ตอนที่ 80-1นางบําเรอคนใหม่
ณ ตําหนักของท่านอํามาตย์หลี่
ฮูหยินใหญ่รีบร้อนเดินทางกลับมาที่ตําหนักของบ้านตระกูลหลื่อย่างรวดเร็วและไม่แม้แต่จะกังวลกับการหายตัวไปของหลี่เว่ยหยาง
นี่เป็นเพราะเมื่อสามวันที่แล้วหลี่เสี่ยวหรันซื้อตัวนางบําเรอคนใหม่กลับมา ซึ่งสิ่งที่แตกต่างจากที่ผ่านมาก็คือครั้งนี้ หลี่เสี่ยวหรันไม่ได้ให้ฮูหยินใหญ่รู้ล่วงหน้า นั่นหมายความว่าหลี่เสี่ยวหวั่นไม่ได้เกรงใจนางเหมือนอย่างที่เคยเป็น
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ จึงจําได้ว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์คุณไสย มนต์ดําในครั้งนั้น เขาก็ไม่เคยมาเยี่ยมนางเลยสักครั้ง
โดยปกติแล้วฮูหยินใหญ่สามารถทนได้ แต่คราวนี้นางไม่สามารถทนได้อีกต่อไป จึงรีบกลับมาตําหนักพร้อมกับหลี่จางเล่อและพบว่าหลี่เสี่ยวหนไม่ได้อยู่บ้านเพราะออกไปงานเลี้ยงพร้อมกับนางบําเรอคนใหม่
ความโกรธแค้นนี้กลายเป็นความเก็บกดจนถึงจุดที่ต้องกัดฟันจนเลือดออกบริเวณริมฝีปากโดยที่นางยังคงนอนกระสับกระส่ายด้วยความทุกข์ทรมานใจตลอดทั้งคืนจนลืมที่จะเอ่ยถามถึงหลี่เว่ยหยาง
และเช้าวันรุ่งขึ้นนางยังรู้สึกค้างคาใจจึงส่งคนไปเรียกตัวหยุนจี้ที่มาอยู่ใหม่ในฐานะนา งบําเรอให้มาพบ
ฮูหยินใหญ่ถือถ้วยน้ําชาไว้ในมือและจ้องไปที่หยินเหนียง
หยุนที่อยู่ตรงหน้านาง
หญิงสาวผู้นี้มีผิวที่ขาวเนียนราวกับหิมะ และใบหน้ารวมทั้งจมูกของนางดูราวกับว่ามันถูกแกะสลักจากหินหยกอย่างตั้งใจ
เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าทําให้เห็นว่านางยังเด็กมาก และเหมือนดอกไม้บอบบางที่อยู่ท่ามกลางพายุหิมะ แม้ว่าความงามของนางจะสู้บุตรสาวผู้งดงามของนางไม่ได้ก็ตาม
แต่หญิงสาวผู้นี้ก็มีความงามที่สามารถทําให้ผู้คนหันไปสนใจที่อื่นได้ยาก นางเดินเข้ามาหาเหมือนสายลมและแสดงความเคารพอย่างอ่อนน้อม
เมื่อเห็นใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของนาง ฮูหยินใหญ่ก็สูญเสียความคิดของตนเองไปชั่วขณะราวกับว่าผู้หญิงคนนั้นกลับมาแล้ว
และอีกไม่นานเปลวไฟก็เริ่มก่อตัวขึ้นในใจของนางพร้อมกับความคิดที่ว่า นายท่านไม่มีวันลืมผู้หญิงคนนั้น!
แต่เนื่องจากนางอยู่ในบ้านมานานพอสมควร แม้ว่าจะเกลียดชังหยุนจี้มากเพียงใด แต่ก็ไม่แสดงออก
ฮูหยินใหญ่ยิ้มเล็กน้อยขณะที่เดินออกไปและยื่นมือออกไปจับมือของหญิงสาว และมองดูนิ้วของหยุนจี้ที่เหมือนกับต้นหอม
มันทั้งเรียวและยาวและฝ่ามือของนางมีความงดงามมาก ฮูหยินใหญ่ยังเอ่ยถามอายุและบ้านของนางว่าอยู่ที่ใด
หยุนจี่กล่าวว่า
“บ่าวมีชื่อว่าหยุนเหมยอายุสิบหกปี เป็นชาวเมืองฉางจ้าว”
เสียงของนางมีความไพเราะราวกับนกขมิ้น และฟันนางเรียงอย่างงดงามเหมือนหยกเนื้อดีมันทําให้ฮูหยินใหญ่รู้สึกโกรธและเกลียดหญิงสาวผู้นี้มากขึ้น
นี่คือใบหน้าที่ช่างน่าความสงสาร ไม่น่าแปลกใจเลย แม้ว่าหลี่เสี่ยวหรันจะมีนางบําเรอใหม่นับไม่ถ้วน แต่เขาก็ยังพานางเข้ามา
หยุนจไม่กล้ามองไปที่การจ้องมองของฮูหยินใหญ่เพราะถึงแม้ว่านายหญิงของบ้านผู้นี้จะมีรอยยิ้ม แต่สายตาของนางนั้นช่างลึกล้ํา และรู้สึกราวกับว่านายหญิงผู้นี้ต้องการจะฉีกร่างของนางออกเป็นชิ้น ๆ
“โอ้”
ฮูหยินใหญ่ตระหนักว่าหญิงสาวตรงหน้าทําตัวไม่ถูกจึงเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนและสง่างามมาก
“เจ้ามิต้องกลัว แค่เห็นว่าเจ้างดงามมากเพียงใด ข้าก็มีความสุขแทนนายท่านแล้ว” นางจ้องมองเล็กน้อยและกล่าวว่า
“ชื่อจี้เอ๋อนั้นเรียกยากเกินไป ข้าจะตั้งชื่อใหม่ให้เจ้าจะได้เรียกง่ายขึ้นว่า ชื่อหยุนหลัวดีหรือไม่?มันแสดงให้เห็นว่าเจ้ามีความสง่างามและใจกว้างเจ้าคิดว่าอย่างไรบ้าง?”
หยุนจี้ก้มศีรษะลงขณะที่ริมฝีปากของนางโค้งลง ซึ่งเห็นได้ชัดว่านางไม่มีความสุข
ฮูหยินใหญ่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กสาวผู้นี้ดูเหมือนเด็ก แต่จริง ๆ แล้วนางนั้นดื้อรั้นมากจึงรู้สึกรําคาญใจเล็กน้อย
แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดหลังจากถูกเปลี่ยนชื่อ นางจึงรู้สึกหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมากนัก
ในการจัดการกับผู้หญิงเลวคนนี้มีหลายวิธี สายตาของนายหญิงจึงมองไปรอบ ๆ แล้วเปลี่ยนความคิดของตนเองอย่างน่าประหลาดใจ
“ข้ามาคิดอีกที ดูเหมือนว่าชื่อนี้จะไม่ดีสักเท่าไหร่ เช่นนั้นเจ้าจงใช้ชื่อหยุนเหมยไปก่อนชั่วคราว และรอจนกว่านายท่านจะว่างแล้วเราจะตั้งชื่อใหม่ให้เจ้า!”
หยุนจีโค้งคํานับอีกครั้งและคิดอยู่ในใจว่า ฮูหยินใหญ่ช่างสังเกตมาก เพราะนางสามารถรับรู้ได้ว่าตนเองรู้สึกไม่พอใจ
ในเวลานี้มีสาวใช้ผู้หนึ่งได้มารายงานการมาถึงของนายท่าน
จากนั้นฮูหยินใหญ่จึงเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ขณะที่สายตาของนางจ้องมองไปที่หลี่เสี่ยวหรันในตอนที่เขาเดินเข้ามา
แม้ว่านางจะไม่ต้องการแสดงสีหน้าขมขื่นแต่มันก็อดไม่ได้
คราวนี้เขาไม่ได้ปรึกษากับนางเรื่องที่จะซื้อนางบําเรอคนใหม่ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากที่สุดสําหรับนายหญิงผู้นี้
หลี่เสี่ยวหรันเห็นหยุนจี้และใบหน้าของนางดูเหมือนจะแสดงว่ากําลังถูกข่มเหง สีหน้าของเขาจึงแสดงถึงความไม่พอใจทันที
แต่หลังจากนั้นเขาก็นึกถึงความเหมาะสม ดังนั้นจึงกล่าวอย่างใจเย็นว่า
“เจ้าควรออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะหารือกับฮูหยิน”
และในระหว่างการสนทนาแม่นมหลินก็เดินเข้ามาอย่างกะทันหันและกระซิบกับ ฮูหยินใหญ่คําสองสามคําทําให้การแสดงออกของฮูหยินใหญ่เปลี่ยนไปและเอ่ยถามว่า
“จริงหรือ?”
แม่นมหลินกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า
“มันเป็นเรื่องจริง! บ่าวได้ตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว”
ฮูหยินใหญ่ตกตะลึงขณะที่ดวงตาของนางแสดงความสุขที่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเดิมที่นางต้องการกล่าวอันใดบางอย่างกับหลี่เสี่ยวหรันเกี่ยวกับหยุนจี่
แต่ตอนนี้เมื่อนางได้ยินเรื่องการหายตัวไปของหลี่เว่ยหยางและไม่ได้กลับที่พัก นางจึงรู้สึกมีความสุขมากและตั้งใจที่จะละทิ้งเรื่องของหยุนจี้เอาไว้ก่อน เพื่อหันมาสนใจเรื่องของหลี่เว่ยหยาง
หลังจากที่หยุนจี้ถอยออกมา ฮูหยินใหญ่ก็แสดงสีหน้าชื่นมื่นราวกับได้รับรางวัลชิ้นใหญ่
“แม่นมหลิน สั่งให้คนอื่นออกไปก่อน ข้ามีเรื่องต้องคุยกับนายท่าน”
คํากล่าวนั้นช่างเฉียบคมและชัดเจน ขณะที่น้ําเสียงของนางนั้นดูมีความสุขอย่างน่าประหลาด