรแล้ว”
หลี่หมินเต๋อประหลาดใจ ขณะที่เขารู้สึกเสมอว่า ดวงตาของพี่สามนั้นช่างงดงาม
ขนตาสีดําของนางยาวงอนขึ้นอย่างเป็นระเบียบและดวงตาของนางเป็นประกายสดใส และรูม่านตาสีดําของนางนั้นเหมือนมุกสีดําใสที่อยู่ในทะเลสาบของช่วงฤดูใบไม้ผลิ
แต่ในขณะนี้ทะเลสาบแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยร่องรอยของเลือดและบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าของผู้เป็นเจ้าของ ขณะที่หลี่หมินเต๋อพยายามพยุงตัวเองเพื่อลุกขึ้นนั่ง:
“เราต้องกลับไป!”
หลี่เว่ยหยางรู้สึกประหลาดใจแต่ก็สามารถเข้าใจความหมายของเขาได้ในทันที
บุตรสาวของท่านอํามาตย์ไปนอนค้างอ้างแรมที่อื่น มันจะต้องกลายเป็นหัวข้อข่าวใหญ่ของวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน!
และฮูหยินใหญ่กับอีกหลายคนในบ้านจะต้องรวมหัวกันหมิ่นประมาทและดูถูกนาง!
แม้ว่านางจะต้องทนกับการถูกจองจํา แต่ก็คงไม่มีใครเห็นใจนาง
ในสายตาของพวกเขานางจะกลายเป็นเด็กสาวที่สูญเสียความบริสุทธิ์และจะไม่มีใครใส่ใจไปตลอดกาล!
เมื่อคืนที่ผ่านมาเว่ยหยางได้คิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่สามารถทิ้งหลี่หมินเต๋อไว้ข้างหลังได้
ชายชุดเทารีบหยุดพวกนางอย่างรวดเร็ว
“นายน้อย ท่านออกไปจากที่นี่ไม่ได้!”
ขณะที่หลี่หมิ่นเต๋อเหลือบมองเขาอย่างเย็นชาและกล่าวว่า
” เตรียมรถม้า!”
“ท่านก็รู้อยู่แล้วว่าการอยู่ในตระกูลหลี่จะมีปัญหาไม่รู้จบในอนาคต! บางทีสิ่งนี้อาจเกิดขึ้นอีกครั้ง!”
ชายชุดเทาอดไม่ได้ที่จะกล่าว
หลี่เว่ยหยางมองไปที่แสงสว่างข้างนอกท้องฟ้าที่ใกล้จะสว่างในไม่ช้าและไม่สามารถรอได้อีกต่อไป
หลี่หมินเต๋อกล่าวซ้ําอีกครั้งว่า:
“เตรียมรถม้าทันที!”
ชายในชุดสีเทากัดฟันขณะจ้องมองไปที่หลี่เว่ยหยาง จากนั้นก็เลื่อนสายตาหนีและกล่าวว่า
“รับทราบ”
แน่นอนว่าการนั่งรถม้าจะต้องเจอกับถนนหนทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อตลอดซึ่งไม่เหมาะ สําหรับผู้ป่วย แม้ว่าสีหน้าของหลี่หมินเต๋อเริ่มเปลี่ยนเป็นขาวซีดแล้ว แต่ยังยืนยันว่าจะไปกับหลี่เว่ยหยางให้ได้
ทําให้ชายในชุดสีเทาโกรธเคืองมาก แต่จําใจต้องสั่งให้คนรับใช้เลือกรถม้าที่ดีที่สุดและเสื่อที่นุ่มที่สุดมาให้
หลี่หมิ่นเต๋อถูกหามขึ้นรถม้าและเมื่อเห็นใบหน้าของเขา หลี่เว่ยหยางก็ทราบว่ามันจะ ทําให้เกิดปัญหาจึงมองออกไปโดยไม่รู้ตัว
ขณะที่ชายในชุดสีเทายังคงยืนอยู่หน้ารถม้า และกระซิบอย่างเย็นชาว่า
“เมื่อกลับไป ท่านจะเห็นสาวใช้ของท่าน แต่….
ท่านมิควรกล่าวอันใดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน…”
“โง่เขลา…”
หลี่เว่ยหยางเหลือบมองเขาขณะที่เอ่ยคํานั้นออกมาอย่างเย็นชา เหตุใดนางต้องบอกผู้อื่นด้วยว่าเกิดอันใดขึ้น?
เขาเห็นว่านางเป็นคนเสียสติหรือ?
เขาได้รับการนับหน้าถือตาจากผู้คนมากมาย และนี่เป็นครั้งแรกที่ชายในชุดสีเทาได้ยินคนตําหนิตนเองว่า “โง่เขลา” ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว
“เจ้ากล้าดียังไง!”
“ขอบคุณสําหรับคําชม ข้าต้องไปแล้ว”
หลี่เว่ยหยางกวาดสายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าพลางสั่งให้คนขับรีบไป
ขณะที่รถม้าสั่นอยู่สองสามครั้งจากนั้นก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ที่หน้าประตูชายในชุดสีเทาพ่นลมหายใจและกระซิบกับคนที่เข้ามาว่า
“ไปบอกว่า นายน้อยได้รับบาดเจ็บ”
“รับทราบ!”