ตอนที่ 294 ฉันเป็นราชินีวงการภาพยนตร์ จะมีผู้ชายแบบไหนที่ไม่เคยเห็นอีก
คุณแม่เซี่ยยืนอยู่ที่จัตุรัสสถานีรถไฟ มองไปยังบ้านเกิดที่ทั้งคุ้นเคยทั้งไม่คุ้นเคยในเวลาเดียวกันด้วยอารมณ์ซับซ้อนยากจะอธิบาย
สถานีรถไฟมีขนาดกว้างขวางกว่าที่สร้างขึ้นเมื่อราวสิบปีก่อนมาก
ในที่สุดพวกเขาก็ได้กลับมาแล้ว กลับบ้านมายังบ้านเกิดของตัวเอง
คุณแม่เซี่ยอดกลั้นไว้ไม่ไหวอีกแล้ว นางปาดน้ำตา ความรู้สึกต่าง ๆ ล้วนผุดขึ้นในใจ
เมื่อหญิงชราสงบลงแล้ว จึงเริ่มกวาดสายตามองไปรอบ ๆ จัตุรัสเพื่อหาใครบางคน
“เสี่ยวไห่ มีแค่ลูกกับเพื่อนที่มาเหรอ?”
เซี่ยไห่รู้ว่าแม่ของเขากำลังมองหาอะไร ชายหนุมจึงยกยิ้มพร้อมอธิบาย “มีแค่เราสองคนครับ ก็มารับคนนี่นา ถ้าคนเยอะเกินไปจะเบียดกันเข้าไปไม่ได้นะครับ รถของผมมีห้าที่นั่ง หากมีคนมามากก็นั่งกันไปไม่หมด”
“โอ้”
ในใจของหญิงชรานั้นกระวนกระวาย เมื่อไม่เห็นหลานสาว ก็อดคิดฟุ้งซ่านคิดมาไม่ได้ ทว่าจะเอ่ยถามเพิ่มเติมก็ไม่สะดวกนัก
“ไปครับ กลับบ้านแล้วค่อยพูดคุยกัน”
“เราสามคนนั่งเบาะหลังกันเถอะ”
เฉินเจียเหอรีบเปิดประตูรถให้ พวกเซี่ยอวี่จึงขึ้นรถ
จากนั้น เฉินเจียเหอจึงไปนั่งอยู่ที่เบาะหน้า
ทันทีที่เขาปิดประตูรถ เซี่ยอวี่ก็เริ่มถามคำถามมากมายกับเฉินเจียเหอ
“เฉินเจียเหอ คุณอายุเท่าไหร่?”
เฉินเจียเหอเบี่ยงกายหันไป มองดูคนที่นั่งอยู่เบาะหลังแล้วรีบเอ่ยตอบ “อายุยี่สิบเก้าปีตามหลักสากลครับ”
“งั้นก็จะสามสิบแล้ว”
เซี่ยอวี่เอ่ยถามอีก “ทำงานอะไร?”
“เป็นเจ้าหน้าที่เทคนิคอยู่ที่โรงงานผลิดตัวถังไห่เฉิงครับ”
“สร้างรถไฟสินะ หน้าที่การงานไม่เลวเลย” เซี่ยอวี่ถามต่อ “บ้านอยู่ที่ไหน”
“เป็นคนไห่เฉิงครับ คนท้องถิ่น”
“ได้ยินมาว่าคุณมีลูกชาย?”
เซี่ยไห่รีบเอ่ยแทรก “พี่สาว ลูกชายของเจียเหอคือหู่จือ ซึ่งเป็นลูกชายของพวกเราทุกคน เมื่อครู่เขาก็บอกแม่และพี่ใหญ่หมดแล้ว พี่ไม่ได้ยินเหรอ?”
“อ้อ เขาเป็นพ่อของหู่จือเองเหรอ บังเอิญจริง”
แม่เซี่ยไม่เข้าใจว่าทำไมลูกสาวของนางที่ไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนมาก่อน จู่ ๆ กลับสนใจเพื่อนของเซี่ยไห่อย่างยิ่ง
ถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ราวกับสำรวจสำมะโนครัว
แม้ว่าจะเป็นเรื่องดีที่หล่อนหันมาสนใจผู้ชายสักคนเสียที
หากแต่…
แม่เซี่ยกลัวว่าหล่อนซึ่งอยู่ในแวดวงการบันเทิงจะไปทำให้ชายหนุ่มตกใจ เธอจึงเขยิบเข้าไปใกล้ ๆ และกระซิบที่ข้างหูลูกสาวว่า “ไม่ต้องถามแล้ว เขาเด็กเกินไป ไม่เหมาะสม”
เซี่ยอวี่ “???”
เซี่ยอวี่มองสายตาที่ซับซ้อนของแม่ตัวเอง ก็เข้าใจความคิดของนางทันที หญิงสาวหัวเราะออกมาเสียงดัง “แม่คะ ฉันคิดว่าเขาแก่เกินไปนะ อายุจะสามสิบปีแล้ว”
เฉินเจียเหอ “!!!”
คุณอาที่เป็นดาราคนนี้ช่างร้ายกาจ!
หญิงชราไม่คุ้นชินกับหล่อนเลยสักนิด จึงเอ่ยแทงใจขึ้นมาอย่างชัดเจน “ลูกเองอายุสี่สิบปีแล้วนะ ยังจะมาไม่ชอบอะไรอีก”
เซี่ยอวี่พูดไม่ออก
และละทิ้งคำถามต่อไปที่จะถามเฉินเจียเหอ
เซี่ยอวี่เห็นพี่ใหญ่ของหล่อนเอนกายลงบนเบาะทันทีที่เขาขึ้นรถ ดวงตาปิดสนิท ไม่รู้ว่าเขาเผลอหลับไปแล้วจริง ๆ หรือเปล่า
จึงเอ่ยถามเบา ๆ “พี่ใหญ่ หลับแล้วเหรอ?”
พี่ชายไม่ได้ส่งเสียงออกมา
“ลูกอย่าไปรบกวนพี่ใหญ่ การเดินทางอันยาวไกลและลำบากนี้ทำให้ร่างกายของพี่ใหญ่ทนไม่ไหว ปล่อยให้เขาพักผ่อนให้เต็มที่ ถ้าลูกไม่มีอะไรทำก็ลองดูทิวทัศน์ภายนอก ดูสิว่าเมืองไห่เฉิงเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ตอนที่เราจากไปไม่มีตึกสูงระฟ้าพวกนี้เลย ตอนนี้ก่อสร้างได้สวยมากจริง ๆ”
ลูกชายของนางไม่ได้มีความทรงจำกับเมืองนี้มากมายนัก ในขณะที่แม่เซี่ยมองออกไปนอกหน้าต่างรถที่วิวทัวทัศน์ที่กำลังถอยร่นออกไป มองไปยังภาพที่ไม่คุ้นเคย ความรู้สึกมากมายก็พลันตีตื้นขึ้นมา
เป็นเวลากว่าทศวรรษแล้ว เมืองไห่เฉิงนับว่าเปลี่ยนไปมาก
ขณะที่รถกำลังแล่นไปตามถนน หญิงชราเห็นอาคารที่คุ้นเคยผ่านนอกหน้าต่างรถไป จึงถามเซี่ยไห่อย่างตื่นเต้น “เสี่ยวไห่ นั่นถนนโฮ่วฉ่างหรือเปล่า”
เซี่ยไห่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ครับแม่ ยังจำถนนโฮ่วฉ่างได้อยู่เหรอครับ?”
“จำได้สิ เมื่อก่อนครอบครัวเราเคยอาศัยอยู่ที่นั่น ลูกจำได้ไหม?”
“แม่กำลังพูดถึงบ้านที่พ่ออาศัยอยู่ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ แล้วต่อมาก็ย้ายออกไปใช่ไหมครับ?”
เซี่ยไห่ชะลอความเร็วรถลงเพื่อให้หญิงชรามองมันสักพัก
“ที่นั่นดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนไปเลยนะ?”
เซี่ยไห่พยักหน้า “ไม่เปลี่ยนครับ ตรอกเก่า รวมถึงบ้านเก่าพวกนั้นก็ยังไม่ถูกรื้อถอน”
“เสี่ยวเหลย ลูกรีบดูสิ นี่คือที่ที่เราเคยอยู่เมื่อก่อน” หญิงชราเขย่าตัวลูกชายที่หลับตาอยู่
เซี่ยเหลยลืมตาขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ดวงตาอันเย็นยะเยือกราวสระน้ำเย็นเต็มไปด้วยความสับสน “ผมไม่ค่อยมีภาพความทรงจำเท่าไหร่”
เซี่ยอวี่นั้นตื่นเต้นอย่างยิ่ง หญิงสาวหวนคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตมากมาย
เซี่ยไห่เห็นมองผ่านกระจกมองหลังเห็นว่าพี่ใหญ่ของเขาหลับตาอยู่ คาดว่าคงอยู่ในอาการง่วงนอน จึงเอ่ยขึ้นว่า “แม่ครับ พี่สาวอิงจื่อของผมก็อาศัยอยู่ที่นี่ ไว้ผมจะพาไปเดินเล่นที่นั่นสักวันหนึ่ง”
“อิงจื่อ? ลูกบอกว่าอิงจื่ออาศัยอยู่ที่นี่หรือ?” น้ำเสียงของแม่เซี่ยพลันขึ้นสูงด้วยความตื่นเต้น
เซี่ยอวี่ขยิบตาให้หล่อน หญิงชราจึงรีบเก็บอาการ
นางควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ก่อนกระซิบถาม “แล้วเซี่ยเซี่ยล่ะ?”
“เซี่ยเซี่ยแต่งงานแล้วครับ ไม่ได้อยู่ที่นี่”
เซี่ยไห่เอ่ยเตือน “แม่ครับ ไหน ๆ แม่ก็ถามถึงเซี่ยเซี่ยแล้ว อย่างนั้นเราก็มาคุยเรื่องนี้กันดี ๆ เถอะ แม่จะแสดงอาการตื่นเต้นออกมาตั้งแต่พบหล่อนไม่ได้นะครับ ไม่อย่างนั้น… แม่คงเข้าใจนะ”
เขาส่งสายตาบอกใบ้ไปทางพี่ใหญ่ที่กำลังหลับตาหลับสนิท
หญิงชราเองก็เข้าใจ “เข้าใจแล้ว แม่ไม่ตื่นเต้นหรอก”
อย่างไรเสีย เพียงแค่ไม่พูดออกมาตรง ๆ ลูกชายคนโตของนางล้วนแล้วแต่ไม่เคยคิดสนใจผู้คนและสิ่งที่พวกเขาพูดถึง
เฉินเจียเหอเอียงกายหันไปด้านข้าง มองไปยังคนที่อยู่เบาะหลัง แล้วเอ่ยแนะนำตัวกับพวกเขาอย่างจริงจัง
“คุณยาย ผมลืมแนะนำตัวเอง ผมคือสามีของเซี่ยเซี่ยครับ”
เมื่อพบกับแววตาที่จริงใจของเฉินเจียเหอ หญิงชราก็ชะงักงัน พลางมองเขาอย่างตกตะลึง
“งั้นหรือ เธอคือสามีของเซี่ยเซี่ยงั้นหรือ? โอ๊ย เสี่ยวไห่ เจ้าเด็กนี่ ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้?”
“แม่ครับ ก็เพราะกลัวว่าแม่จะตื่นเต้นไม่ใช่หรือไงกัน?”
“ดีจริง เธอคือสามีของเซี่ยเซี่ย ดีจริง”
ไม่แปลกใจว่าทำไมเขาถึงเรียกเธอว่าคุณยาย ไม่มีปัญหา!
หญิงชรามองดูเฉินเจียเหอที่ใช้การได้อย่างพึงพอใจและมีความสุขอย่างยิ่ง
หลังจากแนะนำตัวเองแล้ว เฉินเจียเหอก็นั่งตัวตรง ด้วยกลัวว่าจะรบกวนการพักผ่อนของเซี่ยเหลย
หญิงชราส่งสายตาไปให้เซี่ยอวี่ ก่อนเอ่ยย้ำเสียงเบา
“ได้ยินแล้วใช่ไหม? นั่นคือคนรักของเซี่ยเซี่ย ในฐานะผู้อาวุโส ก็ทำตัวเห็นเป็นผู้อาวุโสเสียหน่อย อย่าถามอะไรเหลวไหล”
“ฉันรู้ตั้งนานแล้วค่ะ ไม่อย่างนั้นจะถามคำถามพวกนั้นเหรอ?”
เซี่ยอวี่มองไปที่หญิงชรา ก่อนบึนปากและเอ่ยแซะ “คุณนายเซี่ย แม่คิดจินตนาการอะไรอยู่ ฉันเป็นราชินีแห่งวงการภาพยนตร์นะคะ มีผู้ชายแบบไหนที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนบ้างกัน แม้ว่าเขาจะไม่ใช่สามีของเซี่ยเซี่ย ฉันก็คิดว่าเขาเป็นคนมุทะลุซึ่งมีผิวคล้ำจนดูไม่ได้คนหนึ่งเท่านั้นแหละ”
เฉินเจียเหอ “!!!”
แทงใจดำเสียจริง คุณดาราดัง
ใบหน้าของเฉินเจียเหอดำมืดจนแทบจะกลายเป็นก้นหม้อ และเซี่ยไห่ซึ่งกำลังขับรถอยู่ก็หัวเราะเสียงดัง
หลังจากนั้นไม่นาน เซี่ยไห่ก็ขยับร่างเข้ามาใกล้เฉินเจียเหอ แล้วกระซิบว่า “อย่าเสียใจไปเลย คุณราชินีแห่งวงการภาพยนตร์หล่อนชอบแบบไก่อ่อน ไม่สามารถชื่นชมผู้ชายบึกบึนแบบนายได้”
ในใจเฉินเจียเหอนั้นขุ่นเคือง แต่ไม่กล้าพูดออกมา ทำได้เพียงอึดอัดช้ำในอยู่เท่านั้น
“แม่ครับ ปลุกพี่เถอะ ใกล้จะถึงแล้ว”
รถของเซี่ยไห่เลี้ยวโค้งมาหยุดที่หน้าลานบ้าน
เฉินเจียเหอรีบลงจากรถอย่างรวดเร็ว และเดินไปยังที่นั่งเบาะหลังเพื่อเปิดประตูอย่างเป็นสุภาพบุรุษ
เซี่ยอวี่ลงจากรถด้วยท่าทางเป็นเอกลักษณ์ พลางมองเขาแล้วยกยิ้ม “ขอบคุณค่ะ”
เฉินเจียเหอพยักหน้าด้วยความนอบน้อมและสุภาพ ก่อนจะช่วยแม่เซี่ยและเซ่ยเหลยให้ลงจากรถ
หลังจากที่แม่เซี่ยได้รับรู้ถึงสถานะของเฉินเจียเหอ ในตอนนี้นางจึงมองเขาด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความเอ็นดู
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเฉินเจียเหอมีน้ำใจช่วยพยุงนางลงจากรถ จึงเอ่ยชมเชยเขาอย่างไม่งกคำชม “ช่างเป็นเด็กดีจริง ๆ”
เซี่ยเหลยเป็นคนสุดท้ายที่ลงจากรถ และเฉินเจียเหอไม่ได้เข้าไปช่วยเขา
เพียงแค่ยืนรออยู่ข้าง ๆ ด้วยความนอบน้อม
เมื่อเขาลงจากรถ เฉินเจียเหอก็ช่วยปิดประตูให้อย่างมีน้ำใจ
สีหน้าของเซี่ยเหลยจริงจัง เขาไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใด เฉินเจียเหอเองไม่กล้าที่จะบุ่มบ่ามเปิดบทสนทนา ชายหนุ่มจึงรีบไปยกกระเป๋าสัมภาระแทน โดยลากกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ทั้งสองใบนั้นคนเดียว เซี่ยไห่จะเข้ามาช่วย เขากลับปฏิเสธเสียด้วยซ้ำ
“ก็ได้ ให้โอกาสนายได้มีผลงานบ้าง”
เซี่ยอวี่สำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบ ก่อนจะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลวเลย สภาวะแวดล้อมดีมาก ทั้งยังเป็นส่วนตัว”
“แน่นอนอยู่แล้ว ที่นี่เจียเหอเป็นคนช่วยหาให้ ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในชุมชนบ้านพักทหาร จึงพอมีเส้นสาย”
เซี่ยไห่ไม่ลืมยกความดีความชอบให้เฉินเจียเหอ
เพื่อให้ดาราดังของเขามีความประทับใจที่ดีต่อเฉินเจียเหอ
“พี่ใหญ่ คิดว่าที่นี่เป็นอย่างไรครับ?” เซี่ยไห่เอ่ยถามเซี่ยเหลยด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเหลยไม่ได้มีเงื่อนไขพิเศษใด ๆ กับเรื่องที่พัก สีหน้าเขาเรียบนิ่งดูไม่แยแส ก่อนจะสบแววตาเฝ้ารอคอยของน้องชายแล้วพยักหน้า “ดีทีเดียว”
“พี่ใหญ่ชอบผมก็โล่งใจ รีบเข้าไปดูข้างในสิครับ”
เฟอร์นิเจอร์ในห้องโถงล้วนเป็นแบบโบราณ ทำจากไม้พะยูงขัดจนเงางาม มีภาพวาดและอักษรวิจิตรอยู่บนผนัง ดูเรียง่ายทว่างดงาม
เจ้าของบ้านหลังนี้เป็นทหารผ่านศึก เซี่ยไห่จึงไม่กล้าขยับเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดในห้องโถงนั้น
แม่เซี่ยมองดูเฟอร์นิเจอร์แบบโบราณที่คุ้นตาเหล่านี้ ก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีก
ครั้นลงจากรถไฟในตอนแรก หญิงชรารู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง ทั้งยังสับสนงุนงงเพราะเมืองเปลี่ยนไปมาก
แต่เมื่อได้เห็นของโบราณและภาพวาดของบุคคลสำคัญในบ้านหลังนี้ ในทันใดนั้นเอง นางก็รู้สึกว่าได้กลับถึงบ้านแล้วจริง ๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สงสารพี่เหอจัง โดนไปกี่ดอกคะนั่น
ไหหม่า(海馬)