ตอนที่ 304 เพื่อนร่วมห้อง (1)
ตอนที่ 304 เพื่อนร่วมห้อง (1)
ฉินมู่หลานมองดูประตูมหาวิทยาลัยอันสง่างามตรงหน้า จากนั้นเดินเข้าไปพร้อมรอยยิ้ม
ทันทีที่เดินเข้าไปก็เห็นขั้นตอนการรายงานตัวทั้งหมดอยู่ตรงหน้า เธอจึงเดินไปรายงานตัวตามขั้นตอนข้างต้น หลังจากนั้นไปรับของใช้ของหอพักและไปยังอาคารหอพักตามหมายเลขหอพักข้างต้น
ตอนแรกเธอกรอกข้อมูลว่าต้องการหอพัก เพื่อที่หากช่วงบ่ายไม่กลับไปก็สามารถนอนพักอยู่ภายในหอพักได้
ฉินมู่หลานพบหอพัก201และเดินตรงเข้าไป อย่างไรก็ตามเธอพบว่าภายในนั้นมีคนอยู่แล้ว คนผู้นั้นถักผมเปียสองข้าง สีผิวเข้มเล็กน้อย แต่หน้าตาดีและรอยยิ้มสดใส
“สวัสดี เธอเองก็อยู่หอพักนี้ใช่ไหม ฉันชื่อเหมาชุนเถา คณะวรรณกรรม เธอล่ะ?”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น หล่อนยิ้มและเอ่ยเช่นเดียวกัน “สวัสดี ฉันชื่อฉินมู่หลาน คณะแพทย์”
เหมาชุนเถาเห็นฉินมู่หลานถือสิ่งของมามากมาย หล่อนรีบเดินเข้ามาช่วย “ไม่อย่างนั้นให้ฉันช่วยเธอปูที่นอนไหม”
ฉินมู่หลานได้ยินคำพูดนั้นพลันรีบส่ายศีรษะและกล่าว “ไม่ต้องหรอกชุนเถา ฉันจัดการเองได้ เธอช่วยฉันนำสิ่งของไปวางไว้บนเตียงเถอะ”
เมื่อครู่เธอเดินเข้ามาก็มองเห็นรอบข้างทั้งหมดและพบว่าเตียงของตนเองนั้นอยู่ชั้นบนติดกับประตู ดังนั้นเธอจึงวางสิ่งของลง
เหมาชุนเถาเห็นสถานการณ์นี้ หล่อนก็วางสิ่งของลงเช่นกัน จากนั้นเอ่ยถามอีกครั้ง “ไม่ต้องช่วยจริงๆเหรอ?”
หล่อนเห็นว่าท่าทางของฉินมู่หลานดูไม่เหมือนกับคนที่ทำงานเป็นเท่าไรนัก
ขณะนี้ฉินมู่หลานได้ปีนขึ้นไปแล้ว เธอยิ้มพลางมองเหมาชุนเถาพร้อมกับเอ่ย “ไม่ต้องจริงๆ อีกเดี๋ยวฉันก็เสร็จแล้ว”
ขณะกล่าวก็จัดการด้วยความรวดเร็ว
เหมาชุนเถาเห็นท่าทางฉินมู่หลานจัดเตียงแล้วพลันอึ้งไป คาดไม่ถึงว่าผู้คนไม่ควรถูกตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก เพื่อนร่วมห้องคนนี้ทำงานบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก
ขณะฉินมู่หลานปูเตียงนอน ก็มีคนเดินเข้ามา
คนที่มานั้นเป็นผู้หญิงสวยน่ารักและมีเสน่ห์ ท่าทางสง่างามนั้นราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดทิวทัศน์แห่งเจียงหนานอย่างไรอย่างนั้น
เหมาชุนเถาจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้างและรีบเอ่ยทักทาย “สวัสดี ฉันชื่อเหมาชุนเถา คณะวรรณกรรม เธอเองก็อยู่หอเดียวกับพวกเราเหรอ?”
“สวัสดี ฉันชื่อฉือหยวนฝู คณะวรรณกรรมเหมือนกัน”
ข้างกายฉือหยวนฝูนั้นคือพ่อและแม่ของหล่อน ขณะนี้ทั้งสองคนพยักหน้าและทักทายเหมาชุนเถา หลังจากนั้นมองฉินมู่หลาน
ฉินมู่หลานหยุดการกระทำและเอ่ย “คุณลุงคุณป้า สวัสดีค่ะ ฉันชื่อฉินมู่หลาน คณะแพทย์ค่ะ”
“สวัสดี”
หลังจากพ่อและแม่ของฉือหยวนฝูกล่าวทักทายฉินมู่หลาน พวกเขาก็เริ่มช่วยฉือหยวนฝูปูที่นอนและเก็บสัมภาระ ทั้งสองคนจัดการอย่างรวดเร็ว จัดการปูเตียงและเก็บของของฉือหยวนฝูอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ฉือหยวนฝูนั่งลงด้านข้างอย่างเรียบร้อยพลางหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมา
ฉินมู่หลานพลันชำเลืองมองและไม่ได้สนใจมากนัก สนใจเพียงแค่การปูเตียงของตนเองเท่านั้น
ไม่นานนัก หอพักมีหญิงสาวสวยสีหน้าเย็นชาคนหนึ่งเข้ามา หล่อนมาเพียงลำพัง เมื่อเดินเข้ามาภายในหอพักก็ไม่ได้เอ่ยทักทายใคร เพียงแค่หาเตียงนอนของตนเองและวางสิ่งของลงบนนั้นและบังเอิญว่าหล่อนนอนเตียงด้านล่างของฉินมู่หลาน
ขณะนี้ฉินมู่หลานปูเตียงนอนของตนเองเสร็จแล้ว จากนั้นปีนป่ายลงมาอย่างเชื่องช้าและเห็นว่าเพื่อนร่วมหอที่นอนชั้นล่างนั้นจ้องมองเตียงโดยไม่ขยับเขยื้อน ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดเรื่องใหญ่บางอย่างอยู่ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบ ฉินมู่หลานก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร
ยังคงเป็นเหมาชุนเถาที่เดินเข้ามาพลางเอ่ยถาม “เพื่อนร่วมห้อง เธอเป็นเพื่อนร่วมหอพักของพวกเราใช่ไหม เธอต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า?”
หลังจากได้ยินคำพูดนั้น สาวงามหน้าตาเย็นชาก็หันมองเหมาชุนเถา คำพูดแรกของหล่อนหลังจากเข้ามาภายในหอพัก “ฉันปูเตียงนอนไม่เป็น”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหมาชุนเถาก็รีบเอ่ย “งั้นฉันช่วยเธอเอง”
อันที่จริงเมื่อมองดูรูปลักษณ์ของเพื่อนร่วมหอพักคนนี้ก็รู้สึกว่าหล่อนไม่สามารถทำเรื่องเหล่านี้ได้ แต่พอมีตัวอย่างของฉินมู่หลาน เหมาชุนเถาจึงไม่กล้าตัดสินตามใจต้องการ เมื่อได้ยินประโยคนี้ หล่อนพลันก้าวไปด้านหน้าและช่วยเหลือ
“ได้ ขอบคุณ”
เหมาชุนเถาช่วยปูเตียงด้วยความว่องไว ขณะเดียวกันก็หันศีรษะมองคนสวยเย็นชาและเอ่ย “เพื่อนร่วมห้อง ฉันชื่อเหมาชุนเถา หล่อนชื่อฉินมู่หลาน คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงนั้นชื่อฉือหยวนฝู เธอชื่ออะไรเหรอ?”
เหมาชุนเถาแนะนำเพื่อนภายในหอพัก จากนั้นรอให้เพื่อนร่วมหอพักคนใหม่แนะนำตนเอง
อย่างไรก็ตามเพื่อนร่วมหอพักคนใหม่กลับจ้องมองฉินมู่หลานและเอ่ย “เธอคือฉินมู่หลานเหรอ?”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นพลันชำเลืองมองหล่อนด้วยความสงสัยและเอ่ย “เธอรู้จักฉันเหรอ? แต่ฉันไม่เคยพบเธอมาก่อนเลย”
“วันนี้พวกเราเพิ่งพบกันครั้งแรก แต่ฉันรู้จักเธอ” ขณะกล่าว เธอเหยียดมือไปทางฉินมู่หลานและเอ่ย “สวัสดี หมอฉิน ฉันชื่อเซี่ยปิงหรุ่ย”
เมื่อได้ยินคำเรียกนี้ ฉินมู่หลานเลิกคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้ เธอเองก็เหยียดมือออกไปเช่นกันและเอ่ย “เรียกฉันว่ามู่หลานก็พอ ฉันเป็นเพียงแค่นักศึกษาใหม่ที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ใช่หมอหรอก”
เห็นฉินมู่หลานกล่าวเช่นนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยเองก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก เดิมทีหล่อนยังคิดอยากจะเอ่ยถามบางอย่างกับฉินมู่หลาน แต่เมื่อเห็นท่าทางนี้ของอีกฝ่ายก็รับรู้ได้ว่าฉินมู่หลานไม่อยากสนทนาเรื่องเหล่านี้เท่าไรนัก
เหมาชุนเถากลับมองเซี่ยปิงหรุ่ยด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็นและเอ่ย “ที่แท้เธอคือเซี่ยปิงหรุ่ยนี่เอง ก่อนหน้านี้มู่หลานเป็นหมอที่เก่งกาจมากใช่ไหม เธอถึงได้ไม่เคยพบหล่อนแต่กลับรู้จักหล่อน”
แม้แต่ฉือหยวนฝูที่กำลังอ่านหนังสือและพ่อกับแม่ของหล่อนต่างก็หันศีรษะมามอง
โดยไม่รอให้เซี่ยปิงหรุ่ยกล่าว ฉินมู่หลานพลันยิ้มและเอ่ย “เปล่า ฉันไม่ใช่หมอหรอก ปู่ของฉันเป็นหมอประจำหมู่บ้าน ฉันเรียนกับปู่ของฉันมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเลยรู้วิชาแพทย์บางอย่าง”
เหมาชุนเถามองฉินมู่หลาน จากนั้นมองเซี่ยปิงหรุ่ย และรู้สึกว่าเรื่องไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นเซี่ยปิงหรุ่ยจะรู้จักมู่หลานได้อย่างไร แต่ในเมื่อมู่หลานไม่ต้องการพูด หล่อนเองก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
ฉือหยวนฝูที่อยู่ด้านข้างพลันเอ่ยปาก “ที่แท้เธอเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์จากปู่ของเธอตั้งแต่เด็ก ไม่น่าแปลกใจที่เธอจะลงเรียนคณะแพทย์ เหมาะสมมาก”
“ใช่ เข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็เพื่อเรียนรู้ให้มากยิ่งขึ้น”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินเช่นนี้พลันชำเลืองมองฉินมู่หลาน มีท่าทางเช่นเดียวกับเมื่อครู่นี้และไม่ได้เอ่ยอะไรอีก
พ่อฉือแม่ฉือมองฉินมู่หลาน จากนั้นมองเซี่ยปิงหรุ่ย รู้สึกได้ว่าสองคนนี้ไม่ธรรมดา เมื่อคิดได้ว่าลูกสาวยังต้องเรียนมหาวิทยาลัยอีกสี่ปี ก็อดไม่ได้ที่จะมองฉินมู่หลาน เซี่ยปิงหรุ่ยและเหมาชุนเถาพร้อมกับเอ่ย “เพื่อนร่วมห้องทั้งสามคน หลังจากนี้พวกเธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับหยวนฝูเป็นเวลาสี่ปี หล่อนถูกเลี้ยงเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เด็ก อาจจะต้องรบกวนพวกเธอดูแลหล่อนให้มากหน่อย”
หลังจากเอ่ยคำพูดสุดท้าย พ่อฉือแม่ฉือก็ชวนทุกคนออกไปกินอาหารด้วยกัน
เหมาชุนเถาส่ายศีรษะทันใด ขณะกำลังจะปฏิเสธ ทางด้านประตูกลับมีคนสองคนเดินเข้ามา
“สวัสดีทุกคน ฉันชื่อเฉินเซี่ยวอวิ๋น หลังจากนี้พวกเราเป็นเพื่อนร่วมหอกัน”
คนที่กล่าวเป็นผู้หญิงหน้าตาสะสวย หล่อนยิ้มพลางวิ่งเข้ามา ด้านหลังนั้นตามมาด้วยพ่อและแม่ของเธอ หลังจากค้นพบเตียงของตนเอง พ่อและแม่ก็ช่วยปูเตียงนอน ส่วนหล่อนมองดูอีกคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังด้วยท่าทางกระตือรือร้นพลางโบกมือให้หล่อนและเอ่ย “สวินชิว เข้ามาเร็ว”
หลังจากเกาสวินชิวเข้ามาก็เอ่ยทักทายทุกคน “สวัสดี ฉันชื่อเกาสวินชิว”
“สวัสดี”
เหมาชุนเถาเองก็เอ่ยทักทายเช่นกัน “ฉันชื่อเหมาชุนเถา” ขณะกล่าวก็ชี้ไปทางคนอื่นพร้อมกับเอ่ย “นั่นคือฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ย ที่นั่งอยู่ตรงนั้นชื่อฉือหยวนฝู”
หลังจากได้ยินการแนะนำของเหมาชุนเถา เกาสวินชิวและเฉินเซี่ยวอวิ๋นต่างก็พยักหน้าให้กับฉินมู่หลานและพวกหล่อน นับได้ว่าเป็นการรู้จักกันแล้ว อย่างไรก็ตามนอกจากเหมาชุนเถาแล้วก็ดูเหมือนว่าจะเข้ากับคนอื่นได้ไม่ดีเท่าไรนัก
ขณะนี้เฉินเซี่ยวอวิ๋นยิ้มพลางเอ่ย “ฉันเรียนคณะโบราณคดี พวกเราเรียนคณะเดียวกันหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่ ฉันกับหยวนฝูเรียนคณะวรรณกรรม ฉินมู่หลานเรียนคณะแพทย์ ปิงหรุ่ยก็น่าจะเรียนคณะแพทย์เหมือนกัน” ขณะกล่าวก็มองไปทางเซี่ยปิงหรุ่ยด้วยความไม่แน่ใจ
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เข้าสังคมมหาวิทยาลัยแล้ว ใครจะคบได้คบไม่ได้บ้างนะ
ไหหม่า(海馬)