บทที่ 279 หลีกไปไป๋เยี่ย ผมจะทำเอง!

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 279 หลีกไปไป๋เยี่ย ผมจะทำเอง!

ท่าทางที่ไป๋เยี่ยขยำกระดาษแผ่นนั้นเตรียมที่จะทิ้งมันไป ทำให้อาคามอสและโยฮันถึงกับผวา

หยุดเขาเถอะ!

ไป๋เยี่ยชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองทั้งสองคน “นี่…ศาสตราจารย์อาคามอสกำลังทำอะไรอยู่เหรอครับ”

อาคามอสมองไป๋เยี่ยด้วยสีหน้าหวาดผวาพร้อมกับดึงกระดาษแผ่นนั้นออกมาจากมือไป๋เยี่ย “ม…หมอไป๋ รู้ไหมว่านี่คืออะไร คุณรู้ไหมว่าความรู้บนกระดาษแผ่นนี้มีค่ามากแค่ไหน คุณจะทิ้งมันไปไม่ได้!”

ไป๋เยี่ยงุนงง “น…นี่เป็นแบบร่างที่ผมใช้ในการบรรยายเมื่อคืนครับ”

บรรยายอะไร แบบร่างอะไรกัน

ทั้งสองได้ยินดังนั้นก็นิ่งไป ที่แท้นี่ก็เป็นสิ่งที่ไป๋เยี่ยเขียนขึ้นมาและตั้งใจจะนำไปสอนผู้อื่น พอคิดได้เช่นนั้นแล้ว…

อาคามอสและโยฮันมองหน้ากัน ในแววตาของพวกเขาต่างปรากฏแสงอันริบหรี่ อาคามอสจึงคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกและถามอย่างคาดหวัง “คุณคิดทุกอย่างเองเหรอครับ”

ไป๋เยี่ยพยักหน้า

อาคามอสได้ยินดังนั้นก็เบิกบานใจและยิ่งคาดหวังในตัวไป๋เยี่ย ไป๋เยี่ยนี่เก่งจริงๆ สิ่งที่เขาสอนคนอื่นนั้นล้ำกว่าความรู้ที่เรามีอีก ถ้างั้นต่อจากนี้ไป…

เมื่ออาคามอสลองคิดถึงความเป็นไปได้ในอนาคตอันไร้ขอบเขตนั้น เขาก็แทบอดใจไม่ไหว จึงพูดกับไป๋เยี่ย “ศ…ศาสตราจารย์ไป๋ แบ่งงานให้พวกผมเถอะ ทั้งทีมผมมีประมาณห้าสิบห้าคน ทั้งหมดนี้เป็นคนมีความสามารถทั้งนั้น มีทั้งอาจารย์ที่ปรึกษาปริญญาเอก ไหนจะบรรดาผู้เชี่ยวชาญอีกตั้งสิบเอ็ดคน…แบ่งงานให้พวกผมเถอะครับ”

โยฮันพยักหน้าตามอย่างลนลาน “ใช่แล้ว อาจารย์ไป๋ คุณขาดผู้ช่วยหรือตำแหน่งไหนไหม ผมถนัดเรื่องการปฐมพยาบาลมาก ผมขอแนะนำตัวอีกครั้งแล้วกันนะ ผมชื่อโยฮัน ทราวิส เป็นรองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งมหาวิทยาลัยไฮเซนเบิร์ก…และที่สำคัญผมถนัดเรื่องการเป็นผู้ช่วยมาก ผมทำงานพวกนี้ให้คุณอาคามอสอยู่แล้วครับ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็เรียกผมได้เลยนะ แล้วต่อไปเรียกผมว่าโยฮันเฉยๆ ก็ได้ ไม่ต้องเรียกศาสตราจารย์โยฮันหรอกครับ”

โยฮันพูดจายาวเหยียดโดยไม่ติดอ่างเลยสักนิด ทำเอาอาคามอสที่ยืนอยู่ข้างๆ ตะลึงไปด้วย ชักจะเกินไปแล้ว!

อาคามอสจึงขัดจังหวะทันที “ไม่ได้ครับ คุณโยฮัน คุณสำคัญต่อโครงการของเรามาก ตามหลัดแล้วคุณก็คือผู้นำทีมวิจัย งานของเราครั้งนี้ไม่เบาเลย คุณจะประมาทไม่ได้นะครับ! เอาแบบนี้แล้วกัน ศาสตราจารย์ไป๋ ในฐานะที่ผมเป็นหัวหน้าทีมของคุณโยฮัน ผมคิดว่าผมควรจะทำงานกับคุณมากกว่า เราจะได้สื่อสารและประสานงานกันได้ แบบนี้น่าจะดีกว่าคุณว่าไหม”

ไป๋เยี่ยพยักหน้า “ได้ครับ ถ้างั้นก็เอาตามที่คุณว่าเลยครับ ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะทำงานวิจัยเกี่ยวกับเคสกระดูกหักพิเศษ แต่ผมก็ยังขาดผู้เชี่ยวชาญอยู่ ยังไงคุณก็เป็นมืออาชีพระดับนานาชาติ ผมคิดว่าคุณเหมาะสมกับงานนี้นะครับ คุณดูมีความสามารถทั้งด้านการปฐมพยาบาลและด้านการทำวิจัย แต่เอาจริงๆ ผมก็ไม่ต้องการผู้ช่วย…”

อาคามอสแทรก “ไม่ ไม่ ไม่! ศาสตราจารย์ไป๋ คุณก็เห็นว่าแต่ละวันคุณยุ่งมากแค่ไหน แถมคุณยังต้องลงมือผ่าตัดเองด้วย ถ้างั้นต่อไปผมจะเป็นลูกมือช่วยคุณผ่าตัดเอง คุณจะได้พักผ่อนบ้าง”

ไป๋เยี่ยครุ่นคิด ทว่าเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธอีกฝ่ายไป เพราะว่าเขาเองก็รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย เขาผ่าตัดเคสยากๆ เหล่านั้นคนเดียวจนหัวหมุนแล้ว การมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยสักคนก็ถือเป็นเรื่องที่ดี

“ครับ ถ้างั้นก็รบกวนศาสตราจารย์อาคามอสแล้ว แต่ว่า…จากนี้ไปเรียกผมว่าไป๋เยี่ยก็พอแล้วครับ”

เมื่ออาคามอสเห็นว่าไป๋เยี่ยตอบตกลงก็หัวเราะอย่างมีความสุข เขาไม่สนใจว่าไป๋เยี่ยจะให้เรียกตนเองว่าอย่างไร แค่ได้เรียกว่าอาจารย์ไป๋ก็พอแล้ว!

โยฮันถอนหายใจอย่างจนมุมพลางเหลือบมองอาคามอสอย่างขุ่นเคือง จากนั้นก็หันกลับออกไปทำงานของเขาต่อ

การเข้าร่วมของทั้งสองคนได้ยกระดับการรักษาขึ้นอีกขั้นหนึ่ง

ไป๋เยี่ยรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นจริงๆ สมแล้วที่อาคามอสจะเป็นผู้นำทีมกู้ภัยขององค์การอนามัยโลก เขาเปี่ยมด้วยทักษะทางวิชาชีพและประสบการณ์ จนไป๋เยี่ยถึงกับต้องชื่นชมความสามารถของเขาในการแก้ไขปัญหาฉุกเฉิน

ทว่าเทียบกับความประหลาดใจของไป๋เยี่ยที่มีต่ออาคามอสแล้ว อีกฝ่ายดูจะมองไป๋เยี่ยเป็นดั่งไอดอลมากกว่า

เพราะว่าไป๋เยี่ยคิดค้นวิธีการรักษาที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพและรวดเร็วที่สุด และที่สำคัญ วิธีการของไป๋เยี่ยแตกต่างออกไปจากแนวปฏิบัติด้านการวิจัยเวชศาสตร์ฉุกเฉินสมัยใหม่ ทำเอาอาคามอสถึงกับคิดว่าไป๋เยี่ยคงมีคู่มือการแพทย์ฉุกเฉินสมัยใหม่ฝังอยู่ในหัวเขา ซึ่งแนวทางที่เขาใช้นั้นก็ล้ำหน้าไปมากด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น คำแนะนำของไป๋เยี่ยยังจุดประกายความคิดมากมายให้กับเขาด้วย

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แผ่นดินไหวเริ่มสงบลงแล้ว จึงมีนักข่าวจำนวนเดินทางมาที่เมียนมา

การมาเยือนของนักข่าวไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับที่นี่ อย่างน้อยก็ได้ฉายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทั่วโลกได้เห็นบรรดาผู้คนที่ประสบภัยพิบัติในเมียนมา

นี่อาจนำไปสู่การบริจาคและการลงทุนมากมาย ซึ่งย่อมเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้ประสบภัย

และเมื่อไม่กี่วันก่อน ทางเทศบาลก็ได้กำหนดให้ฐานรักษาพยาบาลของไป๋เยี่ยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ ทั้งยังติดตั้งเสาส่งสัญญาณขึ้นมาใหม่และค่อยๆ นำระบบไฟฟ้าเข้ามา

นี่ถือเป็นศักยภาพในการฟื้นฟูเมืองที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังอย่างหนึ่ง

ในที่สุดไป๋เยี่ยก็มีโอกาสได้บอกครอบครัวเขาว่าตัวเขาเองปลอดภัยดีและได้ฉลองตรุษจีนอย่างมีความสุข

น่าเสียดายที่ไป๋เยี่ยพูดเยอะกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะทันทีที่เขารับสาย หูไฉ่อวิ๋นก็ปล่อยโฮทันที เขาไม่อยากพูดอะไรมากจึงได้แต่ปลอบใจผู้เป็นแม่และวางสายไป

ช่วงนี้อาคามอสรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยของไป๋เยี่ยอย่างเต็มใจ เขาทำได้แทบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเสิร์ฟชา รินน้ำ ส่งมีดผ่าตัด ถือกระเป๋า หยิบปากกาหรือแม้กระทั่งหยิบเสื้อกาวน์

สิ่งนี้ทำให้อาจารย์และแพทย์มหาวิทยาลัยไฮเซนเบิร์กและมหาวิทยาลัยมิวนิคไม่ค่อยพอใจนัก ไหงศาสตราอาคามอสผู้ยิ่งใหญ่ของเราถึงมาทำงานเป็นผู้ช่วยแบบนี้ล่ะ

ชักจะดูถูกกันไปแล้วนะ!

“เกินไปแล้ว! ไป๋เยี่ยทำเกินไปจริงๆ เราทนเห็นเขาไปมัวเสิร์ฟชารินน้ำให้คุณไม่ได้หรอกนะ!” ศาสตราจารย์คนหนึ่งเอ่ยเสียงต่ำ

ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งเองก็เห็นพ้องด้วย “ใช่แล้ว แค่แบ่งงานเอง แต่นี่ศาสตราจารย์ไป๋ทำเกินไปแล้ว ศาสตราจารย์อาคามอสมีชื่อเสียงระดับนานาชาติ คุณปล่อยให้เขาทำงานแบบนั้นได้ยังไง ให้ผมไปทำยังดีซะกว่า!”

“พอเถอะครับ พวกคุณทุกคนเป็นศาสตราจารย์นะ จะมาทำงานพื้นๆ แบบนี้ไม่ได้ ปล่อยให้พวกนักศึกษาอย่างเราเป็นคนทำดีกว่า…”

“เด็กๆ อาจารย์ควรทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว พวกคุณคือเสาหลักด้านการแพทย์ของโลกใบนี้ คุณจะมาทำเรื่องเหล่านี้ได้ไง” โยฮันเหลือบมองอาคามอสที่บัดนี้กลายเป็นคนถือกระเป๋าให้ไป๋เยี่ยด้วยความอิจฉาพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง

ทุกวันนี้พวกเขายิ่งตระหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าแท้จริงแล้วไป๋เยี่ยแข็งแกร่งและน่ากลัวเพียงใด ทว่าสิ่งที่ไป๋เยี่ยมีอยู่ในมือกลับมีเพียงอนาคตของตัวเขาเองเท่านั้น!

ตราบใดที่ได้เข้าใกล้ไป๋เยี่ย คุณก็จะได้รับความรู้ไปด้วย!

เพราะว่าไป๋เยี่ยคือคลังความรู้!

ในสายตาของพวกเขา ไป๋เยี่ยก็เปรียบเสมือนวารสารและสิทธิบัตรนั่นเอง!