ตอนที่ 91 โกซุปะทะโซระ (บทต้น)

การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ

ตอนที่ 91 โกซุปะทะโซระ (บทต้น)

ไคลอาเตรียมอาภรณ์วิญญาณของเธอให้พร้อมรับมือกับการโจมตีที่เข้ามาด้วยความมุ่งมั่น

แม้มันจะมีบางอย่างคล้ายสัญญาณเตือนเกิดขึ้นมาภายในใจของเธอ สัญชาตญาณมันกำลังกรีดร้องตลอดเวลาที่เธอเผชิญหน้ากับโซระมันบอกว่าให้เธอรีบหนีออกไปให้เร็วที่สุด

แต่เธอก็จำเป็นต้องข่มมันเอาไว้และรับมือด้วยแรงใจบังคับตัวเธอเอง

หากเธอคิดจะหนีจากจุดที่ยืนอยู่ การโจมตีของโซระก็จะโดนน้องชายที่อยู่ข้างหลังเธอ เธอต้องหาวิธีอะไรสักอย่างในการหยุดมันให้ได้ หากเลวร้ายสุดเธอก็คงต้องกลายเป็นโล่เนื้อให้น้องชายไป――ไคลอาเตรียมใจไว้แล้ว

แม้ว่าทั้งหมดจะเดินไปตามหมากของโซระ แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น

――และในวินาทีนั้นเอง เธอก็รู้สึกเหมือนมีภูเขาปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ

การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วราวกับการวาร์ป ร่างใหญ่ยักษ์ที่รับการโจมตีจากเวทไฟของโซระเข้าไปตรงๆ แต่กลับไม่ได้รับบาดแผลใดๆ เลย ไม่สิขนาดเสื้อผ้าที่เขาสวมมายังไม่กระทั่งรอยไหม้ด้วยซ้ำ

ตั้งแต่การเคลื่อนไหว ไปจนถึงการป้องกัน ความชำนาญในการใช้คิของชายผู้นี้นับว่าอยู่ในกลุ่มแนวหน้าของผู้ใช้มายาดาบเดียว

นักรบผู้ดุดันที่อยู่ในลำดับ 3 ของธงที่ 1 แห่งผืนป่า หน่วยหัวกะทิที่อยู่ภายใต้การนำของผู้นำตระกูลโดยตรง

ชายผู้มีเลเวลถึง 81 ―― โกซุ ชิมะ กำลังยืนเผชิญหน้ากับโซระอยู่

「――เสริมแกร่ง อาภรณ์วิญญาณ」

เสียงทุ้มต่ำดังออกมาจากร่างของโกซุ

สิ่งที่แสดงออกมาเป็นอาภรณ์วิญญาณของเขานั้นช่างดูเหมือนกับดาบธรรมดาที่เห็นได้ทั่วไป

มันไม่ได้แสดงออกถึงลักษณะพิเศษที่คล้ายกับ ดาบเพลิงคุริคาระ หรือดาบวายุคุซานางิ และมันก็ไม่ได้ปลดปล่อยแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวเท่าโซลอีทเตอร์

หากจะให้พูดถึงความพิเศษเพียงอย่างเดียวของดาบเล่มนี้ก็คงจะเป็นลูกประคำที่พันอยู่รอบด้ามดาบ นั่นคืออาภรณ์วิญญาณของโกซุ ชิมะ

แต่ก็อย่างที่รู้กันว่า รูปลักษณ์ภายนอกของอาภรณ์วิญญาณใช่จะเป็นตัวบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งเสียทั้งหมด

และราวกับว่าเขาต้องการจะพิสูจน์เรื่องดังกล่าว โกซุได้เตรียมอาภรณ์วิญญาณของเขาเข้าต่อสู้ทันที

「จงยับยั้ง จูสุมารุ」

โกซุที่นำดาบออกมาได้ใช้มันเข้าปะทะกับการโจมตีของโซระ

วายุที่โซระใช้โจมตีเข้ามานั้นแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมากจากการประสานกันของอาภรณ์วิญญาณและคิของเขา พลังทำลายล้างย่อมมากกว่าผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณคนอื่นที่ใช้วายุแบบเดียวกับเขา

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอนที่เขาสามารถทำลายเวทที่แท้จริงระดับ 8 และเอาชนะจินโบที่เมืองหลวงโฮรัส

มันการโจมตีที่ไคลอาเตรียมใจจะสละชีวิตของเธอเข้ารับแล้ว

ถึงจะเป็นโกซุ หากรับการโจมตีนี้เข้าไปตรงๆ เขาก็คงไม่จบแค่รอยข่วนแน่――นั่นคือสิ่งที่ควรจะเป็น

ทว่าการโจมตีที่ทรงพลังนั้นกลับไม่ถึงตัวของโกซุและแตกสลายไป

ช่างเหมือนกับหิมะที่หลงมาในฤดูใบไม้ผลิ การโจมตีของโซระได้ถูกหลอมละลายหายไปโดยไม่มีเสียงใดๆ ตามมา

หลังจากยืนยันการหายไป โกซุก็พูดกับไคลอาที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง

「จากนี้ข้าจะเป็นคนรับมือเอง เจ้าไปช่วยคลิมเถอะ」

「……เข้าใจแล้วค่ะ ชิบะ」

ไคลอาเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอก็กลืนมันลงไปและก้มหน้ารับ

หลังจากหันไปมองโซระครู่หนึ่ง เธอก็ตรงไปยังหน้าประตูบ้านทันที

จากนี้ไปจะเป็นการต่อสู้กันตัวต่อตัวของโกซุและโซระ

◆◆◆

「การโจมตีเมื่อกี้ช่างวิเศษมากจริงๆ ครับ นายน้――ไม่สิ ท่านโซระ」

「แต่นายก็จัดการมันได้ง่ายๆ เลยนะ ที่พูดนี่ตั้งใจจะเสียดสีหรือเย้ยกันหรือไง โกซุ――หรือจะให้เรียกว่าท่านชิมะดีล่ะ」

โกซุนิ่งเงียบไปราวกับไม่รู้จะพูดอะไรกับโซระดีหลังจากโดนล้อเลียนวิธีการพูด

เขาจ้องมองไปยังท่าทีของโซระโดยไม่ลดการระวังตัวลงเลยสักนิด

โซระย่อมรู้จักอาภรณ์วิญญาณของเขาดีในฐานะที่เขาเคยเป็นคนดูแลโซระมาก่อนจูสุมารุ มีความสามารถในการยับยั้ง ความสามารถของอาภรณ์วิญญาณคู่ต่อสู้――จะให้พูดง่ายๆ ก็คือทำให้การโจมตีนั้นไร้ผล

สิ่งที่เกิดขึ้นกับการโจมตีของโซระเมื่อกี้ ก็เป็นผลมาจากการที่จูสุมารุยับยั้งผลของการโจมตีจากโซลอีทเตอร์

ก็จริงว่าจูสุมารุมันไม่ได้ทรงพลังขนาดที่ว่าสามารถยับยั้งผลของทุกสิ่งได้ พลังของมันไม่สามารถยับยั้งผลของการโจมตีที่แข็งแกร่งกว่าตัวผู้ใช้ได้

ทว่า โกซุก็เป็นถึง 1 ใน 4 เสาหลักแห่งตระกูลมิตสึรุกิ พลังอำนาจของเขานั้นสามารถทัดเทียมได้กับหัวหน้าหน่วยของธงทั้ง 8 จะมีก็เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถใช้อาภรณ์วิญญาณได้อย่างอิสระเมื่อเผชิญหน้ากับโกซุ

และโซระไม่ได้อยู่ในข้อยกเว้นนั้น เมื่อจูสุมารุสามารถยับยั้งพลังของเขาได้ มันก็หมายความว่าความต่างของพลังพวกเขามันชัดเจนแล้ว ดังนั้นคงไม่แปลกหากโซระจะบ่นออกมาว่าทำไมโกซุถึงชื่นชมการโจมตีเมื่อกี้ของเขากัน

แม้โซระจะมีความคิดเช่นนั้นอยู่ แต่กับตัวโกซุแล้วเขาคิดต่างออกไปละตอบออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง

「ข้าไม่ได้มีความคิดเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย มันเป็นการโจมตีที่เต็มไปด้วยพลังและความสามารถ ไม่แพ้พวกระดับสูงของธงแห่งผืนป่าเลย มันทำให้ข้ารู้สึกประทับใจมากที่ท่านมาถึงจุดนี้ได้ด้วยเวลาเพียงแค่ 5 ปี 」

หลังพูดจบ โกซุก็ขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

「นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ข้าพูดเช่นนั้นออกมา ท่านโซระ ทำไมท่านยังจำเป็นต้องใช้เล่ห์กลอยู่อีกเล่า ทั้งที่ตนก็มีพลังมากมายขนาดนั้นแท้ๆ หากท่านตั้งใจจริงๆ ท่านก็สามารถเอาชนะสองพี่น้องเบิร์ชได้อย่างยุติธรรมแท้ๆ ข้าคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าท่านจะใช้กลอย่างการจับตัวประกันเพื่อโจมตีคู่ต่อสู้….」

「แล้วมันจะทำไมล่ะ? 」

โซระไม่ได้สนใจคำบ่นของโกซุเลยสักนิด

โซระก็ไม่รู้หรอกนะว่าในมุมของคนนอกเห็นเป็นเช่นไร แต่สำหรับตัวเขาแล้ว การต่อสู้เมื่อกี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับการเดินบนแผ่นน้ำแข็งบางๆ

คู่ต่อสู้ของเขาทั้งหมดคืออดีตคนดูแลของเขากับรุ่นทองคำอีก 2 คน หากคำนึงถึงความต่างของพลังแล้ว เขาไม่มีโอกาสเอาชนะในการต่อสู้แบบ 1 ต่อ 3 แน่ๆ ดังนั้นเขาจึงต้องพยายามหาทางให้ตนได้สู้กันในเงื่อนไขแบบ 1 ต่อ 1 เท่านั้น

นอกจากนี้เขายังต้องสร้างสถานการณ์ที่จะไม่ทำให้อีก 2 คนที่เหลือตามล่าซูซูเมะในระหว่างที่เขารับมือกับอีกคนด้วย

ดังนั้นเรื่องราวมันก็เลยมาจบลงตรงนี้ เขาไม่รู้สึกเสียใจหรือเจ็บปวดเลยสักนิดถึงมันจะเป็นการต่อสู้ที่ดูไม่เหมาะสม

สิ่งเดียวที่เขารู้สึกกังวลที่สุดตอนคิดแผนก็คงจะเป็นตัวของโกซุ

นั่นก็เพราะโกซุอาจจะเห็นความสามารถของเขาทั้งหมดหากเขาเอาอาภรณ์วิญญาณออกมาใช้ โกซุอาจจะประเมินได้ว่าสองพี่น้องเบิร์ชไม่มีทางเป็นคู่มือของเขาได้ แถมก็มีโอกาสไม่น้อยด้วยที่โกซุจะเข้ามาร่วมสู้ตั้งแต่แรก

แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นแบบนั้น เพราะโซระรู้ดีถึงนิสัยผู้ดูแลเก่าของเขา ถึงโกซุจะเห็นว่าสองพี่น้องกำลังเสียเปรียบอยู่ เขาก็ยังเลือกจะเฝ้าดูอย่างห่าง บางทีเขาคงมองว่า หากให้ทั้งสองลิ้มรสความพ่ายแพ้เสียบ้าง อาจจะทำให้พวกเขาเติบโตมากขึ้น

ผลก็เลยออกมาตามที่โซระคาดเอาไว้ ดังนั้นจากนี้ไปเขาก็ไม่เห็นต้องสนใจอะไรที่โกซุอยากจะบอก

เมื่อเห็นว่าโซระแสดงท่าทีแบบนี้ออกมา โกซุก็รู้สึกขมขื่นอยู่ภายในอก

เมื่อนึกถึงการสนทนาของพวกเขาจนกระทั่งมาถึงตรงนี้ เขาเข้าใจแล้วว่าคำพูดของตนไม่มีทางส่งไปถึงโซระได้แน่

เขาไม่เคยรู้สึกถึงระยะห่างระหว่างตนกับโซระมากขนาดนี้มาก่อนตอนที่พวกเขายังอยู่กันบนเกาะอสูรยักษ์ นั่นทำให้โกซุรู้สึกไม่ค่อยดีนัก

ก็จริงว่าโซระอาจจะโกรธที่พวกเขาทำร้ายคิจินที่ตนดูแล แล้วก็พวกพ้องของเขาบาดเจ็บเพราะพวกตน

ทว่า สิ่งที่ทำให้โกซุรู้สึกไม่สบายใจมากที่สุดก็คือการกระทำของโซระ มันไม่ใช่แค่เพียงความคิดชั่ววูบหรืออะไรทำนองนั้น มันทำให้เห็นได้ชัดเลยว่าโซระในตอนนี้เปลี่ยนไปมากขนาดไหนแล้ว――นั่นคือสิ่งที่โกซุรู้สึกได้

บางอย่างในตัวของโซระตอนนี้เป็นสิ่งที่โซระในอดีตไม่มีอยู่

ความรู้สึกบางอย่างที่ได้จากโซระในอดีต แต่โซระในตอนนี้ไม่หลงเหลือมันอยู่แล้ว

สิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่นะ?

โกซุเปิดปากคุยต่อ

「――ท่านโซระ แข็งแกร่งขึ้นมากจริงๆ แข็งแกร่งเสียจนตัวท่านเมื่อ 5 ปีที่แล้วเทียบไม่ติด แต่ทว่าท่านก็ได้สูญเสียบางสิ่งที่แสนสำคัญที่ตัวท่านในอดีตมีเช่นเดียวกัน」

「หืม แล้วไอ้ของที่ว่ามันอะไรกันล่ะ? 」

「ความปรารถนาที่จะปกป้องประเทศและผู้คนยังไงล่ะ ความภูมิใจในการปกป้องและช่วยเหลือของท่านมันหายไปไหนแล้ว」

「…………」

「ดาบที่ไร้ซึ่งความภาคภูมิใจมันจะทำให้ท่านร่วงหล่นลงไปยังหลุมไร้ก้น ทั้งนายท่านมิตซึรุกิและท่านหญิงชิซึยะย่อมไม่ปรารถนาให้ท่านตกลงไปยังห้วงแห่งความมืดมิดนั้นแน่ ดังนั้นได้โปรด――」

「หุบปากไปซะ」

น้ำเสียงที่เขาใช้ตอบกลับโกซุไปมันช่างเยือกเย็นมากกว่าน้ำในฤดูหนาวเสียอีก

ดวงตาของเขาก็ดูมืดมนลงราวกับกลายเป็นกลางคืน สายตาที่เฉียบคมจ้องมายังโกซุ

「นี่มันก็ผ่านมา 5 ปีแล้วตั้งแต่ฉันถูกเนรเทศออกมา ฉันพยายามคืบคลานแทบตายเพื่อจะมาถึงตรงนี้ ก็จริงว่าสุดท้ายฉันไม่ได้กลายเป็นสิ่งที่ฉันอยากจะเป็น ท่านแม่ก็คงจะรู้สึกผิดหวังในตัวฉัน แต่ว่าพวกนายก็ไม่มีสิทธิ์จะมาพูดแบบนี้กับฉันได้หรอกนะ เพราะก็เป็นพวกนายทุกคนเองไม่ใช่หรือไงที่ทอดทิ้งฉันไปเมื่อ 5 ปีก่อน」

「ท่านโซระ ในฐานะชิบะของตระกูลมิตสึรุกิและในฐานะรุ่นพี่ของสำนักมายาดาบเดียวแล้ว ข้ามีหน้าที่จำเป็นต้องลงทัณฑ์ผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณที่ฝ่าฝืนกฎของตระกูล หากท่านยังไม่คิดจะฟังกันอีก…ข้าก็คงไม่มีทางเลือก จากนี้ไปข้าจะไม่พูดคุยกับท่านด้วยคำพูดอีกแล้ว แต่ข้าจะใช้ดาบของข้าในการหยุดท่านไม่ให้หลงผิดไปมากกว่านี้เอง」

「ก็เอาเลยสิ มาดูกันว่านายจะมีดีสักแค่ไหนเชียว โกซุ ชิมะ!!」

โซระ ตะโกนออกมา และราวกับมันต้องการตอบสนองต่อความโกรธของผู้ใช้ เปลวเพลิงสีดำได้ลุกโชนออกมาจากอาภรณ์วิญญาณของเขา

———

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code