ตอนที่ 293 พบเซี่ยเหลย

เซี่ยไห่เตือนเฉินเจียเหอว่าอย่าเรียกพ่อตาออกมาเมื่อตื่นเต้น เมื่อครั้งอยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ย ทันที่ที่เขาเห็นเซี่ยตง ก็เอ่ยเรียกว่าคุณลุงโดยพลัน ทำให้การรับรู้ของเขาถูกปรับใหม่

เขามีเหตุผลรองรับเพียงพอให้เชื่อเมื่อว่าเฉินเจียเหอเห็นพี่ใหญ่ของเขานั้น มีความเป็นไปได้ที่ชายหนุ่มจะเอ่ยเรียกพ่อตาออกมาด้วยตื่นเต้นอย่างแน่นอน

เฉินเจียเหอกลอกตาใส่เขา “ฉันรู้ว่าอะไรควรไม่ควรหรอกน่า”

“รู้ก็ดีแล้ว ความประทับใจแรกนั้นความสำคัญมาก จงใช้โอกาสนี้ของนายให้ดี”

เซี่ยไห่กำชับเขาอีกครั้ง “แล้วพี่ใหญ่ของฉันก็เป็นคนค่อนข้างเย็นชา ไม่ชอบมีปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า เมื่อถึงเวลา นายอย่ากระตือรือร้นเกินไปจนทำให้เขาไม่ชอบ”

เมื่อเซี่ยไห่กล่าวเช่นนั้น เฉินเจียเหอก็ยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก ไม่อนุญาตให้เรียกพ่อตา ซ้ำกระตือรือร้นก็ไม่ได้ แล้วจะให้เขาทำตัวอย่างไรกัน?”

ความพอดีนี้ช่างยากจะควบคุม

เซี่ยไห่จอดรถซานทาน่าสุดเท่ของเขาไว้ด้านนอกสถานี จากนั้นทั้งสองก็เดินไปรอที่ทางออกสถานีรถไฟ

เฉินเจียเหอกระตือรือร้นมากกว่าเซี่ยไห่ เขาก้าวไปเพียงไม่กี่ก้าวก็เบียดตัวเข้าไปที่ทางออกแล้ว

เซี่ยไห่ตะโกนไล่หลัง “นายจะเบียดเข้าไปทำไม? ถ้าฉันไม่เข้าไปด้วย นายจะรู้ไหมว่าคนไหน”

เฉินเจียเหอพูดขึ้นว่า “ฉันเคยเห็นรูป”

เขาเคยเห็นรูปคู่คุณแม่และพี่ใหญ่ของเซี่ยไห่

เซี่ยไห่กลอกตาอย่างหมดคำพูด ก่อนจะรีบตามไป

ความมุมานะเอาใจใส่ของเฉินเจียเหอนี้ จะทำให้ในอนาคตเขาเข้าไปแทนที่ตำแหน่งของเซี่ยไห่ในครอบครัวได้อย่างแน่นอน

เซี่ยไห่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมหน้ากากอนามัย สวมแว่นตากันแดด พลางยกมือสางผม หล่อนสวมเสื้อโค้ทตัวยาว สองมือลากกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่สองใบ ก้าวอย่างอย่างสง่าผ่าเผยเดินมาจากทางออก

หล่อนดึงดูดความสนใจของผู้ทัศนาสัญจรจำนวนมาก

มันจะเท่เกินไปแล้ว

หล่อนกลัวคนอื่นจะไม่เห็นหรือไงว่าตัวเองนั้นแตกต่างโดดนเด่น?

ขณะที่เขากำลังจะก้าวไปข้างหน้า เฉินเจียเหอก็เดินเบียดเสียดสวนกระแสผู้คน เดินไปหาร่างนั้นด้วยความแม่นยำอย่างยิ่ง

เขาเบียดแทรกตัวไปอยู่ตรงหน้าของหญิงสาวผู้นำสมัย แล้วเอ่ยขึ้นอย่างจริงใจว่า “สวัสดีครับ ผม…”

ทว่าหญิงสาวผู้นำสมัยเมื่อเห็นชายหนุ่มจู่ ๆ ก็พุ่งเข้ามา จึงถอยออกไปอย่างระแวดระวัง “คุณทำอะไรน่ะ? จำผิดคนแล้วค่ะ”

“ขอโทษนะคะ ขอทางหน่อยค่ะ”

เมื่อคิดว่าพบเข้ากับแฟนภาพยนตร์ของตัวเองก็ทำให้หญิงสาวแอบขบขันอยู่ในใจ

แอบดีใจที่ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ดินแดนบ้านเกิดของตน แม้คนจะคล่ำคลาหนาแน่น ทว่าแฟนคลับก็ยังจำหล่อนได้

ทว่าอีกใจก็ไม่อยากให้ใครจำได้

ด้วยเพราะยังมีคุณแม่และพี่ใหญ่ตามหลังมา จะทำให้เกิดความแออัดขึ้นมาไม่ได้

หล่อนหลีกเลี่ยงเฉินเจียเหออย่างระมัดระวัง โดยลากกระเป๋าเดินทางและรีบออกไป

เพื่อความปลอดภัย หล่อนจึงรับหน้าที่ลากกระเป๋าเดินทางทั้งหมด ส่วนคุณแม่และพี่ชายนั้นอยู่ด้านหลังคอยดูแลตัวเอง ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อให้ดึงดูดสายตาน้อยลง

“ผม…” เฉินเจียเหอพลันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เขายกมือขึ้นเกาหัว รู้สึกว่าตัวเองบุ่มบ่ามเกินไป

เซี่ยอวี่เองก็ชะงักงันไปชั่วครู่ ก่อนจะรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับกระเป๋าเดินทางสองใบในมือ

หญิงสาวชะเง้อคอมองหาเซี่ยไห่ท่ามกลางฝูงชน

ขณะที่หล่อนสาวเท้าก้าวเดิน เซี่ยไห่ก็กระโดดมาอยู่ตรงหน้าหล่อน

แว่นกันแดดบนสันจมูกของเซี่ยไห่เลื่อนลงมาและตกลงไปที่ปลายจมูกของเขา ดวงตาคู่นั้นมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า

จากนั้นจึงโบกมือให้เซี่ยอวี่ “สวัสดี”

เซี่ยอวี่สะบัดมือของเขาออก พลางกัดฟันเอ่ยเสียงเบา “รถอยู่ไหน มีคนจำฉันได้แล้ว ให้ฉันขึ้นรถก่อน นายไปคอยดูแลแม่กับพี่ใหญ่”

เซี่ยไห่ชี้ไปยังชายคนหนึ่งที่ดูหวาดกลัวหลังจากถูกสาวงามปฏิเสธ ก่อนจะกลั้นยิ้มไว้แล้วเอ่ยกับเซี่ยอวี่ว่า “พี่คงจะกังวลมากเกินไป นั่นคือเพื่อนของผม”

เรียกให้เขารีบเดินไปข้างหน้า เป็นไงล่ะ อับอายเลยสิ?

เซี่ยอวี่ส่งเสียง “อ้อ” ออกมา

เขายังเอ่ยเสริมอีกว่า “หลานเขยของเรา”

เมื่อได้ยินถ้อยคำของเขา เซี่ยอวี่ก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมอง

เฉินเจียเหอนั้นกระตือรือร้นอย่างยิ่ง แม้จะถูกเซี่ยอวี่ปฏิเสธ แต่เขายังเบียดเสียดผู้คนเพื่อไปรับอีกสองคนที่เหลือ

เขาใช้รูปถ่ายเก่า ๆ ที่เซี่ยไห่เคยนำมาให้ดูก่อนหน้านี้เพื่อระบุตัวตนของพ่อตาและคุณยายได้อย่างแม่นยำ

เขาเดินไปหาผู้โดยสารสองคนที่เพิ่งเดินออกจากประตูทางออก และเอ่ยอย่างสุภาพว่า “สวัสดีทั้งสองท่านครับ ผมเป็นเพื่อนของเซี่ยไห่ มารับพวกคุณจากสถานีรถไฟด้วยกันกับเซี่ยไห่ครับ”

ครั้งนี้เฉินเจียเหอเรียนรู้แล้วจึงฉลาดขึ้น เขาชี้ไปยังเซี่ยไห่ที่อยู่ด้านหลัง

หญิงชราผมขาวได้ยินดังนั้น จึงกล่าวอย่างสุภาพ “สวัสดีจ้ะ”

ผู้ชายที่ช่วยพยุงเฒ่าชราซึ่งมีใบหน้าเย็นชา ซ้ำยังมีไอแห่งความเย็นชาแพร่กระจายออกมาจากตัวเขา รีบปกป้องแม่เฒ่าของเขาโดยสัญชาตญาณ

เซี่ยไห่วางสัมภาระของเซี่ยอวี่ไว้บนพื้นที่กว้างตรงนั้น แล้ววิ่งเข้ามา

“แม่ครับ พี่ใหญ่ ในที่สุดพวกคุณก็มาถึงเสียที”

หญิงชราดูตื่นเต้นเมื่อเห็นชายหนุ่มวิ่งเข้ามา “เสี่ยวไห่ของแม่ ในที่สุดแม่ก็ได้เจอแก”

“แม่ครับ ผมคิดถึงแม่กับพี่ใหญ่มาก”

เซี่ยไห่ระบายยิ้ม จากนั้นจึงเอ่ยแนะนำพวกเขา “นี่คือเพื่อนของผมครับ”

ทันทีที่ประโยคนี้ของเซี่ยไห่สิ้นสุดลง กลิ่นอายต่อต้านคนแปลกหน้ารอบตัวเซี่ยเหลยพลันมลายหายไป เขามองไปยังเฉินเจียเหอด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายลง

“ไปเถอะ พวกเราออกจากที่นี่กันก่อน”

เฉินเจียเหอช่วยพยุงคุณแม่เซี่ย ในขณะที่เซี่ยไห่กอดคอพี่ชายของเขาแล้วเดินออกจากสถานีด้วยกัน

เมื่อเขามาถึงลานกว้าง เฉินเจียเหอก็ช่วยขนสัมภาระอีกครั้ง ค่อนข้างขยันขันแข็ง ไม่จำเป็นต้องให้เรียกแต่อย่างใด

“แม่ครับ พี่ใหญ่ เขาคือเฉินเจียเหอ หู่จือเขาก็เป็นคนเลี้ยงมา ที่ผมเคยเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้”

ด้วยความระมัดระวัง เซี่ยไห่จึงยังไม่ได้เอ่ยถึงความสัมพันธ์ของเขากับหลินเซี่ย

เมื่อได้ยินชื่อหู่จือ แม่เซี่ยก็รีบปริปากเอ่ยอย่างเอ็นดู

“แม่จำได้ ลูกเคยเล่าว่าพ่อหนุ่มนี้ยอมเลื่อนการแต่งงานออกไปเพื่อคอยดูแลหู่จือ ตอนนี้หู่จืออายุเท่าไหร่แล้ว?”

เฉินเจียเหอเอ่ยตอบ “ห้าขวบครับ”

“คุณยาย ตอนนี้ผมแต่งงานแล้วครับ” เขาพูดกับแม่เซี่ย

เมื่อถูกเรียกว่าคุณยาย คุณแม่เซี่ยก็แปลกใจเล็กน้อย

แต่ถึงอย่างไร เขาก็เป็นเพื่อนสนิทของลูกชาย

คุณแม่เซี่ยมาเยี่ยมเยียนในครั้งนี้ นอกจากจะได้ทำความรู้จักกับหลานสาวแล้ว นางยังอยากพบกับหู่จือด้วย

พ่อของหู่จือช่วยชีวิตลูกชายของนางไว้ ในใจจึงคิดปฏิบัติต่อหู่จือเหมือนหลานชายของตัวเอง

การกลับมาครั้งนี้ นางต้องการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าหู่จือคือหลานชายคนโตของนาง และจะดูแลเด็กที่น่าสงสารคนนั้นอย่างดี

สหายเสี่ยวเฉินคนนี้เป็นพ่อบุญธรรมของหู่จือ เขาเรียกนางว่าคุณยาย แล้วเช่นนั้นหู่จือจะนับญาติอย่างไรกัน?

แม้ว่าจะแปลกใจ แต่คุณแม่เซี่ยก็ไม่ได้เซ้าซี้ เพียงยกยิ้มอย่างสุภาพ

เฉินเจียเหอมองดูเซี่ยเหลยที่มีใบหน้าเย็นชาอย่างระมัดระวัง ก่อนจะหาโอกาสที่เอ่ยปากแนะนำตัวเองว่า “สหายเซี่ยเหลย สวัสดีครับ เซี่ยไห่กับผมไม่เพียงแต่เป็นเพื่อนกันเท่านั้น แต่ยังเป็นอดีตสหายร่วมรบด้วย เราทั้งคู่ทำงานอยู่ในหน่วยหนึ่งของกรมการรถไฟ มีหน้าที่สร้างทางรถไฟเลียบชายฝั่ง ก่อนจะปลดประจำการออกมาเมื่อห้าปีที่แล้ว หลังจากปลดประจำการ ผมได้เข้ามาศึกษาและทำงานที่โรงงานยานยนต์ ปัจจุบันเป็นช่างเทคนิคแผนกวิจัยและพัฒนารถประจำทาง”

น้ำเสียงของเฉินเจียเหอเปี่ยมล้นด้วยความจริงใจ อีกทั้งการแนะนำตัวของเขายังลงรายละเอียดมาก เซี่ยเหลยเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วเอ่ยตอบเบา ๆ

“อืม จากที่ฟังเสี่ยวไห่เล่ามา คุณเป็นคนที่ใช้การได้ทีเดียว”

เอ่ยจบก็ก้าวเดินต่อไป

เฉินเจียเหอรีบตามเขาไป

หลังจากเซี่ยอวี่ได้ยินเซี่ยไห่แนะนำว่าเฉินเจียเหอเป็นหลานเขยของเธอ หญิงสาวก็ยืนนิ่งอยู่ข้างหน้า พร้อมหรี่ตามอง คอยสังเกตทุกการเคลื่อนไหวของเขา

เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังคุยกับพี่ใหญ่ของหล่อน อีกทั้งคราวนี้ยังเดินถือสัมภาระให้ด้วย เซี่ยอวี่จึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

ความเห็นสุดท้ายคือ “หน้าตาใช้ได้ แต่ผิวเข้มไปหน่อย”

เซี่ยไห่ “!!!”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พี่เหอใจเย็นๆ ไม่ต้องตื่นเต้นค่ะ ปล่อยตัวตามสบาย

เอ่อ คุณอาคะ นั่นสามีของหลานสาวคุณนะคะ

ไหหม่า(海馬)