บทที่ 203 ข้าเองก็เป็นเช่นนั้น
ผู้คนต่างก็ตกตะลึง แม้แต่ท่านหมอเสิ่นเองก็มึนงงไป หลังจากนั้นจึงถอนหายใจด้วยความสบายใจ
เย่ซิวตู๋ค่อย ๆ รินชาอย่างช้า ๆ และฉีกยิ้มจากมุมปากขึ้นมา
โม่เสียนค่อย ๆ ก้มตัวลง เอ่ยเบา ๆ ข้างหูชายหนุ่ม “ท่านอ๋อง ท่านทายไว้ไม่ผิด เวยหย่วนโหวมาแล้ว”
“เขามาที่นี่นับว่าน่าสนใจนัก” เย่ซิวตู๋วางถ้วยชาลงบนโต๊ะและนั่งอย่างสง่างาม ในเมื่อเวยหย่วนโหวส่งคนมาตามล่าอวี้ชิงลั่วได้ นั่นหมายความว่าเขาไม่อาจทำให้การประลองในตอนนี้เกิดความผิดพลาดแม้แต่น้อย และเขาก็จะไม่ปล่อยให้ผู้แซ่เสิ่นคนนั้นพ่ายแพ้ในการประลองเด็ดขาด
ก็นับว่าถูก หากว่าคนแซ่เสิ่นพ่ายแพ้ วันเวลาดี ๆ ของเวยหย่วนโหวก็จะสิ้นสุดลง
ไม่ นี่เป็นเพียงแค่การประลองยกแรกเท่านั้น ฉากนี้แสดงให้เห็นว่าเมื่อหมอเสิ่นเผชิญกับอุปสรรคเพียงเล็กน้อย เขาก็ปรากฏตัวขึ้นทันที
ภายในโรงเตี๊ยมพลันเงียบสงัด แม้แต่บริเวณชั้นสอง บรรดาท่านอ๋องและชนชั้นสูงแต่ละคนก็ยื่นหน้าออกมามองเวยหย่วนโหวที่กำลังเดินเข้ามา
หนานหนานตบขอบหน้าต่างและเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ผู้ใดกัน เหตุใดจึงน่าเกลียดเช่นนี้น่ะ คาดไม่ถึงเลยว่าจะออกมาสร้างปัญหาในเวลานี้ ข้าล่ะอยากลงไปฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ เสียจริง”
เย่ฮ่าวหรานก้มหน้าลงและจับจ้องไปยังเวยหย่วนโหวที่กำลังเดินเข้ามา ชายหนุ่มครุ่นคิดขึ้นและผุดยิ้มขึ้น ผู้คนจำนวนมากมายเหลือเกิน ช่างมีชีวิตชีวาเสียจริง
เวยหย่วนโหวมีร่างกายที่แข็งแรงกำยำ ท่าทางการเดินดูราวกับเป็นพยัคฆ์อันแข็งแกร่ง ผนวกกับคนรับใช้ที่ตามมาจากทางด้านหลังเจ็ดถึงแปดคน ตลอดทางจึงดึงดูดสายตาของผู้คนเป็นอย่างมาก เมื่อมองดูแล้วไม่ได้คล้ายว่าจะมายั่วยุเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเขาก้าวเข้ามาในโรงเตี๊ยมได้สักครู่ สายตาของผู้คนต่างก็จับจ้องและพากันเปิดทางให้ ปล่อยให้เขาเดินเข้าไปที่กลางห้องโถง
เวยหย่วนโหวคำนับเย่ซิวตู๋ ก่อนที่จะพยักหน้าให้กับท่านอัครเสนาบดีแล้วเอ่ยขึ้น “ท่านอ๋อง ท่านอัครเสนาบดี ข้าน้อยมาช้าไปหน่อย”
“ไม่ช้า ท่านโหวมาได้ถูกเวลาพอดี” เย่ซิวตู๋ยิ้มขึ้น และการแสดงออกยังคงเรียบ ๆ
ถึงแม้ว่าหลีจื่อฟานจะยิ้มขึ้นอย่างอบอุ่น แต่ดวงตาทั้งสองกลับเฉียบคม ทัศนคติของเขาต่อเวยหย่วนโหวมีไม่มากไม่น้อย และไม่ถือว่าสนิทนัก
มุมปากของเถ้าแก่กระตุกขึ้น พลางรีบเรียกให้เด็กในร้านจัดเก้าอี้ให้กับเวยหย่วนโหว เพื่อให้ชายชรานั่งชมอย่างสะดวกสบาย
ท่าทางของเวยหย่วนโหวที่นั่งบนเก้าอี้ดูช่างน่าเกรงขาม ดวงตาของเขาจ้องไปยังท่านหมอเริ่น ภายในดวงตาเต็มไปด้วยคำเตือน
ช่างน่าเสียดายนัก ที่ดูเหมือนว่าท่านหมอเริ่นจะไม่หวาดกลัวต่อสายตาที่มองมาเลย ทั้งยังรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ถูกขัดจังหวะ เพียงแต่บุคคลผู้นี้คือท่าโหว เขาจึงไม่เอ่ยอะไรมากมายนัก เพียงแค่ผสานมือเล็กน้อยแล้วโค้งคำนับ หลังจากนั้นจึงกล่าวขึ้น “ท่านอ๋อง ข้าน้อยจะประกาศผลต่อแล้ว”
“ประกาศเถิด” เย่ซิวตู๋โบกมือเบา ๆ และมองดูเวยหย่วนโหวอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
ผลปรากฏ เมื่อเสียงของเย่ซิวตู๋จบลง เวยหย่วนโหวจึงได้เงยหน้าขึ้นมา และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “ช้าก่อน เมื่อครู่ข้าอยู่ข้างนอก เหมือนได้ยินว่าท่านเสิ่นบอกว่าจมูกได้รับการกระทบกระเทือนใช่หรือไม่?”
ท่านเสิ่นจึงตอบขึ้นทันที “ขอรับท่านโหว เมื่อครู่ไม่ได้ระวังจมูกของข้าน้อยจึงถูกกระทบกระเทือน”
“เช่นนั้นตอนนี้ กฏการประลองการดมกลิ่นจึงไม่ยุติธรรมต่อท่านเสิ่น พวกเจ้าคิดว่าถูกต้องหรือไม่?” เวยหย่วนโหวหันไปมองผู้คนรอบ ๆ
ผู้คนธรรมดาทั่วไปต่างก็ไม่กล้าตอบกลับต่อหน้าท่านโหวเป็นปกติ เมื่อเห็นว่าเวยหย่วนโหวจ้องมองมา แต่ละคนต่างก็ก้มหน้าและถอยกลับไปไม่กี่ก้าว เพียงหวังว่าท่านโหวจะไม่จ้องมองมาที่ตน จึงทำตนเองให้เป้นอากาศธาตุ
หนานหนานที่อยู่บนชั้นสองโกรธมากจริง ๆ เด็กชายยื่นมือปีนหน้าต่างขึ้นมา ดูเหมือนกับว่าเขาจะกระโดดลงมาจากตรงนั้น
เย่ฮ่าวหรานกดหน้าผากของเขาไว้ มันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับท่านพี่ห้าเสียจริง
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาอย่างไร้เรี่ยวแรงเล็กน้อย เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของเย่หลานเฉิงเขาก็ดึงหนานหนานไม่ไหวอีกต่อไป จึงรีบโอบร่างเล็กลงมาจากหน้าต่าง แล้วเอ่ยขึ้นข้าง ๆ หู “เจ้าเป็นกังวลอะไร ไม่เห็นพี่ห้านั่งอยู่ตรงนั้นหรือ? เจ้าวางใจเถอะ ตำแหน่งของเวยหย่วนโหวนั้นสูงไม่เท่าท่านพี่ห้า พี่ห้าไม่ยอมให้เขามาวุ่นวายหรอก”
“ไม่ใช่ท่านลุงเย่หรือ?” หนานตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และร่างกายที่ดิ้นรนก็หยุดลง
ท่านลุงเย่? เย่ฮ่าวหรานรู้สึกประหลาดใจและเต็มไปด้วยข้อสงสัยเกี่ยวกับชื่อของตน แต่ก็ยังพยักหน้าตอบคำถาม “ใช่ ในที่นี้คนที่ยศสูงที่สุดก็คือท่านพี่…ท่านลุงเย่”
หากองค์รัชทายาทและคนอื่น ๆ ไม่ปรากฏตัวออกมา เช่นนั้นคำพูดของเย่ซิวตู๋จะมีน้ำหนักมากที่สุดเป็นธรรมดา
แต่เมื่อองค์รัชทายาทปรากฏตัวขึ้น ก็คงจะไม่ใช่คู่ต่อกรของท่านพี่ห้าเช่นกัน
เวยหย่วนโหวผู้นี้ยังกล้าที่จะปรากฏตัวต่อหน้าท่านพี่ห้า รนหาที่ตายแท้ ๆ
เพียงแต่ท่านพี่ห้ากำลังรอให้เย่ฮ่าวหรานเอ่ย แต่เขากลับไม่เอ่ยอะไรออกมา ในทางกลับกันอัครเสนบดีเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ท่านโหวเอ่ยมานั้นไม่ถูกต้อง ถ้าหากจมูกของท่านเสิ่นได้รับบาดเจ็บ ก็ควรจะบอกกล่าวมาตั้งแต่แรก ในเมื่อท่านหมอเริ่นก็บอกว่าการประลองเริ่มขึ้นกลับไม่มีความเห็น เช่นนั้นท่านเสิ่นก็ยอมรับการแข่งขันครั้งนี้ โอ้ แต่ตอนนี้ก็ดีแล้ว ขวดยาก็ได้ดมแล้ว แม่นางชิงเองก็บอกส่วนผสมและสรรพคุณไปแล้ว ท่านเสิ่นกลับหาคำมาแก้ตัว”
ว่าพลางเขาก็เหลือบมองเวยหย่วนโหวอย่างเย็นชา และเมินเฉยต่อสายตาดุร้ายของเขาไป จากนั้นหยิบแก้วชาขึ้นมาจิบแล้วเอ่ยต่อ “เป็นไปได้ไหมว่า ท่านเสิ่นจะไม่ได้กลิ่นของยานี้ จึงไม่สามารถบอกสรรพคุณของยานี้ได้ ดังนั้นจึงอ้างเหตุผลที่จมูกของเขากระทบกระเทือน เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการประลองนี้?”
“เป็นเช่นนั้น เป็นเช่นนั้น หากจมูกได้รับการกระทบกระเทือน เช่นนั้นแล้วเหตุใดจึงไม่รีบแจ้งออกมา?” เมื่อมีผู้นำแล้ว ผู้คนเหล่านั้นจึงคล้อยตามเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะผู้นำคนนี้เป็นอัครเสนาบดี มากไปกว่านั้นท่านเสิ่นก็ปลิ้นปล้อนไร้ยางอายมาตั้งแต่แรก คนที่มีปัญญาต่างก็ดูออก
เวยหย่วนโหวเม้มริมฝีปากแน่น มือทั้งสองข้างจับที่เท้าแขนไว้แน่นจนเส้นเลือดแทบจะระเบิดออกมา และจ้องมองไปยังอัครเสนาบดีด้วยแววตาดุร้าย
เพียงแต่เขายังคงมีสติอยู่
ท่านหมอเริ่นหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา ไม่ว่าเวยหย่วนโหวจะคิดจะทำอะไร เขาก็จะประกาศผลออกมา “ในการประลองแรก แม่นางชิงเป็นผู้ชนะ”
“ท่านหมอเริ่น ข้าเองก็บอกว่าการประลองครั้งนี้มันไม่ยุติธรรมต่อข้า” ท่านเสิ่นโมโหเป็นอย่างมาก เขาก้าวไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว และจ้องมองด้วยท่านหมอเริ่นด้วยความโกรธ
ท่านหมอเริ่นไม่อ่อนข้อ ชายชราเชิดคางขึ้นเล็กน้อยและถอนหายใจอย่างเย็นชา “การประลองครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ยุติธรรม ท่านเสิ่นไม่มีปัญญาเอง นี่ไม่ใช่ความผิดของผู้อื่น ”
“ข้าไม่มีปัญญา ท่านจะบอกว่าแม้แต่ความรู้พื้นฐานเช่นนี้ข้าเองจะไม่รู้หรือ?” ท่านเสิ่นโกรธเคืองเป็นอย่างมาก ชายชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าเองก็ยิ่งไม่อภิรมย์ ท่าทางที่เย่อหยิ่งที่รักษาเอาไว้ได้หายไปแล้ว
อวี้ชิงลั่วที่ไม่ได้เอ่ยอะไรมาเป็นเวลลานานก็ได้หัวเราะขึ้นมา หญิงสาวค่อย ๆ หันไปมองไปยังท่านเสิ่นและเอ่ยถามขึ้น “ในตอนที่ท่านเสิ่นเริ่มต้นดมยาในตอนแรกนั้นก็รู้สึกว่าไม่ได้มีปัญหาใด ๆ สวนผสมยาด้านในเองก็สามารถดมและแยกแยะได้อย่างชัดเจน แต่ว่าต่อมากลับรู้สึกว่าจมูกนั้นไม่สามารถรับกลิ่นอะไร?”
“เจ้ารู้ได้เช่นไร?” ท่านเสิ่นตกใจเป็นอย่างมาก
“เพราะว่าข้าเองก็เป็นเช่นนั้น” อวี้ชิงลั่วยักไหล่
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
นั่น จะมาช่วยหมอเสิ่นเจิ้นนี่ไม่ให้แพ้ใช่ไหม ช่วยไม่ได้แล้วล่ะท่านโหว ปลอมก็คือปลอม
ไหหม่า(海馬)