บทที่ 261 ผมผิดไปแล้ว
บทที่ 261 ผมผิดไปแล้ว
เดิมทีซูโย่วอี๋แค่เข้าร่วมเอาสนุก แต่กลับถูกบังคับให้ต่อคิว
ส่วนหญิงสาวคนนั้นก็พูดไม่หยุด “เซ็ตน้ำหอมกลิ่นไม้หอมที่หมดสต็อกไปนานแล้วมีวางขายที่นี่ ฉันเลยดิ่งมาที่นี่ทันทีหลังเลิกงาน”
“ฉันไม่คิดเลยว่าคนพวกนี้จะเร็วกว่าฉันอีก ไม่รู้ว่าคราวนี้ฉันจะซื้อมันทันหรือเปล่า”
หญิงสาวดูร่าเริงเมื่อเธอพูดถึงสิ่งที่ชอบ ซึ่งทำให้ซูโย่วอี๋สนิทใจกับอีกฝ่าย จนโพล่งออกมาว่า “ทำไมคุณถึงชอบ… ซูโย่วอี๋?”
หญิงสาวมองมาอย่างงุนงง เธอรู้สึกว่าคนที่สามารถถามคำถามเช่นนี้ได้ไม่ใช่แฟนคลับของซูโย่วอี๋จริง ๆ
“เฮ้ จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกว่าเธอดูคุ้น ๆ นะ”
ดูน่าสงสัย
ซูโหย่วอี้ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว “คนเราก็มักหน้าตาเหมือนคนดังอยู่แล้ว”
หญิงสาวไม่ได้ซักไซ้ต่อ “ฉันเคยดูโย่วโยว่ในรายการวาไรตี้ 22 วันปั้นดาว และฉันก็เห็นพัฒนาการของเธอจากคนอ้วนเป็นสาวสวย ฉันเองก็ลดน้ำหนักอยู่ จึงเข้าใจความลำบากดีกว่าใคร”
“มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” ซูโย่วอี๋ไม่ค่อยเข้าใจ
“ไม่ใช่ มันก็มีอีกหลายอย่าง เช่น ความสามารถ ความเมตตา ความจริงใจ ความอ่อนโยน ใช่ ความสวยก็ด้วย เมื่อเธอยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ฉันรู้สึกว่าความสวยของเธอไม่ได้มีมิติเดียวเหมือนคนอื่น”
ซูโย่วอี๋แตะจมูกของเธอ คนคนนี้ต้องเป็นแฟนตัวปลอมแน่ ๆ
ฉันยืนอยู่ตรงหน้าคุณ ทำไมคุณมองไม่ออกล่ะ?
อย่างไรก็ตาม การชักจูงให้แฟนคลับยกย่องเธอแบบนี้ ซูโย่วอี๋ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนขี้โกงอยู่หน่อย ๆ
ทันใดนั้นหญิงสาวก็เข้ามาใกล้เธอ “ดูอีกด้านสิ”
ซูโย่วอี๋มองตามไปและเห็นร้านน้ำหอมดอร่าอยู่ฝั่งตรงข้าม
ซึ่งไม่มีใครเข้าร้านเลยสักคน
เมื่อเทียบกับความเร่งรีบและวุ่นวายของเฮอรัล มันดูน่าเศร้าอย่างมาก
หญิงสาวดูภูมิใจ “นี่แหละที่เขาเรียกว่ากรรมตามสนอง”
เมื่อวานคุณเมินฉัน แต่วันนี้คุณไม่อาจเอื้อม
ไม่นานก็จะถึงตาของพวกเธอแล้ว
ทันทีที่หญิงสาวเข้าไปในเฮอรัล เธอตรงไปที่เซ็ตน้ำหอมกลิ่นไม้หอมทันที ซึ่งยังเหลืออยู่ขวดหนึ่งอยู่บนชั้น!
“ช่วยห่อให้หน่อยค่ะ”
พนักงานขายเข้ามาหา “คุณคะ ขอโทษด้วยค่ะ ขวดนี้เพิ่งขายไป เพราะลูกค้ากำลังจ่ายเงิน เราจึงยังไม่มีเวลาเอาของลงมา”
หลังจากพูดจบ เธอก็วางป้าย ‘หมด’ ในมือลงในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจน
ทันใดนั้นใบหน้าของหญิงสาวก็หม่นหมองลง “ทำไมกัน? ฉันอุตส่าห์รอคิวมาตั้งนาน”
อีกแค่นิดเดียวแท้ ๆ…
พนักงานขายขอโทษอย่างสูง “ขอโทษค่ะ คุณผู้หญิง ทำไมคุณไม่ลองดูเซ็ตอื่น ๆ ของเฮอรัลล่ะคะ?”
หญิงสาวทำหน้ามุ่ยอย่างไม่เต็มใจ “ไปทำงานของคุณเถอะค่ะ”
จากนั้นเธอก็หยิบขวดน้ำหอมขวดอื่น
ซูโย่วอี๋เรียกเธอให้หยุด “ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้อหรอก”
“เอาน่า แค่ให้กำลังใจโย่วโย่วก็พอแล้ว”
หลังจากจ่ายเงินแล้ว เธอออกมาพบกับซูโย่วอี๋ที่รออยู่นอกประตู ซึ่งมือของซูโย่วอี๋นั้นว่างเปล่า “เฮ้ เธอมาซื้อน้ำหอมไม่ใช่เหรอ?”
ซูโย่วอี๋รีบอธิบายว่า “ก็นะ ฉันไม่มีเงิน ฉันจึงไม่ควรซื้อของที่เกินกำลังหรอก”
หญิงสาวชำเลืองมองเธอ ก่อนแสดงความเห็นอกเห็นใจ “บอกฉันทีว่าทั้งที่เธอยังเด็กอยู่ ทำไมดูน่าสงสารแบบนี้?”
“นี่ เอาไป ฉันให้น้ำหอมขวดนี้”
หญิงสาวยัดถุงใส่น้ำหอมที่สวยงามไว้ในอ้อมแขนของซูโย่วอี๋โดยไม่พูดพร่ำใด ๆ “ฉันยืนนานจนขาเจ็บไปหมด แล้วก็หิวจะตายแล้วด้วย”
หญิงสาวกลอกตา “ฉันให้น้ำหอมเธอแล้ว เธอก็เลี้ยงข้าวเย็นฉันด้วยล่ะ”
ท้องของซูโย่วอี๋ร้องดังขึ้นอย่างได้จังหวะ
“ฮ่า ๆ ท้องของเธอให้คำตอบแล้วนะ”
พวกเธอไปกินข้าวกันที่ร้านสเต็ก ระหว่างรออาหาร ซูโย่วอี๋ก็ขอตัวไปห้องน้ำ
หญิงสาวชำเลืองมองเธอ 2-3 ครั้ง “เธอไม่อยากจ่ายสินะ?”
ซูโย่วอี๋ทำอะไรไม่ถูก “ฉันจะวางน้ำหอมไว้ตรงนี้ ตกลงไหม?”
ความเชื่อใจอยู่ที่ไหนกัน?
หญิงสาวโบกมือให้ “ไปแล้วกลับมาเร็ว ๆ ละกัน”
ซูโย่วอี๋ออกจากร้านอาหาร เธอหันกลับและเดินไปที่ร้านเฮอรัล
ตอนนี้ยังมีคิวยาวอยู่ แต่คราวนี้ซูโย่วอี๋ไม่ปฏิบัติตามกฎและตรงไปที่พนักงานขาย
เธอหยิบบัตร vvip ซึ่งประธานเฮอรัลส่งมาให้เธอเป็นการส่วนตัวในวันหลังจากการถ่ายทำออกมาจากกระเป๋า
นี่เป็นบัตรที่แสดงว่าเธอมีอำนาจซื้อสูงสุดในร้าน
พนักงานขายมองไปยังหญิงสาวที่สวมหน้ากากอย่างประหลาดใจ และเชิญเธอเข้าไปในห้องรับรองวีไอพีด้วยความเคารพ
จากนั้นผู้จัดการร้านก็เข้ามาอย่างรวดเร็ว “สวัสดีค่ะ คุณต้องการอะไรคะ?”
น้ำเสียงของซูโย่วอี๋นั้นแผ่วเบา “ฉันรู้ว่าคุณจะเก็บของพิเศษไว้ให้แขก vvip ฉันต้องการเซ็ตกลิ่นไม้หอมขวดหนึ่งค่ะ”
ผู้จัดการร้านประสานมือและยืนก้มศีรษะ เธอรู้สึกว่าเสียงของหญิงสาวคุ้นเคยมาก ผู้จัดการร้านรู้จักลูกค้าทุกคนที่มีบัตร vvip แต่ไม่คุ้นเคยกับหญิงสาวตรงหน้าเลยสักนิด
เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทไม่ได้ออกประกาศใด ๆ เกี่ยวกับลูกค้า vvip ใหม่
ถ้าอย่างนั้น ผู้หญิงคนนี้เก็บการ์ดใบนี้ได้หรือยืมมากันแน่
แต่การจะเป็นผู้จัดการร้านนั้นต้องมีเหตุผลอยู่ “คุณลูกค้าคะ เราเคยเจอที่ไหนรึเปล่าคะ?”
ซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้น แต่เธอไม่มีอยากชักช้า
“ฉันรีบอยู่ ช่วยรีบหน่อยค่ะ”
ผู้จัดการร้านส่งสัญญาณให้พนักงานแพ็คของ “จะสแกนรหัส รูดบัตร หรือจ่ายเป็นเงินสดดีคะ?”
ซูโย่วอี๋จ่ายเงินด้วยโทรศัพท์มือถือของเธอเสมอ “สแกนรหัสค่ะ”
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาและพบว่าแบตเตอรี่หมด
พอพูดไปแบบนั้นก็รู้สึกอายเล็กน้อย “มีที่ชาร์จไหมคะ?”
“ได้ค่ะ รอสักครู่ ฉันจะช่วยชาร์จให้คุณ คุณพักที่นี่สักพักก็ได้ค่ะ”
…
ผู้จัดการร้านชาร์จโทรศัพท์และถอดสายออกเมื่อเห็นแสงสว่างบนหน้าจอ เธอก้าวไปได้แค่สองก้าว เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น
ผู้จัดการร้านจึงออกไปบอกซูโย่วอี๋ทันที แต่พบว่าห้องวีไอพีว่างเปล่า
พนักงานบอกว่า “คุณผู้หญิงไปห้องน้ำแล้วค่ะ”
ผู้จัดการร้านกลับไปที่ห้องแต่งตัวและพบว่าโทรศัพท์ยังดังอยู่ เธอรับสายอย่างลังเล แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร เสียงที่ทุ้มต่ำก็ดังมาจากอีกด้านของปลายสาย
“[ซูโย่วอี๋ คุณอยู่ที่ไหน?]”
ผู้จัดการร้านอึ้งไปครู่หนึ่ง เธอคิดว่าเธอได้ยินผิด จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาดูหมายเลขผู้โทร
‘ลู่เฉิน’
ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงถึงรู้สึกคุ้น ๆ
นั่นคือพรีเซนเตอร์ของเธอ!
“[คุณได้ยินรึเปล่า?]”
ผู้จัดการร้านตอบอย่างรวดเร็วว่า “สวัสดีค่ะคุณลู่ ฉันเป็นผู้จัดการร้านขายน้ำหอมเฮอรัล ตอนนี้คุณซูกำลังซื้อของในร้านของเราและไม่สะดวกรับโทรศัพท์ ฉันจะบอกให้เธอโทรหาคุณกลับในภายหลังนะคะ”
ลู่เฉินขมวดคิ้ว “[ร้านไหน?]”
“สำนักงานใหญ่ค่ะ”
มันอยู่ห่างจากที่พักของเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ไปไม่กี่กิโลเมตร และใช้เวลาขับรถเพียงไม่กี่นาที
“[อย่าบอกว่าผมโทรไป รั้งเธอไว้แล้วรอจนกว่าผมจะไปถึง]”
ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้
ผู้จัดการร้านต้องการอธิบายว่าพวกเธอไม่มีสิทธิ์แทรกแซงสิทธิส่วนบุคคลของลูกค้า แต่ลู่เฉินก็วางสายไปเสียแล้ว
พนักงานร้านกำลังบรรจุน้ำหอมที่เตรียมจะส่งมอบให้ซูโย่วอี๋ แต่ผู้จัดการร้านก็โผล่มาจากไหนไม่รู้และหยุดเธอไว้
“วางเอาไว้ก่อนแล้วบอกว่าไม่มีของในสต็อก จำเป็นต้องรอขนส่งสินค้าจากร้านที่สอง”
เธอยังกังวลว่ามันจะใช้เวลานานเกินไปจนซูโย่วอี๋หมดความอดทนจะรอ “สินค้าที่จะมาส่งให้ใช้เวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น รอสักหน่อยได้ไหมคะ?”
และก็ได้ผล ซูโย่วอี๋ไม่ต้องการรอ แต่เมื่อได้ยินว่ามันจะมาส่งในอีกสิบนาที เธอก็จำยอมนั่งลงรออีกครั้ง
ผู้จัดการร้านมองดูพรีเซนเตอร์ของเธออย่างใจเย็น ท่าทีของเธอกระตือรือร้นขึ้นกว่าเดิมมาก
นี่คือเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งของเฮอรัล
เพราะหลังจากที่ซูโย่วอี๋มาเป็นพรีเซนเตอร์ของแบรนด์ ยอดขายของแบรนด์ก็เพิ่มขึ้น และเงินเดือนพวกเธอก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
พวกเธอเลยดูแลหญิงสาวอย่างดีโดยเปลี่ยนชาและนำผลไม้มาบริการอย่างให้เกียรติจนซูโย่วอี๋รู้สึกอาย
“ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ”
ไม่ใช่ว่าไม่อยากกิน เธอแค่ไม่อยากถูกจำได้หลังถอดหน้ากากออก
แต่ทันใดนั้นก็เกิดเรื่องวุ่นวายอยู่นอกประตู
“ว้าว หล่อจัง”
“เธอเสียสติไปแล้ว นี่คือประธานลู่ แฟนของไอดอลเธอนะ อย่าลืมสิ”
“ฮะ? จริงเหรอ?”
“มองแบบนี้แล้วช่างเหมาะสม สองคนนั้นเหมาะกันเกินไปแล้ว ทำไมพระเจ้าถึงไม่ยุติธรรม”
“ถ้าประธานลู่อยู่ที่นี่ แสดงว่าโย่วโย่วก็มาที่นี่ด้วยหรือเปล่า?”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ เป็นไปได้นะ”
“โย่วโย่วอยู่ที่นี่จริงเหรอ?”
“อ๊าย ๆ ๆ ถ้าจริง ฉันบ้าตายแน่”
ทุกคนมองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงง และพบว่าพวกเธอคิดมากไปเอง เพราะไม่มีใครเห็นโย่วโย่วเลย
และเมื่อเขาก้าวเข้ามาใกล้ ซูโย่วอี๋ก็คิดว่าเป็นคนมาส่งน้ำหอม
และพอหันกลับมา เธอก็เห็นร่างสูงของลู่เฉินเดินเข้ามา
ซูโย่วอี๋ต้องการที่จะถอยออกห่าง แต่กลับถูกลู่เฉินคว้าไว้ “ซูโย่วอี๋ ผมเป็นห่วงคุณมาก รู้ไหม”
ผมของเขายุ่งเหยิง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศไม่ค่อยดีนัก ผู้จัดการร้านจึงก้าวไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม “คุณซูคะ น้ำหอมของคุณห่อเรียบร้อยแล้วค่ะ”
ซูโย่วอี๋จะมองไม่ออกได้อย่างไร ทางร้านเปิดเผยที่อยู่ของเธอสินะ
หลังจากได้รับน้ำหอมแล้ว เธอก็เดินออกไปโดยไม่สนใจใครทั้งนั้นและลู่เฉินก็เดินตามมาติด ๆ
เมื่อทั้งคู่ลับตาไปแล้ว พนักงานก็พึมพำเสียงเบาว่า “ผู้จัดการร้านคะ พวกเขาไม่ได้จ่ายเงิน”
ผู้จัดการร้านเงียบ
จะไปต้องการเงินค่าน้ำหอมอะไรจากพรีเซนเตอร์ของคุณเอง?
พอลูกค้าที่เพิ่งเดินไปรอบ ๆ ร้านเห็นลู่เฉินและผู้หญิงคนหนึ่ง จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูป
หลังจากซูมเข้าไป ก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น “นั่นโย่วโย่วรึเปล่า?”
“ตาก็ดูคล้าย ๆ นะ”
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน นอกจากโย่วโย่วแล้ว มีใครอีกบ้างที่ยืนข้างลู่เฉินได้?”
คนกลุ่มหนึ่งจ้องมองและออกไปนอกร้าน พลางมองไปรอบ ๆ
“เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้อยู่เลย นี่พวกเขาหายไปไหนแล้วล่ะ?”
“ฉันผิดเอง พระเจ้าอุตส่าห์ส่งเธอมาหาฉัน แต่ฉันกลับไม่รักษามันไว้ ถ้ามีโอกาสอีกครั้ง ฉันจะกระโจนใส่เธอและพูดว่า โย่วโย่ว ฉันรักเธอ”
ที่ทางออก
ลู่เฉินจับมือของซูโย่วอี๋ไว้แน่นเพื่อกันไม่ให้เธอหนีไป
ทั้งสองยืนประจันหน้าใกล้กันจนลมหายใจติดขัด
ก่อนหน้านี้ ซูโย่วอี๋ไม่คิดว่าเธอสามารถจัดการมันได้ แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
“ปล่อยฉันนะ” น้ำเสียงของเธอดูหงุดหงิด ราวกับว่าเธอไม่สนใจทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
“เพื่อนของฉันรออยู่”
หลังจากพูดจบ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะคิดยังไง เธอก็ถอนมือออกมา
และหันหลังให้เขาอย่างเย็นชา
ทันใดนั้น ลู่เฉินก็ทนไม่ได้อีกต่อไป เข้าไปโอบคนตรงหน้าที่ทำให้เขากังวลและทำอะไรไม่ถูกไว้แน่น “คุณจะไปไหนอีก?”
“คุณไม่ต้องมาสนใจ”
“คุณนี่รู้วิธียั่วโมโหผมจริง ๆ” ลู่เฉินแทบจะกัดฟันพูด
แต่น้ำเสียงของซูโย่วอี๋นั้นเย็นชา “อย่ามาพูดเหมือนฉันเป็นเด็กนะ ถ้าเรื่องของอวิ๋นเหมี่ยวคุณยังแก้ไม่ได้ ก็ให้มันเป็นแบบนี้แหละ”
แล้วทั้งสองก็เงียบอีกครั้ง
“โย่วอี๋ เชื่อผมเถอะ”
ลมหายใจอุ่น ๆ พ่นใส่หูของซูโย่วอี๋ ราวกับมีกระแสไฟฟ้ากระจายไปทั่วร่าง
“ผมไม่ได้รักเธอแล้ว เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้มีแต่ความมั่นใจในตัวเองและความอวดดีของผมเท่านั้นที่ผมไม่สามารถปล่อยวางได้”
“ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว”
“ผมตามหาคุณมาทั้งวัน”
เมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่กระซิบข้างหู หัวใจของซูโย่วอี๋ก็โอนอ่อนลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพียงแต่เธอยังทำหน้าเรียบเฉย “ฉันมีเรื่องต้องทำจริง ๆ”