ตอนที่ 90 โซระปะทะสองพี่น้อง (บทปลาย)
ทันทีที่คลิมถูกเตะกระเด็นออกไปนอกประตู โซระก็ส่งเสียงร้องออกมา
ทว่ามันไม่ใช่เสียงร้องจากความเจ็บปวด กลับกันมันคือเสียงร้องถึงความรู้สึกที่ตนได้รับวิญญาณบางส่วนมาจากคลิมผ่านอาภรณ์วิญญาณของเขา จนทำให้เสียงแห่งความยินดีมันหลุดรอดออกมา
จากนั้นไม่นานนัก ร่างกายของเขาก็เหมือนกับได้รับการชำระล้างใหม่ทั้งหมด เลเวลของเขาในตอนนี้เพิ่มจาก 9 เป็น 10 เรียบร้อยแล้ว
เนื่องจากตอนนี้คลิมยังมีลมหายใจอยู่ เลเวลของเขาก็เลยไม่ได้เพิ่มมาเหมือนตอนจัดการกับจินโบ แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถกินวิญญาณของคลิมมาได้มากพอสมควร นอกจากนี้ยังเป็นการตอกหน้าคนที่ดูถูกเขาว่าไร้ความสามารถได้อีกด้วย
「คลิม!!」
เสียงต่อมาเป็นเสียงกรีดร้องของไคลอาที่มีใบหน้าซีดเทา
แน่นอนว่าเธอไม่ได้แสดงการกระทำอย่างวิ่งเข้าไปดูอาการน้องชายของเธอและปล่อยให้หลังตนเองมีช่องว่างพอจะถูกโจมตี แต่อาการกระวนกระวายที่แสดงออกมาเพียงครู่หนึ่งมันก็เพียงพอแล้วที่จะให้โซระเคลื่อนไหวต่อ
โซระรีบคว้าโอกาสเอาไว้ โดยการปักอาภรณ์วิญญาณของตัวเองไว้ที่พื้น ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างไขว้เข้าหากัน แล้วใช้มือขวาหันไปหาทางโกซุและมือซ้ายหันไปหาทางไคลอา
ทันใดนั้น――
『จงมอบอ้อมกอดแห่งความตายให้กับศัตรูข้า――องค์หญิงแห่งเพลิง!』
เขาปลดปล่อยเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตนโดยใช้พลังในการร่ายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
แล้วก็มีมือ 3 มืองอกออกมาจากมือขวาของเขา อีก 3 งอกมาจากมาซ้าย แขนที่มีลักษณะคล้ายกับหนวดเพลิงซึ่งหนาเท่าท่อนซุงพุ่งเข้าใส่โกซุและไคลอาด้วยความเร็วสูงและพลังทำลายล้างของมันก็รุนแรงเสียจน พลังที่ใช้ในการโค่นบาซิลิสก์ในอดีตเทียบไม่ติดฝุ่น
「อะ-?!」
「หือ」
ปฏิกิริยาของทั้งสองคนหลังจากได้เห็นเวทมนตร์ของโซระแตกต่างกันออกไป
ไคลอาตัดสินใจกระโดดถอยด้วยความประหลาดใจ ส่วนทางโกซุขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะรอให้เวทให้มาปะทะกับร่างเขาโดยไม่ขยับไปไหน
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ก็เกิดเสียงระเบิดดังทั่วเมืองอิชกะ
โกซุรับการโจมตีของแขนทั้งสามเอาไว้ โดยที่ยังสามารถยืนอยู่กับที่ได้ แม้บริเวณดังกล่าวจะเกิดแรงกระแทกขึ้นอย่างรุนแรงจนทางเดินหินแตกเป็นเสี่ยงๆ และมีลมจากฝุ่นฟุ้งไปทั่ว
ส่วนทางไคลอาหลังจากขจัดความประหลาดใจออกไปจนสิ้น เธอก็รับมือกับแขนเพลิงพวกนั้นด้วยการใช้ดาบหยกของเธอฟันมันเข้าไปตรงๆ
ทันทีที่ดาบปะทะเข้ากับแขนเพลิง เสียงสั่นสะเทือนของอากาศก็เกิดขึ้นรอบตัวเธอ
「――จงปรากฏ คุซานางิ!」
เมื่อสิ้นเสียงนั้น ดาบของไคลอาก็มีสายลมโบกพัดไปมารอบๆ
แรงดันของลมมันมากพอที่จะฉีกกระชากและพัดพาเอาทุกสิ่งจนไม่เหลือซากเดิมและทำให้แขนเพลิงที่เข้ามาปะทะกับดาบของเธอถูกลมพายุพัดพาปลิวไปทางอื่นแทน
พอเวทมนตร์สูญเสียเป้าหมายที่ต้องโจมตีมันก็พุ่งเข้าไปชนกับพื้นทางเดินหินแทนและทำเศษหินกระเด็นไปทั่วจนมีฝุ่นฟุ้งในอากาศ แต่ฝุ่นเหล่านั้นก็ถูกพัดหายไปในทันทีจากลมของคุซานางิ
หากอาภรณ์วิญญาณของคลิมคือดาบเพลิงศักดิ์สิทธิ์ อาภรณ์วิญญาณของไคลอาก็คงเป็นดาบวายุศักดิ์สิทธิ์ หากเธอต้องการจริงๆ แล้วละก็ เธอก็สามารถนั่งอยู่ในจุดไหนสักแห่งแล้วสร้างพายุยักษ์ขึ้นมาทำลายครึ่งหนึ่งของเมืองอิชกะได้โดยง่าย
โซระก็คงจะรู้ถึงเรื่องนี้ดี และก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาต้องระวังอีกด้วย
「คุณโซระ เตรียมรับมือ」
ไคลอาจ้องมองไปยังโซระด้วยดวงตาสีแดงเลือดของเธอโดยไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย
ความโกรธที่น้องชายของเธอถูกจัดการไปแม้จะไม่ได้แสดงออกมาบนใบหน้าที่ราวกับใส่หน้ากากไว้อยู่ของเธอ
แต่อาภรณ์วิญญาณของเธอที่กำลังส่งเสียงกรีดร้องออกมานั้น ก็ทำให้เห็นชัดแล้วว่าข้างในของเธอโกรธมากขนาดไหน
เธอเป็นคนที่รักและห่วงน้องชายของเธอ พอๆ กับที่น้องชายของเธอเป็นห่วงเธอ หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ หากโซระฆ่าคลิมขึ้นมาจริง เธอมั่นใจเลยว่าแม้แต่บ้านของเขาเธอก็จะทำลายจนไม่เหลือซาก ไม่แม้แต่จะเหลือร่องรอยการมีอยู่ของมัน
ภายใต้บุคลิกที่สุขุมของเธอ เธอได้ซ่อนความดุดันเอาไว้มากกว่าน้องชายของเธอเป็นไหนๆ นั่นแหละคือนิสัยจริงๆ ของคนที่ชื่อว่า ไคลอา เบิร์ช
――แต่ก็เพราะแบบนั้นแหละ มันเลยง่ายที่จะนำมาใช้เป็นข้อได้เปรียบ
หลังจากที่โซระหยิบอาภรณ์วิญญาณที่เขาปักลงกับพื้นเมื่อครู่ขึ้น เขาก็พูดออกมาราวกับกำลังต้องการเย้ยหยัน
「ไอ้นั่นมันคำพูดของฉันต่างหาก อย่ามาทำตัวเป็นผู้เสียหายแล้วแค้นกันสิ」
「เหตุผลทุกการกระทำของพวกเราก็คือสังหารคิจินเท่านั้น」
「ถ้าเป็นงั้นเดี๋ยว เธอก็จะได้ตายตามเหตุผลนั้นไป ยังไงน้องชายเธอที่นอนเป็นผักอยู่ตรงนั้นก็เข้ามาด้วยเหตุผลเดียวกันนี่เนอะ」
「――นั่นสินะ คงไม่มีประโยชน์ที่เราจะคุยกันต่อจากนี้ไปเราค่อยมาคุยกันผ่านดาบของพวกเราแทนก็แล้วกัน」
「ไอ้ฉันก็ต้องการแบบนั้นอยู่แล้ว」
จากนั้นดาบสีดำของโซระก็ค่อยๆ ถูกอาบไปด้วยพลังราวกับมันกำลังกรีดร้องออกมา การหมุนเวียนของพลังมันมากเสียจนทำให้ไคลอารู้สึกกดดันจนขยับตัวไปไหนไม่ได้ ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับมังกรที่ย่อขนาดลงมา
――นี่เขาแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ
ไคลอาพึมพำอยู่ในใจของเธอ
ตัวเธอไม่ได้มีเจตนาจะดูถูกโซระแต่อย่างใด แต่เพราะเธอรู้ดีว่าในอดีตโซระนั้นเป็นอย่างไร ตัวตนของชายหนุ่มที่เมื่อ 5 ปีก่อนไม่สามารถสอบผ่านได้แม้กระทั่งพิธีทดสอบ โซระ มิตสึรุกิคนนั้นจะเติบโตมาได้ขนาดนี้เชียวหรือ
โซระในตอนนั้นกับตอนนี้ช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความรู้สึกที่ไม่สบายใจนี้มันค่อยๆ กลายมาเป็นเชือกเส้นเล็กๆ ที่พันธนาการแขนขาของเธอเอาไว้
ที่คำพูดคุยกับโกซุก็เพื่อพยายามจะปั่นหัวพวกเธอจริงๆ งั้นเหรอ ไหนจะเรื่องที่เขากล้าจะประกาศตนท้าสู้กับพวกเธอทั้งสามอย่างไม่เกรงกลัว เขาคือมิตซึรุกิ โซระจริงๆ งั้นเหรอ? ――คำถามต่างๆ ค่อยๆ ผุดขึ้นมาภายในหัวของไคลอา
ตอนนี้โซระได้ง้างอาภรณ์วิญญาณของเขาเอาไว้เหนือศีรษะ คนดาบสีแดงฉานกำลังสะท้อนเข้ากับแสงอาทิตย์ ทำให้เห็นว่าใบดาบมีสีเหมือนกำลังอาบเลือดสดๆ เอาไว้อยู่
ไคลอาหรี่ตาเล็กน้อย เมื่อมองไปยังแสงสะท้อนนั้น จากนั้นเธอก็ค่อยๆ ปรับท่าทางตำแหน่งของเธอใหม่อย่างระมัดระวัง
แม้ระยะห่างของพวกเธอจะไกลกันระดับหนึ่งและเขาก็ไม่มีทางจะฟันเธอได้ด้วยระยะนี้ ดังนั้นสิ่งที่ไคลอาคิดว่าโซระจะใช้ก็มีเพียง “วายุ” ซึ่งเป็นการโจมตีด้วยคลื่นดาบ
แม้ว่า “วายุ”จะเป็นท่าพื้นฐานของการใช้พลังคิ แต่เธอก็ไม่สามารถดูถูกมันได้ เพราะขนาดคลิมที่เข้าไปปะทะกับโซระตรงๆ เขาก็ยังถูกโซระใช้พลังบางอย่างในการยกเลิกผลพลังของอาภรณ์วิญญาณเลย ดังนั้นการจะรับวายุที่แฝงไปด้วยเทคนิคดังกล่าวจึงไม่ใช่เรื่องดีนัก
คงไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่ามันเป็นเรื่องโง่มากหากคิดจะปะทะดาบกับเขาตรงๆ
ดังนั้นเธอจึงเลือกจะใช้สายลมที่สร้างมาจากคุซานางิป้องกันการโจมตีแรกของโซระ เพื่อตรวจสอบความรุนแรงของการโจมตีนั้น แล้วหาทางรับมือ――วินาทีที่เธอตัดสินใจว่าจะทำแบบนั้น ไคลอาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอีกครั้ง
เธอรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้ มันคือสายตาของโซระที่จับจ้องไปยังบางแห่ง
คนที่เขาต้องการจะปลดปล่อยการโจมตีใส่ไม่ใช่ตัวของไคลอา แต่เป็นอีกคนที่อยู่ข้างหลังของเธอ――
「คลิม!!!」
โซระยิ้มออกมาเป็นรูปจันทร์เสี้ยว พอเขาได้ยินเสียงของไคลอา
ในตอนนี้จุดที่ไคลอายืนอยู่นั้นคือตรงกลางระหว่างโซระกับคลิม พวกเธอพยายามปรับตำแหน่งการต่อสู้ไปเรื่อยๆ จนมาถึงจุดนี้ก่อนที่จะรู้ตัวเสียอีก――ไม่สิ โซระน่าจะตั้งใจให้เป็นแบบนี้แต่แรก เขาเล็งมันเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่ใช้เวทนั่นแล้ว
หากไคลอาเลี่ยงการโจมตีดังกล่าว มันก็อาจจะหลุดรอดไปโดนคลิมที่นอนกองอยู่กับพื้นก็ได้
พอเธอมองไปยังอาภรณ์วิญญาณที่แผ่ออร่าออกมาอย่างรุนแรงในมือของโซระ เธอก็มั่นใจว่าการโจมตีนั้นมันเพียงพอที่จะฆ่าน้องชายของเธอ
ดังนั้นสิ่งที่เธอทำได้ก็มีเพียงต้องรับการโจมตีทั้งหมดตรงๆ แทนน้องชายของเธอ
เธอกัดริมฝีปากด้วยความไม่พอใจหลังรู้สึกตัว
นี่เธอถูกต้อนเข้ามาจนมุมได้อย่างไรกัน เป็นเรื่องบังเอิญงั้นหรือ? ไม่มีทางแน่นอน แต่หากมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ก็หมายความว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอเอาแต่เต้นอยู่บนฝ่ามือของคู่ต่อสู้งั้นหรือ?
หากเรื่องที่เขาไว้ชีวิตคลิม มีเพื่อใช้กลยุทธ์นี้ ในการจัดการกับเธอล่ะ…
ความรู้สึกสยองจนหนาวไปถึงสันหลังได้เข้ามาคืบคลานไคลอา
หลังจากนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาราวกับเป็นเข็มที่คอยทิ่มแทงร่ายของเธอ
「มาดูกันหน่อยซิว่าเธอจะหยุดมันได้ไหม รุ่นทองคำเอ๋ย」
หลังสิ้นเสียงนั้น คลื่นของดาบที่มองไม่เห็นก็ถูกฟันออกมา
———
Note 1 : ยัง…ยังสู้กันไม่จบ!!
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code