บทที่ 228 ไล่ไม่ไป

บทที่ 228 ไล่ไม่ไป

เสื้อของชายผู้นั้นมีรูที่หน้าอก ในตอนแรกกู้เสี่ยวหวานเข้าใจว่าคนผู้นี้โดนแทงมาอีกแล้ว แต่เมื่อมองดูดี ๆ รอยดำบนเสื้อผ้านั้นเป็นเหมือนกับครั้งนั้น รูที่หน้าอกก็เหมือนกับครั้งนั้น บนเสื้อผ้าไม่มีรอยเลือด ดูจากท่าทางของเขาแล้วก็ไม่เหมือนกับคนที่บาดเจ็บสักเท่าไร ดูเหมือนว่าคนผู้นี้คงสวมเสื้อผ้าชุดเดิมเหมือนในครั้งนั้น บนเสื้อผ้ามีความสกปรกและเขาก็ดูเหนื่อยเล็กน้อยราวกับว่าเขาเดินทางมาไกล

กู้เสี่ยวหวานตกใจและจ้องมองชายผู้นี้อย่างระมัดระวัง เขาบอกว่าทำได้เพียงอยู่รับใช้เป็นวัวเป็นม้าเพื่อตอบแทน เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปากของชายผู้ชั่วร้าย อย่างไรก็รู้สึกเหมือนเป็นกับดัก

กู้เสี่ยวหวานจ้องมองเขาราวกับว่านางรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

เมื่อฉินเย่จือเผชิญกับคำถามและการสังเกตอย่างระมัดระวังของกู้เสี่ยวหวาน เขาก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด กลับกันเขากลับดูเป็นธรรมชาติและมองกลับไปที่กู้เสี่ยวหวาน

ดวงตาเรียวยาวของเขาแสดงถึงความเศร้าหมอง ทำให้ผู้คนที่พบเห็นรู้สึกสะเทือนใจ

แต่คนผู้นี้อันตรายเช่นไร กู้เสี่ยวหวานรู้ดี

เขาเคยมองตนเช่นไรนางยังคงจำความรู้สึกหวาดกลัวนั้นได้ดี ในตอนนั้นคนผู้นี้ต้องการจะฆ่าตนเองจริง ๆ ท่าทางที่เปลี่ยนไปของเขานั้นน่ากลัวเกินไป กู้เสี่ยวหวานไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อในชีวิตนางไม่สามารถแค่ฟังคำพูดว่าจะตอบแทนของเขาแล้วเชื่อในความงดงาม และเชื่อในตัวเขาได้!

“เจ้า เจ้ามาทำอะไร?” กู้เสี่ยวหวานจ้องไปที่ฉินเย่จือและถามอย่างระมัดระวังตัว

“คราวที่แล้ว ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตข้าเอาไว้ แต่ข้ายังไม่ได้ทดแทนบุญคุณเลย!” ฉินเย่จือแสร้งทำเป็นน่าสงสารและกล่าว “ข้าเป็นเด็กกำพร้า อยู่ตัวคนเดียว เดิมทีครั้งนั้นข้าควรจะตายไปแล้ว แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากแม่นาง ครานั้นข้าต้องการที่จะแสวงหาความตาย แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าแม่นางช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ถ้าข้าตายไปเช่นนี้ ข้าจะตอบแทนแม่นางได้อย่างไร ข้าจึงคิดว่าจะมาเพื่อตอบแทนแม่นาง”

“ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าตอบแทนอะไรแก่ข้า!” กู้เสี่ยวหวานขัดจังหวะคำพูดของฉินเย่จือและปฏิเสธอย่างรวดเร็ว เมื่อสักครู่ที่ชายผู้นั้นกำลังพูด นางลอบมองเขาอยู่สักพักแล้ว

คนผู้นี้ไม่มีท่าทางโหดเหี้ยมเหมือนครั้งแรกที่เคยพบกัน เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ก็เป็นเหมือนครั้งสุดท้ายที่เจอกัน เสื้อผ้าตรงอกมีรูขนาดใหญ่ที่ไม่ได้ยังเย็บ รูนั้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ

ท่าทางของเขาดูอ่อนเพลียและดูเหมือนว่าจะเดินทางมาไกล รองเท้าของเขาเต็มไปด้วยดินโคลน และชายเสื้อก็เปื้อนโคลนเช่นกัน ดูเหมือนว่าช่วงนี้คนผู้นี้คงจะมีช่วงชีวิตที่ย่ำแย่

แม้ไม่รู้ว่าทำไมคนผู้นี้ถึงมาตอบแทนบุญคุณ แต่จากมุมมองตอนนี้ คนผู้นี้ราวกับว่าเขาหมดหนทางและจะมาพึ่งพานางแทน

“แม่นาง” เมื่อฉินเย่จือเห็นการปฏิเสธของกู้เสี่ยวหวานก็หน้าเปลี่ยนสี ราวกับว่าคำพูดของกู้เสี่ยวหวานกำลังทำร้ายเขา “ข้าไม่มีที่ไป ไม่มีญาติ ไม่มีเพื่อน ในวันนี้แม้แต่ข้าวสักมื้อก็ยังไม่ได้กินเลย” เขากล่าวอย่างน่าสงสาร ด้วยท่าทีเช่นนี้ แม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกเหมือนตนเองเป็นขอทาน ไม่มีบ้านให้กลับและไร้หนทางจริง ๆ

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นท่าทีที่น่าสงสารของเขาก็รู้สึกเห็นใจ

“แผลของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” กู้เสี่ยวหวานถามด้วยความเป็นห่วง “ครั้งที่แล้วเจ้าจากไปอย่างกะทันหันและอาการบาดเจ็บของเจ้าก็ยังไม่หายดี!”

ฉินเย่จือดีใจมากและกล่าวอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณแม่นางที่ยังจำเรื่องนี้ได้ มันใกล้จะหายดีแล้ว”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “เป็นเช่นนั้นก็ดีแล้ว” เมื่อกล่าวจบ กู้เสี่ยวหวานก็เดินกลับไปในบ้าน

ฉินเย่จือไม่รู้ว่านี่หมายความว่าอย่างไร จึงรออยู่ที่หน้าประตูบ้าน ผ่านไปไม่นานกู้เสี่ยวหวานก็ออกมาอีกครั้ง ในมือของนางถือสิ่งของบางอย่างมาและเดินมาถึงหน้าเขา เฮ้อ คนผู้นี้สูงเกินไป กู้เสี่ยวหวานสูงแค่เพียงอกของเขาเท่านั้น

กู้เสี่ยวหวานยื่นของในมือของนางให้กับคนผู้นั้น “นี่ ข้าให้!”

ฉินเย่จือตกตะลึงและรับมาโดยไม่ได้คิดอะไร “ของอะไรกัน?” เมื่อเขาเปิดดูก็พบว่าในนั้นมีเงินอยู่สองสามตำลึงเงิน ฉินเย่จือประหลาดใจ เขามองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างตกตะลึง “แม่นางหมายความว่าอย่างไร?”

เมื่อเห็นว่าคนผู้นั้นรับเงินแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ถอยกลับไปสองสามก้าวแล้วกล่าวว่า “ข้าช่วยชีวิตเจ้า ไม่ใช่เพราะต้องการให้เจ้ามาตอบแทน ตอนนี้เจ้าดีขึ้นแล้วก็ไปเสียเถอะ ข้าไม่ต้องการให้เจ้าตอบแทน! นี่คือเงินสองสามตำลึงเงิน เจ้าไปในเมืองไปซื้อเสื้อผ้าสะอาดใส่ แล้วก็หางานทำ เจ้ายังหนุ่มและแข็งแรง แน่นอนว่าต้องมีงานให้ทำอีกมาก”

ในตอนนั้นฉินเย่จือก็เข้าใจได้ว่า แม่นางผู้นี้คิดว่าเขาต้องการเงิน

ฉินเย่จือยื่นเงินกลับไปให้กู้เสี่ยวหวาน “ข้าไม่ได้ต้องการเงิน วันนี้ข้าไม่มีบ้านให้กลับ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็เหมือนกันหมด แม่นางได้โปรดรับข้าไว้เถิด ข้าสามารถทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าอะไรก็ทำได้”

กู้เสี่ยวหวานส่ายศีรษะและยังคงปฏิเสธ “เจ้าไปเถอะ ข้าไม่ต้องการการตอบแทนของเจ้าจริง ๆ”

“แต่แม่นาง ข้า…” นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเย่จือรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ มีผู้หญิงหลายคนมาปรนนิบัติเขา แต่เขาไม่ต้องการ ตอนนี้เขาต้องลดตัวมากล่าวกับแม่นางผู้หนึ่งว่าต้องการตอบแทนบุญคุณ แต่แม่นางผู้นั้นกลับปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย

เมื่อได้ยินคำพูดของคนผู้นี้ กู้เสี่ยวหวานก็ขมวดคิ้ว คนผู้นี้จะดื้อรั้นที่จะตอบแทนบุญคุณอะไรเช่นนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่กู้เสี่ยวหวานได้ยิน

สถานะของคนผู้นี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แต่การที่เขาต้องการมาตอบแทนบุญคุณเช่นนี้ แท้จริงแล้วเขามีเป้าหมายอะไรกันแน่ ครอบครัวของนางทั้งจนและอ่อนแอ คนผู้นี้คงไม่ได้มาเพราะเรื่องเงินอย่างแน่นอน แล้วเขามาเพื่ออะไรกันแน่ กู้เสี่ยวหวานมองไม่ออกและไม่ต้องการที่จะมองออกด้วย

คนผู้นี้มีเสน่ห์เกินไป การให้เขาอยู่ที่บ้านมันก็เหมือนเป็นหายนะเพราะเขาจะดึงดูดสายตาของผู้อื่น ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงไม่ต้องการที่จะเก็บเขาไว้เลย

เมื่อเห็นท่าทีที่เฉียบขาดของกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือก็รู้ได้ว่าวันนี้แม่นางน้อยผู้นี้คงจะไม่ยอมรับเขาอย่างแน่นอน

เขาจึงรีบตีหน้าเศร้าทันที “แม่นาง ข้าไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว บ้านของเจ้ามีอะไรให้กินหรือไม่?”

กู้เสี่ยวหวานเป็นคนใจอ่อน นางดูดีและเต็มไปด้วยข้อดี ทันทีที่เขาแสดงความอ่อนแอ นางก็แสดงความเห็นใจทันที “เจ้ารอสักครู่ ข้ายังไม่ได้ทำอาหารเช้าเลย”

เมื่อฉินเย่จือได้ยินก็รีบตอบรับทันที จากนั้นกู้เสี่ยวหวานก็เข้าไปในห้องครัว แต่ฉินเย่จือก็ไม่ได้ตามเข้าไปด้วย เขาเดินเตร่อยู่ในลานบ้านสักพัก แล้วก็ออกไป

เมื่อกู้เสี่ยวหวานออกมาและไม่เห็นคนผู้นั้น ก็คิดว่าเขาคงจากไปแล้ว นางจึงรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก

เมื่อกู้เสี่ยวหวานทำอาหารเช้าเสร็จก็เรียกพวกกู้หนิงผิงมาทานข้าว ในเวลานั้นฉินเย่จือก็กลับมาพร้อมกับแบกฟืนไว้เต็มหลัง

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ฉินเย่จือกลับมาแบบนี้มีจุดประสงค์แอบแฝงอะไรกันแน่นะ

ไหหม่า(海馬)